บทความนี้มาจากเบอร์นาเดต จอย (Bernadette Joy) โค้ชด้านการเงินที่มีประสบการณ์ในการจัดการหนี้สินและการลงทุน เจ้าของ Crush Your Money Goals บริษัทให้คำปรึกษาและสื่อที่มุ่งเน้นให้ความรู้ทางการเงิน ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึง เบอร์นาเดต จอย ไปในหัวข้อ 7 นิสัยแห่งความมัธยัสถ์ ‘ที่ไม่ว่ามีเงินมากแค่ไหนก็ไม่หยุดที่จะทำ’ (ลิ้งก์อยู่ในคอมเมนต์ครับ)

เบอร์นาเดต เล่าว่าก่อนหน้าที่เธอจะมาเป็นผู้ประกอบการ ตัวเธอเองเคยทำงานมากกว่า 10 ปี ในตำแหน่งบริหารทรัพยากรบุคคล (HR) ให้กับบริษัทด้านทางการเงินและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีหลายแห่ง ในช่วงเวลานั้น มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาขอขึ้นเงินเดือน

และตอนนี้ ในฐานะโค้ชด้านการเงิน เธอมักจะได้รับคำถามเช่นนี้จากผู้เข้าขอรับคำปรึกษา

“ฉันทำงานที่บริษัทนี้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ฉันรู้ดีว่าฉันได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่างานของฉัน ฉันได้ทำการสำรวจค่าตอบแทนของงานอื่น ๆ และเงินเดือนของฉันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก ฉันต้องการพูดคุยกับผู้จัดการของฉันเกี่ยวกับการขอขึ้นเงินเดือน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร”

เบอร์นาเดตบอกว่า การเจรจาเรื่องเงินเดือนน่ะ ‘พูดง่ายแต่ทำยาก’ โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยมั่นใจ ดังนั้น นี่คือ 4 เคล็ดลับขอขึ้นเงินเดือน จาก CEO ที่มีเคยเป็นฝ่ายบุคคลมาก่อน

1. ตั้งเป้าหมายในการเจรจาเงินเดือนทุกปี

การต่อรองเงินเดือน 'ไม่ใช่เรื่องผิด' เราสามารถพูดคุยได้ตามที่คิดว่าสมควร โดยเฉพาะสำหรับพนักงานผู้หญิง เบอร์นาเดตกล่าวว่า “ถึงแม้คุณจะคิดว่า คุณอาจไม่ได้รับการปรับเงินเดือนก็ตาม คุณควรตั้งเป้าหมายที่จะเข้าเจรจา เพราะการทำให้การเจรจาเป็นเรื่องปกติ แทนที่จะเป็นเหตุการณ์พิเศษนี้จะช่วยเพิ่มคุณค่าของคุณในสายตาของบริษัท และทำให้คุณเข้าใกล้อิสระทางการเงินที่คุณคู่ควรมากขึ้น”

2. มีตัวเลขในใจเมื่อต้องขอขึ้นเงินเดือน

เบอร์นาเดตเล่าว่า เมื่อพนักงานใช้ตัวเลขที่เฉพาะเจาะจงและแม่นยำในคำขอเจรจาครั้งแรกกับเธอในฐานะฝ่ายบุคคล มันทำให้เธอเชื่อว่าพนักงานต้องมีข้อมูล มีการสำรวจตลาดงาน และมีความสามารถมากขึ้น และการมีตัวเลขในใจของพนักงานจะทำให้เธอมีแนวโน้มที่จะเสนอเงินเดือนที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่พนักงงานคนนั้นขอมากขึ้น

“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของฉัน คุณจะได้รับข้อโต้แย้งน้อยมาก เมื่อคุณมีตัวเลขเฉพาะเจาะจง เพราะฝ่ายตรงข้ามจะเข้าใจไปแล้วว่าคุณได้ทำการบ้านมาแล้ว” เบอร์นาเดต กล่าว

3. ใช้เรซูเม่ของคุณเป็นสคริปต์

คล้ายกันกับตอนเริ่มสมัครงาน หากเรซูเม่ของคุณเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ คุณก็มีโอกาสที่จะได้รับการเรียกสัมภาษณ์มากกว่า ดังนั้น แทนที่จะใช้วลีฟุ่มเฟือย ให้รวมเหตุผลที่กระชับว่า ทำไมการจ่ายเงินให้คุณมากขึ้นจะเป็นผลดีสำหรับบริษัท เช่น

- ผลงานของคุณเพิ่มรายได้ให้บริษัทได้อย่างไร
- คุณจะปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร
- การทำงานของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเสร็จเร็วกว่าเพื่อนร่วมงานหรือเปล่า

แทนที่จะเตรียมเหตุผลเหมือนเขียนเรซูเม่เพื่อให้ทีมฝ่ายบุคคลมาอ่าน ให้ลองอ่านออกเสียงและเขียนเหมือนกับว่าคุณกำลังพูดคุยในระหว่างสัมภาษณ์

เบอร์นาเดตย้ำว่า “และโปรดอย่าเขียนเรซูเม่สองหน้า เก็บมันไว้แค่หน้าเดียว ไม่ว่าคุณจะทำงานมานานแค่ไหน”

4. เตรียมแผนการเงินฉุกเฉินให้พร้อม ถ้าไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวัง

เบอร์นาเดตกล่าวว่า “นี่คือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการเจรจาทุกครั้ง คุณต้องพร้อมที่จะเดินออกไปหากข้อเสนอไม่ตรงกับที่คุณต้องการ”

เมื่อคุณได้พิจารณาตัวเลขอย่างรอบคอบแล้ว คุณต้องรู้ว่าข้อเสนอแบบไหนที่คุณควรปฏิเสธ ซึ่งเหตุผลตรงนี้มักจะขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงินของคุณ ความเชี่ยวชาญในสายงาน หรือสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกพอใจในเงินเดือนที่ได้รับ

การมีเงินสำรองฉุกเฉินและปลอดจากหนี้สินจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณกล้าที่จะปฏิเสธข้อเสนอที่ไม่เหมาะสมกับคุณ

เบอร์นาเดตปิดท้ายว่า “จงให้เวลาตัวเองรอโอกาสที่ใช่ และอย่ารับข้อเสนอที่น้อยกว่าคุณค่าและความสามารถของคุณ”

=========================

อย่าพลาดโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้น!

เตรียมพบกับ Make Rich Expo มหกรรมการลงทุนแห่งชาติ ที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนที่ทันสมัยและเข้าใจง่ายกว่าที่เคย! ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดลงทุน หรือผู้ที่มีประสบการณ์ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคต

เข้าร่วมงานฟรี!!
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ ที่ https://bit.ly/4cKxqet

แล้วพบกันวันที่ 2 - 3 November 2024 เวลา 10.00 - 19.00 น. ณ Paragon Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้า Siam Paragon

=========================