กลับมาพบกับผม หมอนัทอีกครั้งครับ
วันนี้เสนอตอน "กองทุนสินค้าไฮโซ โกอินเตอร์"
เผอิญว่าวันก่อนผมได้เดินเข้าไปซื้อของที่ห้างดังแถวสยาม เห็นคุณผู้หญิงที่เดินช้อบปิ้ง แย่งซื้อสินค้าสินค้าแบรนด์เนม อย่างเอาเป็นเอาตาย
ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงยอมอดตาย ดีกว่าไม่ได้ช้อป 555+ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับ ที่สำคัญเคยมีงานวิจัยชิ้นนึง เคยทำการสำรวจว่า ผู้หญิง ที่เพิ่งเรียนจบใช้เงินเพื่อความสวย และ สินค้าเหล่านี้เป็นกี่ % ของรายได้ ซึ่งน่าตกใจมากครับ ผู้หญิง ใช้เงินถึง 80 % ของรายได้เป็นค่าความสวยงามด้วยสินค้า แบรนด์เนมเหล่านี้ครับ และที่น่าตกใจก็คือ พออายุ 30 ขึ้นไป อัตราการใช้เงินเพิ่มขึ้นเป็น 120 % ของรายได้(หา !!!)
ซึ่งคุณผู้ชายที่อยากจีบสาวอย่าเพิ่งคิดมาก และท้อซะก่อนนะครับ เพราะผมมีทางแก้ครับ โดยการเป็นเจ้าของ กิจการของสินค้า แบรนด์เนม ซะเองเลย ดีไหมครับ ? 55+ เพียงแต่ไม่ต้องไปลงทุนเองครับ เรามาลงทุนผ่านกองทุนรวมกันครับ เผื่อว่าจะได้เงินวนกลับมาบ้างครับ
วันนี้เลยขอพูดถึงกองทุน สินค้าแบรนด์เนม ซึ่งผมชอบที่จะเรียกว่ากองทุนไฮโซครับ
กองทุนที่ผมจะพูดถึงมีอยู่ 2 กองทุนครับคือ
1.T-Premium Brand
2. I-CHIC
กองทุนทั้งสองเป็นกองทุน FIF แบบ Feeder Fund ที่ไปลงทุนในกองทุนแม่กองทุนเดียว (Master Fund) ครับ
บทความเกี่ยวกับ FIF http://bit.ly/RCvHPP
กองทุนแม่ของ T-Premium Brand คือ Pictet Premium Brand Fund
กองทุนแม่ของ I_CHIC คือ Dominion CHIC Fund
ทั้งสองกองทุนนี้จะไปลงทุนในหุ้นของบริษัทสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ครับ
ของ Pictet Premium Brand Fund จะลงทุนกับ หุ้นของบริษัทต่าง ๆ
จะเห็นได้ว่ามี สินค้าแบรนด์เนมที่น่าสนใจอยู่มาก ๆ ครับ
หลายท่านเห็นบางแบรนด์แล้วอาจจะไม่คุ้นเคย แต่ถ้าบอก Product ของแบรนด์เหล่านี้ก็ต้องร้อง อ๋อ !! กันแน่
อย่าง Diageo คือผู้ผลิต เหล้าอย่าง Johnnie Walker นั้นเองครับ
ส่วน Tiffany ไม่ใช่ โชว์ Tiffany แบบบ้านเรานะครับ (- -") แต่มันคือ บริษัททำเครื่องประดับเพชร และ นาฬิกายี่ห้อดังครับ
ที่ผมชอบส่วนตัวคือ Nike ครับ เพราะเป็นผมเป็นลูกค้ารองเท้าบาสของบริษัทนี้อยู่ครับ
ส่วนบริษัทอื่น ๆคงไม่ต้องพูดถึงอย่าง Swatch Gr. , Christian Dior และ L'Ore'al ฯลฯ ก็เรียกได้ว่าเป็นสินค้าที่มีแบรนด์ดังระดับโลกครับ
กองทุนนี้เรียกได้ว่าเป็นกองทุนสินค้าสุดยอดแบรนด์จริง ๆ ครับ เพียงแต่จะมีบางแบรนด์เราไม่คุ้นกันกับ บริษัทแม่เท่านั้นเอง
คราวนี้เรามาดูของ I-CHIC กันบ้าง แบรนด์ดังที่กองทุนนี้เลือกจะเป็นอย่างไรครับ
กองทุนนี้ถือหุ้นเป็นสัดส่วนดังนี้ครับ
จะเห็นได้ว่ามีแบรนด์ที่ซ้ำ ๆ กันอยุ่บ้างแต่ก็ไม่เยอะครับ
แบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็คือ Adidas (รองเท้าและเสื้อกีฬา ชอบโดยส่วนตัวครับ )
ส่วน Burberry Gr. ก็เป็นบริษัทที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นผู้นำด้านสินค้าแฟชั่นที่โด่งดัง มีประวัติยาวนานกว่า 120 ปี
และ Dufry ที่เป็นมหาอำนาจ หรือเจ้าพ่อ Duty free shop ตามสนามบินทั่วโลก
ส่วน Estee Lauder สุภาพบุรุษหลายท่านคงเคยซื้อ night cream กระปุกละหลายพัน-หมื่นเป็นของขวัญภรรยาคงรู้จักดี(รูดปื๊ด ๆ แล้วสิ้นเดือนก็ต้มมาม่า) หรือหนุ่ม ๆ ซื้อเพื่อเอาใจคุณผู้หญิงที่เพิ่งจะเริ่มคบกัน (สิ้นเดือนก็ต้มมาม่าเช่นกัน.....)
ผมคาดว่า ทั้งสองกองทุนอาจจะเริ่มที่จะให้ผลตอบแทนได้ดี เพราะว่าเศรษฐกิจในต่างประเทศเช่นยุโรป และ สหรัฐเริ่มกลับมาดีขึ้นครับ
เนื่องจากเศรษฐกิจที่สหรัฐเริ่มฟื้นตัว และ อัตราส่วนคนรวยในประเทศสหรัฐซึ่งมีมากที่สุดในโลกจึงทำให้ผลประกอบการของกองทุน 2 กองนี้น่าติดตามมากขึ้นไปด้วย ส่วนในช่วงปีที่ผ่านมา นักช้อปชาวเอเชียก็เริ่มมีมากขึ้นครับ โดยเฉพาะชาวจีนที่มีรายได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน และชาวไทยที่ต่อคิวพรีออเดอร์กันอย่างเมามัน 55+
จะเห็นได้ว่ายามเศรษฐกิจตกต่ำ สินค้าเหล่านี้ก็อาจจะได้ผลกระทบบ้าง แต่ผู้หญิงทั่วโลกยอม อด แต่ไม่ยอมไม่สวย ดังนั้นสินค้าเหล่านี้ก็น่าสนใจในการลงทุนใช่ไหม ในทางกลับกัน พอช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สินค้าเหล่านี้ก็จะยิ่งขายดีขึ้นมาก ๆ ๆ ครับ
ก่อนจะเริ่มดูรายละเอียดในกองทุน หากท่านไหนที่ไม่เคยได้อ่านบทความของผมมาก่อน แนะนำให้อ่านบทความนี้ก่อนนะครับ http://bit.ly/SAaw23
เพราะว่าจะได้ทราบถึงค่าสถิติต่าง ๆ รวมถึงการอ่านกราฟด้วยครับ
จากรูปแบบการถือครองหุ้นที่มีอยู่ในกองทุนจะเห็นได้ว่าเหมือนกันแทบจะเรียกได้ว่าเหมือนกันครับ
คือเป็นแบบ หุ้นที่มีความใหญ่ และเป็นหุ้นที่มีความเติบโตสูงมาก เนื่องจากสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงโรงแรม และ บริษัทที่ผลิตสินค้า ไฮโซเหล่านี้
มีความต้องการมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่เช่น จีน ทำให้มีการเติบโตสูงครับ
ที่มา : MorningStar Direct
คราวนี้เรามาดูถึงผลตอบแทนของทั้งสองกองทุนกันดีกว่าครับ
ในเรื่องของผลตอบแทน ดูเหมือนว่ากองทุน T-Premium Brand : นั้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าครับ
ที่มา : MorningStar Direct
แต่เราจะดูผลตอบแทนอย่างเดียวไม่ได้ครับ เราต้องดูถึงความเสี่ยงที่จะขาดทุนด้วยครับ
จากกราฟเราจะเห็นได้ว่ากองทุน I-CHIC เคยติดลบน้อยกว่านะครับ หรือความเสี่ยงที่จะติดลบมาก ๆ ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก(แต่ก็มีความเสี่ยงระดับเดียวกับกองทุนหุ้นครับ)
โดย I-CHIC เคยติดลบมากที่สุดประมาณ 13 % ส่วน T-Premium Brand เคยติดลบสูงสุดอยู่ที่ ประมาณ 24 % ครับ ลองดูว่าท่านผู้อ่านจะรับความเสี่ยงได้ไหมนะครับ ถ้ารับความเสี่ยงได้สูง สองกองทุนนี้ก็น่าสนใจครับ
อย่างที่ผมบอกเสมอคือ
ต้องดูด้วยว่ากองทุนที่เราเลือกนั้น ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอด้วยรึเปล่านะครับ
ส่วนความสม่ำเสมอของกองทุน น่าจะพอ ๆ กันครับ แต่การแกว่งของ I-CHIC จะน้อยกว่าของ T-Premium Brand เล็กน้อย
ส่วนของ T-Premium Brand ก็ทำผลงานได้ดีกว่า I-CHIC ตลอดทุกช่วงของ Rolling return ครับ
แต่ทั้งส&