การลงทุนของมนุษย์เงินเดือนใน LTF – RMF ด้วยวิธีคิดแบบ DCA
หลายคำถามของคนที่กำลังเลือกซื้อกองทุน LTF-RMF เพื่อนำไปลดหย่อนภาษี เช่น เราควรจะเลือกซื้อแบบจ่ายเงินปันผลหรือไม่จ่ายเงินปันผล ควรทยอยซื้อรายเดือนหรือสะสมเป็นก้อนแล้วซื้อทีเดียวตอนสิ้นปี ฯลฯ ในบทความนี้อภินิหารเงินออมจะมาเล่าแนวคิดพร้อมยกตัวอย่างจริง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายๆและเลือก กองทุนที่เหมาะสมกับตัวเองนะจ๊ะ
LTF & RMF เราเลือกอะไรดีล่ะ?
ควรเข้าใจความแตกต่างของ LTF กับ RMF ก่อนตัดสินใจเลือกนะจ๊ะ
จุดตัดสินใจว่าจะเลือกแบบไหน คือ เป้าหมาย ก็ต้องดูว่าตัวเองต้องการได้รับอะไรจากเงินก้อนนี้ที่นอกเหนือจากการลดหย่อนภาษี เช่น
เราต้องการเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ ควรเลือก RMF เพราะเป็นการบังคับให้ตัวเองเก็บเงินระยะยาว
เราต้องการรับเงินปันผลระหว่างทาง และได้รับลดหย่อนภาษีแบบต่อเนื่อง ควรเลือก LTF แบบจ่ายเงินปันผล
เป้าหมายที่ 1 เงินเกษียณ
เราต้องการเก็บเงินไว้ใช้ตอนเกษียณ แต่ด้วยความผันผวนของตลาดอาจทำให้เจอราคาของกองทุน RMF เป็นแบบนี้...
ภาพจาก www.wealthmagik.com
ภาพนี้เป็นราคาย้อนหลังของ RMF กองหนึ่งที่ลงทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ มีความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงมี 1 - 8 ระดับ เริ่มตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปสูง) ที่มีราคาขึ้นๆลงๆ เป็นไปตามสภาวะความผันผวนของตลาด ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากซื้อกองทุนช่วงที่ราคาต่ำสุด เพราะจะได้มีต้นทุนถูก แต่ความจริง คือ เราไม่รู้ว่าอนาคตราคาจะขึ้นหรือลง แต่ถ้าถือกองทุนไว้ในระยะยาว จะเห็นได้ว่ากองทุนนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าไม่รู้ว่าจะลงทุนตอนไหน อาจจะใช้วิธีการซื้อกองทุนทุกเดือน
เราเรียกวิธีการนี้ว่า DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost Averaging หรือเรียกง่ายๆว่า “การซื้อถัวเฉลี่ยต้นทุน” เป็นการสร้างวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ให้เงินทำงานแบบอัตโนมัติทุกเดือน ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยไม่ต้องสนใจว่าตอนนั้นราคาจะเป็นเท่าไหร่ เหมาะกับการลงทุนเพื่อเป้าหมายระยะยาว เช่น เงินเกษียณ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เรามาดูตัวอย่างการ DCA กันนะจ๊ะ
ตัวอย่าง เราซื้อกองทุน XXX เดือนละ 5,000 บาททุกต้นเดือน ผ่านไป 3 เดือน จะเป็นอย่างไร
การคำนวณเองอย่างง่ายๆ
เงิน 5,000 บาทซื้อกองทุนได้กี่หน่วย
วิธีคำนวณ คือ จำนวนเงินลงทุน / ราคาที่ซื้อ
5,000 / 24.8729 = 201.0220 หน่วย
เราจะเห็นว่าถ้ากองทุนราคาลดลง เราจะซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนมากขึ้น แต่ถ้ากองทุนราคาเพิ่มขึ้น เราซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนน้อยลง
ผ่านไป 3 เดือนต้นทุนของเราเท่าไหร่
วิธีคำนวณ คือ เงินลงทุนทั้งหมด / จำนวนหน่วยทั้งหมด
15,000 / 588.2680 = 25.4986 บาท
เพราะฉะนั้นต้นทุนของเราที่ซื้อทุกเดือนจะได้ราคาเฉลี่ย ที่ไม่ใช่ราคาสูงสุดหรือต่ำสุด
ตัวอย่างของการซื้อกองทุนทุกเดือน
เรามาดูตัวอย่างจริงกันจะได้เห็นภาพชัดขึ้น ถ้าเราซื้อกองทุน KEQRMF (กองทุนเปิดเค หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ) ตั้งแต่ปี 2558 ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เดือนละ 5,000 บาท มาถึงตอนนี้เดือน พ.ค. 62 ประมาณ 3 ปีกว่าๆ ได้รับผลตอบแทนเฉลี่ย 7.49% ต่อปี จากเงินต้น 265,000 บาท เติบโตเป็น 307,290.69 บาท
ที่มา : www.wealthmagik.com
แต่เส้นทางการลงทุนทุกเดือนแบบ DCA ก็ต้องมีทั้งช่วงกำไรและขาดทุนเป็นเรื่องธรรมดา
จากภาพข้างล่างนี้จะเห็นว่ามีบางช่วงที่ซื้อตอนขาดทุน นี่เองที่เรียกว่าความผันผวนระยะสั้นที่เราจะต้องรักษาวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอด้วยการซื้อตามแผนที่วางไว้ต่อไป หากเราเข้าใจธรรมชาติของการลงทุนและผ่านจุดนี้ไปได้ก็จะสำเร็จตามเป้าหมายที่คิดไว้นะจ๊ะ
ที่มา : www.wealthmagik.com
ข้อมูลเพิ่มเติม : การซื้อกองทุนแบบ DCA ไม่เฉพาะแต่การซื้อ RMF เท่านั้น แต่ถ้าคนที่ต้องการทยอยซื้อกองทุน LTF รายเดือน ยังพบว่า >> จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี (พ.ศ. 2552 – พ.ศ. 2561) มีถึง 7 ปี เราจะได้หน่วยลงทุนที่ราคาต่ำกว่าซื้อแบบลงทุนก้อนใหญ่ครั้งเดียวในช่วงปลายปี (ข้อมูลจาก KAsset*) *ลงทุน 5,000 บาท ทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน เปรียบเทียบกับลงทุนครั้งเดียว 60,000 บาท ณ 30 ธ.ค.ของทุกปี โดยคิดจากดัชนี SET TRI |
เป้าหมายที่ 2 รับเงินปันผลระหว่างทางและได้รับลดหย่อนภาษีแบบต่อเนื่อง
กองทุนรวมจ่ายเงินปันผลเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้เงินระหว่างการลงทุน แล้วถ้าต้องการให้เงินก้อนนี้ได้รับลดหย่อนภาษีแบบต่อเนื่องด้วย เรามาดูว่าทำอย่างไร
? เงินปันผลจากกองทุน
เราเลือกได้ว่าจะให้กองทุนหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่ก็ได้
ถ้าเราเลือกไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย 10% จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี
ถ้าเราเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เราจะนำเงินส่วนนี้มายื่นภาษีหรือไม่ มีแนวคิดดังนี้
ถ้าเรามีฐานภาษีน้อยกว่า 10% ควรนำมายื่นภาษี เพราะจะได้เงินที่ถูกหักภาษีไปกลับคืนมา
ถ้าเรามีฐานภาษีมากกว่า 10% ไม่ควรนำมายื่นภาษี เพราะจะทำให้เรามีภาระภาษีสูงขึ้น
? ได้รับลดหย่อนภาษีแบบต่อเนื่อง
LTF ก้อนที่ครบกำหนดแล้วเราเลือกได้ว่าจะเก็บไปเรื่อยๆ หรือขายออกมาเพื่อซื้อก้อนใหม่รับสิทธิลดหย่อนภาษีก็ได้ ส่วนใครที่เลือกวิธีหลังเราจะแนะนำ DCA ขายกองทุนที่ครบกำหนดแล้วว่าควรทำอย่างไร รับรองว่าไม่ขายผิดก้อนแน่นอน มี 2 ขั้นตอนจ้า
ขั้นตอนที่ 1 ดูวันครบกำหนดขาย
ช่วงที่ผ่านมามีการปรับหลักเกณฑ์ LTF กันนิดหน่อย ตามนี้จ้า
แปลว่า หากปีนี้ (2562) เราต้องการขาย LTF จะต้องขายก้อนที่ซื้อมาในปี 2558 หรือก่อนหน้านั้น ถึงจะขายได้แบบไม่ผิดเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 2 ขายเป็นหน่วยลงทุน
ขายตามจำนวนหน่วย LTF ที่ครบกำหนดจะได้ไม่ขายผิดกอง เราเลือกขายทีเดียวทั้งก้อนหรือแบ่งขายรายเดือนก็ได้
ตัวอย่างการลงทุนจริง
ถ้าเราซื้อกองทุนรวม KDLTF (กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล) ตั้งแต่ปี 2558 แล้วลงทุนทุกเดือนๆละ 5,000 บาท ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึงเดือน พ.ค. 62 จะเป็นอย่างไร
จำนวนหน่วยลงทุน
เราซื้อกองทุนรายเดือน ถึงตอนนี้มีหน่วยลงทุนรวมทั้งหมด 13,810.6974 หน่วย มีต้นทุนเฉลี่ย 19.1880 บาท แบ่งเป็นรายปีดังนี้
การขาย LTF ที่ครบกำหนด
ความแตกต่างระหว่างการขายและไม่ขาย LTF ที่ครบกำหนด
ขาย : มีเงินใช้จ่ายหรือนำไปซื้อ LTF ก้อนใหม่เพื่อรับลดหย่อนภาษีในปีนั้น
ไม่ขาย : ได้ลงทุนต่อเนื่องระยะยาวซึ่งจะได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ต่ำกว่าปัจจุบัน รวมทั้งยังเอาเงินปันผลไปใช้หรือลงทุนต่อได้ด้วย
จากตารางปี 2558 เรามีหน่วยลงทุนทั้งหมด 3,251.0776 หน่วย ที่ต้นทุนเฉลี่ย 18.4554 บาท (ปัจจุบัน KDLTF มีราคารับซื้อคืนอยู่ที่ 19.4443 บาท) มีวิธีการขาย ดังนี้
ขายทีเดียว หากขายตอนนี้ได้รับเงิน 63,214 บาท (มาจาก 3,251.0776 x 19.4443) ได้กำไร 3,214 บาท (มาจาก 3,251.0776 x 0.9889) แล้วนำมาซื้อ LTF ก้อนใหม่ เพื่อลดหย่อนภาษีของปี 2562
แบ่งขายรายเดือน มิ.ย.- ธ.ค. 62 เหลือเวลาอีก 6 เดือน แบ่งขายเดือนละ 541.846 หน่วย (มาจาก 3,251.0776 / 6 เดือน) ราคาที่ขายได้จะเป็นราคาเฉลี่ย
เงินปันผล
เวลา 4 ปีกว่าๆ เราได้เงินปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง รวมทั้งหมด 21,519.64 บาท (จำนวนเงินปันผลอ่านได้ที่หนังสือชี้ชวน) คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ย 5.66% ต่อปี
เราถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 2,151.964 บาท (มาจาก 21,519.64 x 10%) แนวคิดว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นภาษี
ถ้าเรามีฐานภาษีน้อยกว่า 10% แล้วนำเงินปันผลก้อนนี้ยื่นภาษี เราจะได้รับเงินที่ถูกหักไปทั้งหมด 2,151.964 บาท กลับคืนมา
ถ้าเรามีฐานภาษีมากกว่า 10% ไม่ควรนำมารวมยื่นภาษี เพราะจะทำให้เรามีภาระภาษีสูงขึ้นจ้า
KEQRMF และ KDLTF
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะอยากรู้แล้วว่ากองทุนรวมที่ยกตัวอย่างไปทั้ง 2 กอง คือ KEQRMF และ KDLTF มีนโยบายการลงทุนอะไร มีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร สรุปสั้นๆให้ฟังตรงนี้เลยจ้า
ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 62
โปรโมชั่นเดือนสุดท้าย!!
โปรโมชั่นพิเศษเดือนสุดท้ายแล้ว เมื่อลงทุน LTF/RMF ที่ร่วมรายการ ผ่านแอป K PLUS หรือ K-My Funds ครบยอดเงินลงทุนสุทธิตามเงื่อนไข จะได้รับ Starbucks e-Coupon สูงสุด 400 บาท ฟรี!!
ทยอยลงทุนได้ตั้งแต่ 18 มี.ค. - 28 มิ.ย. 62
อ่านรายละเอียดโปรโมชั่นได้ที่ https://bit.ly/2YL14dJ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจจะเลือกได้แล้วว่าตัวเองเหมาะกับ LTF หรือ RMF พร้อมกับแนวคิดและตัวอย่างจริงของการซื้อขายแบบ DCA ที่ซื้อเป็นบาทและขายเป็นหน่วย สิ่งสำคัญ คือ เป็นการให้เงินทำงานด้วยวินัยการลงทุนอย่างสม่ำเสมออีกด้วย รู้แล้วก็อย่ารอให้ถึงสิ้นปี เพราะซื้อ LTF & RMF ที่ดีที่สุด คือ การลงทุนวันนี้นะจ๊ะ ^^
ก่อนจากกันวันนี้ ฝากข้อคิดการลงทุนว่า…
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาข้อมูลภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เงินปันผลจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% หรือสามารถเลือกให้ไม่หัก ณ ที่จ่ายก็ได้ แต่จะต้องนำเงินปันผลไปรวมเป็นรายได้ เพื่อคำนวณภาษีเงินได้สิ้นปี
#KAsset #KDLTF #KEQRMF #คำตอบที่ใช่ของการลงทุน
บทความนี้เป็น Advertorial