ทีนี้เมื่อเราออมได้ถึงจุดหนึ่ง (จากที่เราเรียนรู้ "วิธีการเพิ่มเงินออม" ไปในตอนที่แล้วนั้น) แล้วก็มีคำถามว่า “ออมแล้วไปไหน” คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่า.. “ออม” แล้วก็ต้องไป “ลงทุน” ว่าแต่ การออมนั้นมันแตกต่างกับการลงทุนอย่างไร เรามาทบทวนกันอีกครั้ง...

 

series5-01

 

การออมเงิน หมายถึง การเก็บเงินส่วนหนึ่งของรายได้ที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์ที่ไว้เพื่อใช้จ่ายต่างๆในอนาคต ดังนั้นการออมจะเริ่มต้นจากการที่เราสะสมเงินไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจในเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะวัตถุประสงค์หลักของการออมนั้น เราต้องการสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือใช้จ่ายในอนาคต และวิธีการ ออมที่เหมาะสมแบบง่ายๆ คือ การฝากเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารต่างๆ หรือบางครั้งถ้ามีเป้าหมายของการออมเงินที่ชัดเจน อาจจะแบ่งฝากในบัญชีเงินฝากประจำบ้างก็ได้ แต่ทว่า... “การลงทุน” นั้นแตกต่างจากการออม.... เพราะว่า

series5-02-02

 

การลงทุน คือ วิธีเพิ่มค่าของเงินที่มีอยู่ด้วยช่องทางต่างๆ โดยยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่สูงขึ้นการ ลงทุนจึงแตกต่างจาก ‘การออม’ ตรงที่ให้ความสนใจเรื่องของผลตอบแทนเข้ามาด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการสะสมเงินไว้ใช้จ่ายเพียงแต่อย่างเดียว และที่สำคัญ การลงทุนอาจจะทำให้เราเสีย “สภาพคล่อง” หรือ “โอกาสในการใช้เงิน” เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มากขึ้นตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หรือที่เค้าชอบว่ากันว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน นั่นเอง

series5-03

ประเภทของการลงทุน

การลงทุนมีมากมายหลายประเภท มีทั้งลงทุนในเงินฝาก หุ้น กองทุนรวม ทองคำ น้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทั้งหลายสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือทั่วไป หรือแม้แต่ในเวปไซด์ดีๆอย่าง Aommoney.com ซีรีย์การเงินชุดนี้ ต้องการจะบอกว่า สิ่งที่สำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การลงทุน แต่มันอยู่ที่ทัศนคติในการลงทุนมากกว่า และจากประสบการณ์ตรงของ @TAXBugnoms ขอบอกเลยว่า ถ้าลงทุนโดยที่ไม่มีทัศนคติที่ดี มันก็เหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ เหมือนเสื้อที่ซักแล้วไม่ตาก หรือเหมือนฝากแมวไว้กับปลาย่าง (ไม่เกี่ยว!!!)

ทัศนคติในการลงทุน คืออะไร
ทัศนคติในการลงทุน คือ สิ่งที่จะกำหนดชีวิตเรา
ลองถามตัวเองก่อนไหมว่า ต้องลงทุนไปเพื่ออะไร?
นั่นสินะ เราลงทุนไปเพื่ออะไร?
ทำไมต้องการผลตอบแทนมากๆด้วยฟระ !!!
ทั้งหมดนี้ก็เพราะ “เงินเฟ้อ” ไงล่ะ

 

series5-04

เงินเฟ้อ คืออะไร

เงินเฟ้อ คือ สิ่งที่ทำให้มูลค่าของเงินลดลง ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของสิ่งต่อไปนี้

  • เกิดจากต้นทุนในการผลิตสินค้าสูงขึ้น เช่น การที่มีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานในการผลิต หรือเกิดน้ำท่วม ภัยแล้ง ทำให้วัตถุดิบเสียหาย ราคาสินค้าจะแพงขึ้น หรือการที่รัฐบาลเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เช่น การเก็บภาษีสุราเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจเกิดจากผู้ผลิตต้องการกำไรที่สูงขึ้นจึงขึ้นราคา ฯลฯ
  • การเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น เช่น หากความต้องการสินค้าและบริการสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว  ก็ทำให้ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้นได้

คำว่า “เมื่อก่อนข้าวของไม่แพงขนาดนี้” สาเหตุก็มาจากเจ้า "เงินเฟ้อ" นี่ล่ะ โดยปกติแล้วเงินเฟ้อจะคิดอัตราเป็น % โดยอัตราเงินเฟ้อที่ผ่านมาของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี นั่นแปลว่าค่าของเงินที่เราใช้ซื้อของจะลดลงในอัตรา 3% ต่อปี

สมมุติว่า  ของชิ้นนี้เราเคยซื้อได้ในราคา 100 บาท ปีหน้าเราต้องใช้เงิน 103 บาท เพื่อซื้อของชิ้นเดียวกัน หรือพูดให้ง่ายไปกว่านั้นก็คือ “อำนาจของเงินลดลง” แสดงว่า ถ้าหากเงินออมที่เรามีอยู่นั้น ไม่ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่า 3% ต่อปี เงินออมของเราก็จะลดลงไปเรื่อยๆ โอ้ววววว ไม่นะ พี่ชายยยยยยย (ฮืออๆๆ)  และนั่นคือคำตอบว่า ทำไมเราต้องลงทุน ถ้าเราอยากมีอิสรภาพทางการเงิน

 

series5-05

 

สรุปอีกครั้งว่า เป้าหมายของเราหลังจากอ่านซีรีย์นี้จบ คือ ...

  • ออมเงินให้ได้
  • ลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนอย่างน้อยต้องมากกว่าเงินเฟ้อ

เรื่องของเงินออมเราพูดไปแล้วในตอนที่ 4 แต่ทีนี้เรื่องของการลงทุน เราจะลงทุนอย่างไรให้มากกว่าเงินเฟ้อกันดีนะ

ณ จุดนี้ ถ้าเป็นบทความทั่วไป คงจะต้องแนะนำประเภทการลงทุนแล้วสินะว่า การลงทุนมีกี่แบบ ความเสี่ยงสูง ปานกลาง ต่ำ บลาๆๆๆๆ แต่ขอโทษ!!!! ซีรีย์ชุดนี้ไม่ขอแนะนำอะไรสักอย่าง แต่ขอแนะนำอย่างเดียวเลยว่า ถ้าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าควรลงทุนอะไร ... สิ่งแรกที่ควรลงทุน ไม่ใช่อะไรอื่น นั่นคือการลงทุนใน “ความรู้” ต่างหากคร้าบบบ

 

series5-06

เราควรนำเงินออมไปลงทุนไหม

เอาจริงๆก็ไม่มีใครห้ามนำเงินออมไปลงทุนหรอกครับ แต่คงต้องถามตัวเองว่ารับความเสี่ยงได้ไหม ถ้าเกิดวันหนึ่งเงินออมที่เอาไปลงทุนดันขาดทุนขึ้นมา แล้วจะมีปัญญาเอาเงินที่ไหนมาใช้ เงินออมก็หมด เงินลงทุนก็ไม่มี แต่ถ้าใครคิดว่าอยู่ได้ ก็จัดไป ไม่มีปัญหา แต่อย่ามาโอดครวญนะคร้าบ เดี๋ยวจะหาว่า @TAXBugnoms ไม่เตือน  แต่ถ้าจะให้แนะนำ ขอแนะนำว่าให้ลงทุนเพื่อสร้าง “สินทรัพย์” จะดีกว่า

ลงทุนเพื่อสร้างสินทรัพย์

ถ้าหากเรารวยมากๆ เราไม่ลงทุน แต่ออมเงินอย่างเดียวไว้เลยได้ไหม คำตอบคือ ได้แน่นอนครับ แต่ที่สำคัญ คือ เราต้องรู้ก่อนว่า เงินออมจะสร้างสินทรัพย์และรายรับให้เราได้อย่างไร โปรดดูภาพประกอบ

  • เราออมเงินไว้ได้จำนวนหนึ่งจากรายรับ
  • แบ่งเงินออมไ