ปีนี้เป็นปีแห่ง LTF ปีสุดท้าย

หลังจากที่ต่ออายุมาตลอด ปี 2562 นี้ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วที่การซื้อกองทุนรวม LTF จะยังได้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอยู่ หลายคนอาจจะกังวลเรื่องเม็ดเงินจะไหลออกจากตลาดหุ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เม็ดเงินของ LTF ต่อตลาดหุ้นรวมกันสัดส่วนประมาณ 4% เท่านั้น แถมยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 7 ปีปฏิทินในการทยอยออก เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เราสามารถซื้อ LTF ทิ้งทวนได้ตามปกติเลย

นอกจากเป็น LTF ปีสุดท้าย ปีนี้ก็เป็นปีที่ตลาดหุ้นได้รับปัจจัยกระทบจากหลายทางอีกด้วย

ปัจจัยภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ Trade War หรือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่เขย่าตลาดหุ้นไปทั่วโลก ไทยเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างมาก เนื่องจากไทยเป็นประเทศส่งออกและเป็นหนึ่งใน supply chain ที่เกี่ยวข้องกับระบบการค้าโลกอย่างแยกจากกันไม่ได้ นอกจากนี้ ปัจจัยกดดันเรื่อง Brexit ก็ยังคงสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นอีกด้วย ปัจจัยความไม่แน่นอนในสภาพเศรษฐกิจและการเมืองภาคพื้นยุโรปก็ยังคงส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้นโลกอยู่มากทีเดียว

นอกจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในประเทศก็รุมเร้าตลาดหุ้นไทยไม่แพ้กัน

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตช้าลง ประมาณการณ์ GDP ปรับลดลงมาที่ 2.5 – 3.0% ในปีนี้บอกให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทยที่ยังคงไม่สดใสนัก อีกประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมาก คือ ค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 7 – 8% ตั้งแต่ต้นปีที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกโดยตรง แถมดอกเบี้ยนโยบายก็ยังอยู่ในกรอบที่ต่ำ ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยจึงดูไม่ไปไหน อึดอัด จะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง UOBAM มองกรอบของตลาดหุ้นไทยจะวิ่งอยู่ในช่วง 1,600 – 1,700 จุด

UOBLTF คือ กองทุนแชมเปี้ยนแนะนำจาก UOBAM

UOBLTF ได้รับรางวัลการันตี 4 ดาวจาก Morningstar Thailand ผู้จัดอันดับกองทุนรวมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562) โดยที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างสูงทีเดียว ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 6.37% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 4.15% ต่อปี และผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 12.38% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐาน (SET TRI) ให้ผลการดำเนินงานอยู่ที่ 5.50% ต่อปี 3.41% ต่อปี และ 12.72% ต่อปี ตามลำดับ เรียกได้ว่าใครที่ถือลงทุนมายาว ๆ คงจะพอใจกับผลตอบแทนอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ลักษณะการเลือกลงทุนของ UOBLTF ก็น่าสนใจ

ผู้จัดการกองทุนจะเริ่มต้นคัดเลือกหุ้นเบื้องต้นก่อน โดยหุ้นที่จะนำมาคัดเลือกต่อจะมีขนาดกิจการมากกว่า 5,000 ล้านขึ้นไป และมีปริมาณการซื้อขายสูงกว่า 200 ล้านบาทต่อสัปดาห์ ตรงนี้จะเป็นเครื่องการันตีว่าหุ้นที่ทำการลงทุนจะมีขนาดใหญ่ในระดับต้นๆและมีสภาพคล่องสูงพอที่กองทุนจะเข้าซื้อและขายออกได้ หลังจากเงื่อนไขนี้จะมีหุ้นเข้าเงื่อนไขประมาณ 250 – 300 ตัว

หลังจากนั้นจึงมาคัดคุณภาพกันต่อ

ผู้จัดการกองทุนรวมจะทำการวิเคราะห์บริษัทอย่างละเอียดเจาะลึกกันไปบริษัทต่อบริษัทเลย ขั้นตอนนี้เรียกว่าการวิเคราะห์หุ้นแบบ Bottom Up หลังจากนั้นจึงมาดูเรื่องของ Earning หรือกำไรของบริษัทกันต่อ ถึงขั้นตอนนี้จะมีหุ้นเหลือสักประมาณ 30 – 50 ตัว ผู้จัดการกองทุนก็จะทำการเลือกหุ้นที่ดีที่สุดเพื่อมาจัดเป็นพอร์ตการลงทุนของ UOBLTF

นอกจากให้ผู้จัดการกองทุนเลือกแล้ว 

โดยทางกองทุนจะมีการวิเคราะห์ผลกระทบต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ส่งกระทบต่อหุ้น เพื่อนำมาใช้ประกอบ ร่วมกับการคัดสรรหุ้นจากผู้จัดการกองทุนอีกที โดยการมีเทคโนโลยีมาใช้ก็จะช่วยให้ทางกองทุนสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้มากขึ้นภายในกรอบเวลาที่จำกัด

กลยุทธ์ของ UOBLTF เน้นไปที่หุ้นใหญ่เป็นหลัก

70 – 80% ของพอร์ตการลงทุนจะเป็นหุ้นใหญ่คุณภาพดีที่อยู่ในดัชนี SET50 ส่วนอีกประมาณ 20 – 30% จะเป็นหุ้นที่มีขนาดเล็กลงมา แต่ส่วนใหญ่ก็จะยังอยู่ในดัชนี SET100 อยู่ดี โดยกองทุนรวมจะมีการปรับพอร์ตอยู่ที่ประมาณ 100 – 200% ต่อปี ตรงนี้ก็เพื่อจะช่วยปรับสถานการณ์การลงทุนให้เหมาะสมกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงของปี

แนวทางการเลือกหุ้น คือ เน้นหุ้นคุณภาพและกลุ่มบริโภคภายในประเทศ

ผู้จัดการกองทุนยังเห็นความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอยู่มาก การเลือกหุ้นจึงยังเน้นไปที่หุ้น Defensive หรือหุ้นที่ทนทานต่อเศรษฐกิจผันผวนหรือขาลงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ UOBLTF ยังเน้นไปที่หุ้นที่เน้นการบริโภคภายในประเทศด้วย  หุ้นกลุ่มนี้จะมั่นคงมากกว่า และทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกได้ดี

ใครเหมาะกับ UOBLTF บ้าง

หากเป็นนักลงทุนหุ้นระยะยาวแล้ว UOBLTF ก็ถือว่าเหมาะกับเราเลย เพราะเป็นกองทุนหุ้นที่เน้นความปลอดภัยและหุ้นใหญ่ กลยุทธ์การลงทุนไม่ซับซ้อน ยิ่งถ้าใครเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย UOBLTF ก็จะยิ่งให้ผลประโยชน์ 2 ต่อ เพราะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ได้ด้วย

ส่วนการซื้อก็แนะนำให้ซื้อแบบ DCA (Dollar-cost averaging หรือการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน)

การซื้อ UOBLTF หรือกองทุนรวมใด ๆ ก็ตาม การทยอยไม้ซื้อหรือ DCA จะค่อนข้างดีมากสำหรับนักลงทุนโดยทั่วไป เพราะจะช่วยกระจายต้นทุนให้มีค่าเฉลี่ยปานกลาง ไม่ต่ำไปหรือไม่สูงเกินไป เหมาะกับใครที่จับจังหวะตลาดได้ไม่เก่ง แต่สำหรับปีนี้อาจจะเหลือเวลาอีกไม่มาก แต่การกระจายไม้ซื้อเป็น 2 – 3 ไม้ก็ยังสามารถทำได้เช่นกัน

หากนักลงทุนคนไหนสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนรวม UOBLTF ก็สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uobam.co.th/uobam-ltf2019 ลงทุนเพื่อการออมเงินระยะยาวและสิทธิประโยชน์ภาษีปีสุดท้าย

ลงทุนศาสตร์

บทความนี้เป็น Advertorial