TMB  Open Architecture : Top Rating

สวัสดีครับ นักลงทุนในกองทุนรวมทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ในช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนแทบทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่จะผันผวนไปในทางลงมากกว่า จนผมเห็นหลายคนบอกว่า อยากจะปิดหน้าจอ ไม่อยากรับรู้การขึ้นลงของราคาหุ้นอีกต่อไปเลยทีเดียวครับ หรือบางคนก็บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่จะได้กลับไปตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่แทนการลงทุน (555+)

ผมอยากจะบอกว่าอย่าเพิ่งท้อใจกันไปก่อนนะครับ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นแย่ หรือว่ามีความผันผวน สูง ๆ แบบนี้แหละครับ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเลือกสินทรัพย์ เพื่อลงทุน หรือ พูดง่าย ๆ ว่า มีจังหวะให้เราพิจารณา เพื่อเตรียมแผนการลงทุน ถ้าหากฝุ่นหายตลบแล้วเมื่อไหร่ ก็จะได้ลงทุนได้อย่างรวดเร็วทันการณ์ ไม่ใช่ว่ารอคอยให้ตลาดหุ้นกลับมาดี แล้วค่อยเหลียวมองตลาดหุ้น หรือ วางแผนการลงทุน ซึ่งจะทำให้เราพลาดโอกาสอันดีงามไป

ส่วนแนวทางการเลือกกองทุนหุ้น เพื่อลงทุนนั้น ก็มีหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นดูผลตอบแทนย้อนหลัง การดูสไตล์การลงทุน ประกอบกับค่าธรรมเนียม บางคนก็อาจจะดูถึง ผู้จัดการกองทุน ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนเอง หากไม่ได้มีเวลามากนัก บางครั้งก็อาจจะต้องเพิ่ง “Rating” ในการลงทุนแทน ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกที่นิยมกันในปัจจุบันครับ

โดยบริษัทที่ทำการจัด Rating กองทุนก็มีหลากหลายครับ แต่ในบ้านเราที่นิยมมาก ๆ ก็ได้แก่ Morningstar นั่นเอง โดยทาง Morningstar นั้นจะจัดอันดับกองทุน โดยดูจากผลตอบแทนย้อนหลัง และความเสี่ยง รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อผลตอบแทนของกองทุน จากนั้นก็รวบรวมเป็นคะแนน และจัดอันดับ จากนั้นก็สรุปออกมาเป็น “ดาว” ครับ โดย 5 ดาว ถือว่าเป็น Rating ที่ดีที่สุดของทาง Morningstar หรือเรียกว่า Top Rating รองลงมาก็จะเป็น 4 ดาว และ 3 ดาว ลดหลั่นกันลงตามการจัดอันดับ

โดยกองทุน Top Rating เป็นกองทุนที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังดีมากเมื่อเทียบกับกองทุนกลุ่มเดียวกันจากทั้งหมดในอุตสาหกรรมครับ

เพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลา เราจะมาดูกันดีกว่าว่า กองทุนที่น่าสนใจ ที่ทาง Morningstar ได้จัดอันดับให้เป็น Top Rating และน่าติดตามคือ กองทุนไหนบ้างครับ

กองทุนเปิด TISCO Mid/Small Cap Equity Fund (TISCOMS)

กองทุนนี้ ถือว่าเป็นอีกกองทุนที่น่าสนใจ ซึ่งถ้าใครที่ชื่นชอบ หรือสนใจการลงทุนในกองทุนหุ้นประเภท Mid-Small Cap  หรือ หุ้นเล็ก-กลาง ที่มีความร้อนแรง และมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่สูงมาก ๆ แล้วละก็ ผมบอกเลยครับว่า กองทุน TISCOMS จาก บลจ. ทิสโก้ นี้นับเป็นอีกกองทุนที่ต้องพิจารณาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยครับ ต้องหยิบมาเปรียบเทียบกับกองทุนอื่น ๆ ด้วย เพราะว่ามีผลตอบแทนย้อนหลังที่โดดเด่นมากครับ

แต่กองทุนนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องผลตอบแทนนะครับ เรามาดูกันดีกว่าว่า กองทุนนี้มีอะไรที่พิเศษกว่ากองทุนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น และหากใครที่เพิ่งจะเริ่มต้นลงทุนกับกองทุนหุ้น ก็จะได้เข้าใจก่อนที่จะลงทุนในกองทุนนี้ครับ

ถึงแม้ว่ากองทุน TISCOMS นั้น จะเพิ่งจัดตั้งมาได้ประมาณ 3 ปี ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่นาน แต่ด้วยนโยบายการลงทุนที่เลือกหุ้นมีมูลค่าตลาดหรือ Market Capไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท โดยเลือกหุ้นจากแนวโน้มในการเติบโตสูง รวมถึงหุ้นที่ยังมีราคาไม่แพงมากนัก ทั้งจากในตลาดหลักทรัพย์ SET และ MAI นั้นทำให้กองทุน Small Cap จาก บลจ.ทิสโก้กองทุนนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ในเกณฑ์ดีมากนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมา

จาก Website- Morningstar : กองทุนเน้นการลงทุนไปที่หุ้นเล็กที่มีพื้นฐานดี และยังมีราคาไม่แพง โดยผสมกับหุ้นที่มีการเติบโตสูง (Blend) อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับนะครับว่าการลงทุนในกองทุนหุ้นประเภท Mid-Small Cap นั้นส่วนมากแล้วจะค่อนข้างมีความผันผวนมาก และมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนหุ้นในกองทุนค่อนข้างบ่อย หรือ มีการปรับหุ้นในกองทุนตามสถานการณ์อย่างรวดเร็วครับ

ซึ่งหากใครอ่านในรายงานประจำปี หรือ รายงานประจำ 6 เดือนของกองทุนจะพบว่า มีการปรับเปลี่ยนหุ้นในกองทุนบ่อยครั้ง (ดูที่อัตราส่วน Portfolio Turnover Ratio) แสดงถึงสไตล์การลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรมากกว่าการซื้อหุ้น แล้วถือนาน (Buy and Hold) นั้นก็หมายความว่า ผู้จัดการกองทุน และทีมงาน ได้คัดเลือกหุ้นที่อยู่ในธีมการลงทุนของนักลงทุน หรือไม่ก็เป็นหุ้นดี นอกสายตา ของใคร ๆ ก็เป็นไปได้ครับ

อีกทั้งมีการถือหุ้นน้อยตัว (ประมาณ 20 ตัว และ 10 ตัวแรกก็มีสัดส่วนประมาณ 65% ของพอร์ตการลงทุน) ก็ทำให้กองทุน TISCOMS นี้มีความผันผวนที่ค่อนข้างสูงทีเดียว 

ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่สามารถรับความผันผวนจากการลงทุนได้มาก และอยากได้ผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในกองทุนหุ้น Mid-Small Cap ในระยะยาวแล้วละก็ กองทุน TISCOMS นี้นับเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว

กองทุนเปิด TISCO Mid/Small Cap Equity Fund (TISCOMS)

จากข้อมูลเบื้องต้น จะเห็นได้ว่ากองทุนนี้จะเน้นไปที่ หุ้นที่มีขนาดเล็ก-ขนาดกลางเป็นหลักครับ ตามชื่อของกองทุนเลย ซึ่งข้อดีของการลงทุนในหุ้นที่มีขนาดเล็ก - ขนาดกลางก็คือ โอกาสในการเติบโตที่สูงกว่าการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ครับ

ลองคิดง่าย ๆ ครับ หุ้นที่มีขนาด 1 พันล้าน จะโตไปเป็นหุ้นที่มีขนาด 2 พันล้าน ในเวลา 5-7 ปีนั้น มีความเป็นไปได้มากกว่า หุ้นที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ เช่น 1 แสนล้าน จะโตไปเป็นหุ้นขนาด 2 แสนล้านภายในระยะเวลาที่เท่ากัน คงเป็นไปได้ยากมากครับ

จากประสบการณ์ กองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนที่ดีกองทุนหนึ่งเลยครับ ซึ่งกองทุนนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการผลตอบแทนสูง ๆ และรับความเสี่ยงสูงได้

ถ้านักลงทุนชอบสไตล์การลงทุนที่ผมได้กล่าว