หนี้บัตรเครดิต

“อยากใช้อะไรก็ใช้ คือ ทุกอย่างที่สามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเครดิต เราก็รูด รูดสะบัด จนวันหนึ่งลำพังรายได้ของเรา มันไม่พอผ่อนแม้กระทั่งจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต มันกลายมาเป็นความเครียดส่วนตัว ในขณะที่เพื่อนบางคนเค้ามีหลักมีฐานมีกิจการมีทรัพย์สิน แต่ทำไมเราถึงมีแต่ยอดติดลบ … เราก็เริ่มมาตั้งสติดู”

นี่คือบทสัมภาษณ์หนึ่งจากมาดามฟินนี่….

ในรายการ aomMONEY Inspired  


คนส่วนใหญ่มักคิดว่าคนที่ทำอาชีพอยู่กับตัวเลขอย่าง “นักบัญชี” จะต้องเป็นผู้ที่รู้ในเรื่องของการเงินและวางแผนการเงินตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แต่ความจริงแล้ว...ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป แม้จะทำงานกับอยู่เงินและตัวเลขตลอดเวลา หากยังใช้เงินไม่เป็น ก็สามารถเป็น “หนี้” ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หนี้บัตรเครดิต” 

เราลองมาอ่านเรื่องราวและแนวคิดของ “พี่หนึ่ง พนิดา ชูกุล” หรือ “มาดามฟินนี่” aomMONEY GURU อดีตสาวบัญชีหน้าที่การงานดี แต่พลาดเรื่องการใช้เงิน จนเป็นหนี้บัตรเครดิตเหยียบล้าน เธอมีมุมมองและจัดการกับปัญหาอย่างไร ทางทีมงานรายการ aomMONEY Inpired ได้นำเรื่องราวและแนวคิดดีๆ จากบทสัมภาษณ์ในรายการ มาทำเป็นบทความให้เพื่อนๆ ทุกคนอ่านกันครับ 


อยากให้แนะนำตัวเองหน่อยครับ

มาดามฟินนี่ : แนะนำตัวนะคะ มาดามฟินนี่คะ ชื่อจริงก็คือ พนิดา ชูกุล จบปริญญาตรีบัญชีธรรมศาสตร์แล้วก็ปริญญาโทกฎหมายเศรษฐกิจที่จุฬา ปัจจุบันทำอาชีพเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี แล้วก็เป็นเจ้าของเพจมาดามฟินนี่ 


ทำไมถึงมาทำเพจมาดามฟินนี่

มาดามฟินนี่ : เพจมาดามฟินนี่เกิดขึ้นตอนที่มาสมัครเป็นนักเขียนรับเชิญกับทาง aomMONEY เป็นนามปากกาที่คิดขึ้นมาก็คือว่าคำว่า "มาดาม" เนี่ยมันดูมีความแบบดูมีอะไร น่าเชื่อถือ ส่วนฟินนี่ ก็คือมาจากไฟแนนซ์+มันนี่ ซึ่งก็รวมๆ เป็นเรื่องของการเงินที่เราสนใจ


ก่อนเป็นมาดามฟินนี่ทำอะไรมาบ้าง?

มาดามฟินนี่ :  : ทำอะไรมาบ้าง.. ก็พอเรียนจบ แน่นอนก็คือเข้าไปทำงานในบริษัทตรวจสอบบัญชี ซึ่งเค้าก็จะเรียกว่า "Audit Firm" บริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน BIG 4 ก็หาประสบการณ์ตรงนั้น สอบได้ใบ CPA เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีก็ทำอยู่ประมาณสัก 4-5 ปี ก็เลยลาออกเพื่อไปหาประสบการณ์กับงานด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นทำบัญชี เป็นผู้จัดการการเงิน เป็นผู้จัดการโรงเรียนออกไปหาประสบการณ์ตรงนี้อีกสัก 7 ปี แล้วก็กลับมาสู่วงการตรวจสอบบัญชีอีกครั้งนึง เพราะว่าเราชอบไลฟ์สไตล์ที่เป็นอิสระ


รูดบัตรเครดิตยังไง จนเป็นหนี้เหยียบล้าน

มาดามฟินนี่ : ถ้าพูดรวบคำเดียวเลยก็คือว่า “ใช้ไม่คิด” ใช้ไม่เคยดูเลยว่าใช้ไปถึงไหน เราไม่ได้สนใจว่าใน ณ ตอนนั้นน่ะเราจะมีเงิน หรือเราใช้เงินไปเท่าไหร่ ด้วยความที่ตอนนั้นยังเด็ก ยังโสด ไม่ได้มีภาระอะไรอยากใช้อะไรก็ใช้ ไม่ว่าจะเครื่องสำอาง รูดบัตรไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ตั๋วเครื่องบินทุกสิ่งอย่าง ช้อปปิ้งเสื้อผ้า ไปเรียนภาษาอังกฤษคอร์สแพงๆ คือทุกอย่างที่สามารถจ่ายได้ด้วยบัตรเครดิต อันนี้ยอดนี้รวมถึงบัตรกดเงินสดด้วย 

พอเราใช้ไม่คิด ไม่เคยรวมยอด ไม่เคยติดตามมัน พอมันมี Option ให้จ่ายขั้นต่ำจ่ายไม่เต็ม จ่ายขั้นต่ำมาตั้งแต่ตอนอายุ 20 ปลายๆ ดังนั้นมันเกิดต่อเนื่องมาแบบ 6-7 ปี คือเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยยืมเงินเพื่อนนะ เรายืมเงินธนาคาร และด้วยความที่เราประวัติดี โปรไฟล์ดี หน้าที่การงานดี เครดิตมันดีตามไปด้วยนั่นคือสาเหตุที่สามารถทำให้มีบัตรเครดิตได้หลายใบ เรียกได้ว่าเป็นสิบใบ มันถึงก่อหนี้ได้ยอดขนาดนั้น พอมันชักเยอะๆ จ่ายเต็มไม่ไหวละ เราก็จ่ายไม่เต็ม จากไม่เต็มก็เหลือขั้นต่ำ จนจากแม้แต่ขั้นต่ำก็ยังไม่พอ ก็ต้องไปกดบัตรเงินสดออกมาจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต เนี่ย คือจุดที่มันพาเราดิ่งลงไปเรื่อยๆ


เริ่มหันมาคิดได้ตอนไหน

มาดามฟินนี่ :  คือตอนนั้น มันติด เค้าเรียกว่า Dead Lock คือ “วงเงินเต็มทุกบัตร” มันก็จะมีการไปเอาบัตรกดเงินสด กดออกมาไปจ่ายบัตรเครดิต ลำพังรายได้ของเรา มันไม่พอผ่อนแล้ว พอมันเริ่มเห็นว่ามีปัญหาปุ๊บ เราถึงได้มาตั้งสติดูว่า เฮ้ย..เงินเก็บมีนะ แต่ถ้าเอามาหักลบกลบกับหนี้บัตรเครดิต เราคือคนหนึ่งที่ติดลบ แล้วจริงๆ อายุ 30 กว่า เพื่อนบางคนเค้ามีหลักมีฐานมีกิจการมีทรัพย์สินแล้ว แต่ทำไมเรามีแต่ยอดติดลบ

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยมันกลายเป็นความเครียดส่วนตัว ถ้าจริงๆ นี่เป็นคนที่บอกเล่าหรือปรึกษาคนอื่น อาจจะมีคนที่ช่วยเตือนระหว่างทาง แต่ลักษณะหนึ่งของคนที่คิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ปรึกษาใครหรอกแล้วมันทำให้ทุกอย่างยิ่งไปกันใหญ่

เรารู้สึก...เรียกว่าทุเรศตัวเอง ทำไมเราต้องมาลงเอยที่จุดนี้ ดังนั้นวันที่มันมันลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง คือวันที่เรารู้สึกว่ามันมีคำนี้กับตัวเองนะ คือ “ไม่เอาแล้วชีวิตแบบนี้ ไม่เอาแล้วจริงๆ” ทำไมเงินเดือนออก แล้วต้องวิ่งไปแบงค์นั้นแบงค์นี้ แล้วปวดหัวกับมัน คำนี้มันผุดขึ้นมาคือ ไม่เอาแล้วชีวิตแบบนี้เราต้องทำอะไรสักอย่าง มันคือวันที่รู้สึกแบบนั้นแหละ ที่เราจะแบบแก้อะไรสักอย่างได้จริงๆ คะ


แล้วแก้ปัญหายังไง?

มาดามฟินนี่ :  ลำดับแรกเนี่ยเราต้องตั้งสติก่อน คนที่เป็นหนี้เยอะๆ ถึงจุดหนึ่งแม้แต่ซองบัตรเครดิตมา ใบแจ้งหนี้มา ไม่อยากเปิด ไม่อยากยอมรับความจริงอะไรทั้งสิ้น ดูก็คือดูแค่ว่าขั้นต่ำจ่ายเท่าไหร่ แต่คุณจะแก้ปัญหาได้ คุณต้องรู้ว่าปัญหาทั้งหมดมันเท่าไหร่ก่อนไง “ดังนั้นจุดแรกก็คือว่าต้องกล้าจ้องตากับปัญหา” พี่จะใช้คำนี้นะ เอาใบแจ้งหนี้ทุกบัตรมาเลยแล้วก็มาจัดสรรว่าจำนวนเงินทั้งหมดที่ผ่อนหนี้ต่อเดือน มันต้องอยู่ในระดับที่เราอยู่ได้ พี่จะแค่หายใจให้ได้ก่อน คือ รวบรวมหนี้มาทั้งหมด เอาไปแปลงเป็นก้อนใหญ่ เป็น Personal Loans แล้วยืดระยะเวลาออกไป ทำให้จำนวนเงินที่มันผ่อนต่อเดือนมันลดลง จนถึงระดับที่เราเอาเงินจำนวนๆ เนี้่ยไปผ่อนหนี้แล้วยังเหลือเอาไปทำอะไรอย่างอื่น 

“คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่าหาเงินมาเท่าไหร่ก็ต้องใช้หนี้ให้หมด” 

พี่ชอบคำหนึ่งของพี่หนุ่ม Money Coach นะ คือ "มีหนี้ไม่ได้ไปฆ่าใครตาย" ดังนั้น มันก็คือเป็นแค่ความผิดพลาดที่เราต้องแก้ไขแค่นั้นเอง เมื่อจัดการตรงนี้ได้เสร็จ ถ้าพี่จะทำให้หนี้หมดเร็วขึ้น พี่ต้องเพิ่มรายได้ สิ่งที่พี่พบก็คือว่าพี่ปล่อยโอกาสที่จะเปลี่ยนงานที่ได้รายได้สูงกว่านี้ไปเยอะเลย เพียงเพราะว่าเราคิดไม่ออก เราตื้อ ณ จุดนั้น คือ พี่หางานใหม่เลย ซึ่งคุณสมบัติเรา โปรไฟล์เรา ประสบการณ์ของเรา ความสามารถที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ พอเปลี่ยนงานปุ๊บ ก็คือรายได้เพิ่มขึ้นเลย 35%  เงินที่เพิ่มขึ้นตรงนี้แหละค่ะ ก็เอาบางส่วนไปใช้หนี้ได้หมดเร็วขึ้น นี่คือวิธีการที่มันทำให้ชีวิตโดยรวมเราดีขึ้น และหนี้ก็หมดเร็วขึ้น รายจ่ายประจำหรือไม่ประจำทั้งหลาย ก็กลับไปดูค่ะ ตัดตรงไหนอะไรได้บ้าง ด้วยวิธีนี้ทั้งหมดมันจะทำให้หนี้เราหมดเร็วขึ้นแบบที่เราสะดวก แบบที่เราเติบโต แบบที่เรามีความสุข

จริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาที่เราจบมาเลยมันเป็นเรื่องของวินัยหลายๆ อย่างผสมกัน คนที่เรียนสูงนะ อย่างเรียนบัญชี เรียนการเงินแต่ว่าการเงินส่วนตัวของเราเนี่ย เอาตัวไม่รอดเนี่ยมีเยอะ เยอะแยะมาก ในขณะที่ไปทำบัญชีให้คนอื่นรู้เรื่องดีหมดแต่เงินของตัวเองเนี่ยไม่รู้ ทำพังเป็นไปได้ และมีเยอะด้วย


หนี้จำนวนนั้นสอนอะไรเราบ้าง?

มาดามฟินนี่ : หนี้จำนวนนั้นสอนอะไรเราบ้างใช่ไหม 

ข้อหนึ่ง คือ ความรู้ทางการเงินไม่ได้มาจากในโรงเรียน ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในตำราหรือสิ่งที่เราทำให้คนอื่น มันเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาจากครอบครัว 

ข้อสอง คือ การที่เรามีปัญหาอะไรบางอย่างนะ การปรึกษาคนอื่นบ้างเป็นเรื่องจำเป็น หลายคนพยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง แต่จะด้วยความอายหรือเชื่อมั่นในตัวเองสูง พี่ว่ามันจะทำให้เราแก้ปัญหาหรือออกจากทางนั้นได้ช้าลง 

ข้อสามคือทัศนคติต่อปัญหา ถ้าเรามีทัศนคติในการแก้ปัญหาที่ดี คือ เฮ้ยไม่ว่าอะไร ฉันรับผิดชอบ ฉันจัดการได้ ฉันก่อมันขึ้นมาเอง ดังนั้นมันเล็กกว่าฉัน ดังนั้นฉันเป็นเจ้านายมัน ฉันต้องจัดการได้ นี่คือทัศนคติในการแก้ปัญหาที่พี่คิดว่า ได้เรียนรู้จากสิ่งนี้

เอาจริงๆ ไม่ได้โลกสวยนะถ้าย้อนเวลาได้ พี่จะไม่เปลี่ยนเหตุการณ์อะไรทั้งหมด เพราะไม่งั้นไม่เกิดเรื่องนั้นนะ ชีวิตพี่จะไม่ถึงจุดนี้ที่พี่ได้รับโอกาสมากมาย พี่คิดว่าทุกเรื่องที่เราเจอมันให้อะไรกับเราเสมอมันขึ้นอยู่กับว่าเราดึงบทเรียนตรงนั้นมาสร้างตัวเองให้ดีขึ้นได้ยังไง


คิดว่าบัตรเครดิตมี “ข้อดี” หรือ “ข้อเสีย” กันแน่?

มาดามฟินนี่ : พี่มองว่าทุกสิ่งในโลกนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมีทั้งสองแง่ บัตรและระบบมันไม่มีชีวิต มันขึ้นอยู่กับคนมากกว่าที่จะใช้เครื่องมือตรงนี้ยังไง ดังนั้นถามว่าข้อดีถ้าคุณเข้าใจว่ามันคืออะไร มันคือเครื่องมือและคุณควบคุมตัวเองได้ มันเป็นข้อดีแน่นอน แต่ในข้อเสียก็คือว่าด้วยความที่มันพูดไม่ได้ และระบบที่เป็นอยู่เอื้ออำนวยให้คนมีบัตรได้หลายๆ ใบ ทำให้คนที่คิดไม่ได้และไม่มีวินัย เอามันมาทำร้ายตัวเอง


ทุกวันนี้ยังใช้บัตรเครดิตอยู่ไหม?

มาดามฟินนี่ : ตอนนี้ใช้แค่สองใบด้วยสติ เพราะถ้ามีหลายใบเราจะจำไม่ได้ว่ารูดไปเท่าไหร่ ดังนั้นก็จะมีแค่สองใบ เพื่อวัตถุประสงค์ตามสิทธิ์พิเศษที่เราจะได้รับเช่นแต้มหรือส่วนลด ดังนั้นมีให้น้อยพี่ว่าเราจะมี Focus กับมัน


ฝากถึงคนที่กำลังเป็น “หนี้”

มาดามฟินนี่ : เราอยากแชร์เรื่องราวที่เราผ่านมาตรงนี้พี่อยากช่วยคนให้มีทัศนคติที่โอเคกับการเป็นหนี้ เพราะเชื่อว่าคนเป็นหนี้สมัยนี้มีเยอะ 

ดังนั้น 

1.ถ้าคุณมีทัศนคติที่ถูกในเรื่องของการเป็นหนี้ มีแนวทางที่จะปลดหนี้ อันนี้มันจะช่วยให้คนกลับมามีพลังมีสติปัญญาที่จะทำชีวิต ใช้ชีวิตให้มันดีขึ้น 

2.ก็คือด้วยความที่พี่มาเขียนและสุดท้ายพี่ใช้ตรงเนี้ย สร้างตัวตนขึ้นมาในโลก Social ในโลก Online Theme ของเพจมาดามฟินนี่ตอนนี้นะคะ ก็คือพี่มองว่าพี่อยากให้คนมีความเพลิดเพลินในการใช้ชีวิต ความเพลิดเพลินในชีวิตที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการที่คุณใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ “ความเพลิดเพลินในการใช้ชีวิตที่แท้จริงคือคุณไม่มีความกังวลในเรื่องของเงิน” นั้นหมายความว่าคุณไม่มีหนี้เลวๆ ให้คุณกลุ้มใจ เพราะมันคือสิ่งที่พี่ผ่านมาแล้ว แล้วอย่าลืมแบ่งปันเรื่องนี้ให้คนอื่น ความรู้ทางการเงินสำคัญ 


และนี่คือเรื่องราวก่อนที่จะมาเป็นมาดามฟินนี่ของพี่หนึ่ง พนิดา ชูกุล อดีตบัญชีสาวที่เคยรูดบัตรเครดิตจนเป็นหนี้เกือบล้าน ... สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอาชีพไหน "การใช้เงินให้เป็น" เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าทำได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องหนี้ครับ ก่อนจากกันไป เพื่อนๆ ท่านใดอ่านบทความของทางทีม aomMONEY Inspired  แล้วชื่นชอบ อย่าลืมช่วยแชร์กันนะครับ ส่วนใครที่อยากดูรายการสัมภาษณ์แบบวีดีโอ สามารถคลิกเข้าไปชมได้ที่วีดีโอด้านล่าง สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนครับ 

วัชรินทร์ ศิระวัฒนานนท์ (ผู้เขียน) 

รฐาพัชร์ ตุลยพิทักษ์  (บรรณาธิการ) 

ทีมงาน aomMONEY Inspired


คลิกชมวีดีโอ

ช่องทางติดตาม aomMONEY INSPIRED

Facebook : คลิก

Youtube : คลิก

Twitter : คลิก

Instagram : คลิก