ในชีวิตของทุกคนมักจะมีคนที่เราเป็นห่วงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลูก ๆ ที่กำลังเติบโต พ่อแม่ที่ก้าวสู่วัยชรา และคู่ครองที่ต้องอยู่ร่วมกันไปอีกยาวนาน ซึ่งถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ทำให้เราจะต้องจากโลกนี้ไปก่อน คงเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าแล้วคนที่เรารักเราห่วงเขาจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรต่อ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเป็นเสาหลักของครอบครัวที่จะต้องทำงานเพื่อหารายมาเลี้ยงดูสมาชิกทุกคน การล้มของเราเพียงคนเดียวจะสร้างผลกระทบกับทุกคนในครอบครัว ทั้งในเรื่องเงินทอง รายได้ การใช้ชีวิตและการวางแผนอนาคตของตัวเอง

เพื่อป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้ นายปกป้อง ตัวแทนจากทาง คปภ. ขอพาทุกคนไปทำความรู้จัก ประกันชีวิตที่ทำให้เราไม่ต้องเป็นห่วงคนข้างหลัง ได้แก่

1) ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ

ประกันชีวิตประเภทนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองในเรื่องของชีวิตไปพร้อม ๆ กับการออมเงิน พูดง่าย ๆ คือหากเราทำประกันประเภทนี้ไว้ เราจะมีทุนประกันเพื่อเก็บเอาไว้เพื่อคนข้างหลัง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับชีวิตของเรา ก็จะมีการจ่ายทุนประกันเอาไว้ให้กับผู้รับผลประโยชน์นำไปใช้ตามเป้าหมายทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนในครอบครัวหรือเป็นค่าเทอมของบุตรหลานให้ได้รับการศึกษาแม้ตัวเราจะไม่ได้อยู่เพื่อส่งเรียนต่อไป

ในกรณีกลับกันถ้าหากเราไม่ได้เป็นอะไรและยังมีชีวิตอยู่หลังสิ้นสุดสัญญากรมธรรม์ ก็จะมีการจ่ายผลประโยชน์เป็นเงินก้อนกลับมาให้เราแทน นอกจากนี้เงินก้อนนี้สามารถนำไปใช้จ่ายตามเป้าหมายทางการเงินของเราในยามเกษียณได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำไปซื้อทรัพย์สินที่ต้องการ การนำไปใช้ในการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นยังสามารถเป็นมรดกให้กับลูกหลานได้อีกด้วย

ประกันประเภทนี้จึงเหมาะกับคนที่มีความเป็นห่วงคนข้างหลัง อยากมีทุนประกันชีวิตและในขณะเดียวกันก็อยากมีเงินออมเก็บเอาไว้อีกด้วย ตัวอย่างในการทำประกันประเภทนี้ เช่น นาย ก. กำลังอยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว มีลูกยังเล็ก มีพ่อแม่ในวัยเกษียณและภรรยาที่ต้องดูแล ซึ่งพอพิจารณาแล้ว นาย ก. นั้นเป็นเสาหลักของครอบครัว หากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับ นาย ก. หรือ นาย ก. ทำงานไม่ได้ก็ย่อมส่งผลกระทบในเรื่องรายได้ทั้งครอบครัว ทั้งนี้นาย ก. คิดว่าอยากจะเก็บเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณด้วย จึงทำประกันประเภทนี้เผื่อว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะได้มีทุนประกันให้กับครอบครัวแทน และหาก นาย ก. ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังได้เงินออมกลับมาใช้จ่าย

2) ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา

ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความคุ้มครองชีวิตในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น คุ้มครองความเสี่ยงในช่วงระยะเวลา เช่น 5 ปี 10 ปี ประกันประเภทนี้จะไม่มีผลตอบแทนในรูปแบบเงินออม จึงสามารถจ่ายเบี้ยในราคาที่ไม่แพงแต่ได้ทุนประกันและความคุ้มครองระดับสูง จึงเหมาะสมกับคนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงแบบมีกำหนดระยะเวลา จ่ายเบี้ยน้อยแต่ได้ความคุ้มครองสูง

หากเราพบว่าในบางช่วงเวลาของชีวิตเป็นช่วงที่มีความเสี่ยง ถ้าเราได้รับผลกระทบด้านชีวิตย่อมทำให้เกิดปัญหาต่อคนข้างหลังได้ ก็สามารถพิจารณาการทำประกันประเภทนี้ได้ ตัวอย่างเช่น นาย ข. ส่งลูกเรียนต่างประเทศเป็นระยะเวลา 4 ปี ด้วยเงินเดือนตัวเอง ซึ่งนาย ข. ตระหนักได้ว่าหากมีเหตุที่ไม่คาดฝัน ทำให้เขาไม่สามารถส่งลูกเรียนได้ต่อ ภาระทั้งหลายจะตกมาถึงคนอื่น ๆ ในครอบครัว และตัวลูกของเขาที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ 

แต่นาย ข. เห็นว่า การเรียนต่อของลูกเขาใช้เวลาเพียง 4 ปี เขาทำประกันแบบช่วงระยะเวลาเพื่อคุ้มครองชีวิตจนกว่าลูกจะเรียนจบ ในกรณีที่เขาเสียชีวิตภายใน 4 ปี ลูกเขาก็ยังมีทุนประกันเพื่อนำไปเป็นค่าเล่าเรียนได้ แต่ถ้าหาก นาย ข. ยังมีชีวิตอยู่เมื่อเวลาผ่านไปอีก 4 ปี ลูกเรียนจบแล้วกลับมายังประเทศไทย นาย ข. ก็หมดความเสี่ยงในช่วงเวลานั้น ๆ จึงไม่ต้องทำประกันต่อก็ได้

ตัวอย่างต่อมาเช่น ถ้าเรามีภาระหนี้บ้านที่จะต้องผ่อน 10 ปีและมีความกังวลว่าเราภาระนี้จะตกไปอยู่กับพ่อแม่ที่อยู่ในวัยเกษียณ หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันและทำให้เราจากไปก่อน ก็สามารถทำประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา 20 ปีคุ้มครองชีวิตได้ ในกรณีที่เราจากไปก่อนพ่อแม่ก็จะสามารถได้รับทุนประกันเพื่อนำไปชำระหนี้บ้านได้ แต่หากเรามีชีวิตอยู่ดีจนถึงวันที่ผ่อนบ้านหมดก็จะเป็นช่วงเวลาเดียวกับสิ้นสัญญากรมธรรม์ ที่ได้บ้านมาครอบครองและไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันอีกต่อไป

3) ประกันออมทรัพย์

เป็นอีกแบบประกันที่เราจะสามารถทั้งเก็บออมและได้รับความคุ้มครองในคราวเดียวกัน ซึ่งเราสามารถนำมาวางแผนการเก็บออมได้ว่าอยากเก็บปีละเท่าไหร่ เก็บจำนวนกี่ปี ประกันจะมีการจ่ายเงินออกมาตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น ทุกปี หรือ ทุก 2 ปี นอกจากนี้เราจะได้รับผลประโยชน์เงินก้อน เอาไว้ใช้ตามเป้าหมายชีวิตด้วย

จะเห็นได้ว่าทั้งประกันชีวิตแบบตลอดชีพและประกันแบบช่วงระยะเวลาเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราจัดการความเสี่ยงของชีวิตได้ ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงคนข้างหลังในวันที่เราจากไปก่อนเพราะจะมีเงินก้อนเป็นมรดกเอาไว้ให้เป็นเงินทุนในการดูแลชีวิตต่อ ทำให้คนที่อยู่ข้างหลังเราสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่สะดุด

ประกันชีวิตนอกจากจะคุ้มครองความเสี่ยงแล้ว ยังสามารถนำไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีตามเงื่อนไขที่สรรพากรกำหนดได้อีกด้วย อย่าลืมศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ เพื่อการป้องกันความเสี่ยงของชีวิตเราและคนที่เรารักนะครับ

พบกับความรู้เกี่ยวกับประกันได้ที่ คปภ. และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำประกันภัย สามารถติดต่อได้ที่

บทความนี้เป็น Advertorial