หลังจากข่าวการขึ้นอัตรา "
ดอกเบี้ยนโยบาย" ในรอบ 7 ปี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 61 ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี และให้มีผลทันที
วันนี้ #aomMONEY เลยอยากชวนมาทำความเข้าใจกันว่า...
1. ดอกเบี้ยนโยบายคืออะไร? ทำไมถึงมีความสำคัญ?
2. การขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายส่งผลอะไรต่อเรากันบ้าง?
3. กระทบต่อเศรษฐกิจรวมทั้งเราทุกคนอย่างไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าดอกเบี้ยนโยบาย ก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางแต่ละประเทศกำหนดขึ้นเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (
เป็นเหมือนดอกเบี้ยขั้นต่ำ) โดยธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ อย่างที่เรารู้กันว่าดอกเบี้ยเป็นอีกหนึ่งมาตรการหรือเครื่องมือในการควบคุมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยแบงก์ชาติมีหน้าที่คอยติดตามและประเมินผล เพื่อหาอัตราดอกเบี้ยกลางที่สมดุลกับอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงนั้น ๆ
ในครั้งนี้เพราะสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจสูงเกินไป อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แบงก์ชาติจึงทำการ ปรับสมดุลให้เศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพโดยเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้นนั่นเอง
ในทางปฏิบัติแล้วอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพราะธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนในการทำธุรกิจ เมื่อดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเปลี่ยนไป ดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตร จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับดอกเบี้ยนโยบาย
ฉะนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ? อัตราดอกเบี้ยของธนาคาร
กลไกเมื่อปรับ เพิ่ม-ลด ดอกเบี้ยนโยบาย
โดยหลักการแล้ว แบงก์ชาติจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (ลดดอกเบี้ยนโยบาย) ในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อกระตุ้นให้เศรษบกิจฟื้นตัว
และจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัว (เพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย) ในภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไปเพื่อชะลอความร้อนแรง
เมื่อปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น
ธนาคารปรับขึ้นดอกเบี้ยตามนโยบาย -> คนกู้เงินน้อยลง, คนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง -> ปริมาณเงินในระบบลด -> ราคาสินค้าถูกลง -> เงินเฟ้อลด = เศรษฐกิจโตน้อยลง (ลดความร้อนแรงเศรษฐกิจ)
เมื่อปรับดอกเบี้ยนโยบายลด
ธนาคารปรับลดดอกเบี้ยตามนโยบาย -> คนกู้เงินมากขึ้น -> ปริมาณเงินในระบบเพิ่ม -> คนมีเงินมากขึ้น -> เงินเฟ้อขึ้น = เศรษฐกิจโตมากขึ้น (กระตุ้นเศรษฐกิจ)
หากเทียบอัตราดอกเบี้ยของไทยกับต่างประเทศตามที่แบงก์ชาติ ระบุว่าไทยยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มในประเทศเอเชีย เช่น อินโดนีเซีย 6%, ฟิลิปปินส์ 4.75%, จีน 4.35%, มาเลเซีย 3.25% เป็นต้น
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ จะส่งผลต่ออะไรบ้าง?

1. ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน คอนโดมิเนียม
ผู้ที่กำลังผ่อนบ้าน หรือมีแผนจะกู้เงินอยู่ จะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะเมื่อธนาคารต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย (ล้อตามดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อรักษาสมดุลและทำกำไร)
ใครที่ทำสัญญาดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวไว้ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้กับการกู้ซื้อบ้านหรือคอนโดก็จะทำให้ภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายเพิ่มตามดอกเบี้ย แต่หากใครเป็น ดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ ที่มักเป็นสัญญากู้ซื้อรถ ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ
2. ดอกเบี้ยเงินฝาก
ธนาคารต่าง ๆ ทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามไปด้วย จะทำให้คนอาจจะย้ายเงินจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น กองทุนรวม ทองคำ มาฝากกับธนาคารมากขึ้น เพราะได้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจกว่า
3. นักลงทุนที่จะกู้เงินมาลงทุน, SME
บริษัทไหนที่กู้เงินกับธนาคารมาลงทุนอยู่ ต้องจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้น ทำให้ต้นทุนในการผลิตและบริหารจัดการสูงขึ้น
4. ผลตอบแทนพันธบัตร
เมื่อดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น พันธบัตรรัฐบาล / ตราสารหนี้ต่าง ๆ ที่มีผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ย จะให้ผลตอบแทนพันธบัตรในอนาคตสูงขึ้นตาม
5. ตลาดหุ้น
เมื่อการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล / ตราสารหนี้ และการฝากเงิน จะดูน่าสนใจมากขึ้น คนก็จะย้ายเงินจากตลาดหุ้นไปลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวบ้าง แต่ก็จะมีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เช่น หุ้นธนาคาร หุ้นประกันชีวิต เป็นต้น นักลงทุนควรเลือกลงทุนแบบ Selective เนื่องจากแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบที่มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบแตกต่างกัน
6. เงินเฟ้อ - ราคาสินค้าโดยรวม
การเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายในท้ายที่สุดจะนำไปสู่การชะลออัตราเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างที่อธิบายไปด้านบนว่าสุดท้ายแล้วคนจับจ่ายใช้สอยน้อยลง เมื่ออิงตามหลักกลไกราคาแล้ว ราคาสินค้าก็จะถูกลงตาม เกิดเป็นเงินเฟ้อต่ำลง (ฝืดขึ้น)
จะเห็นได้ว่าผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้มีหลายอย่างที่ใกล้ตัวเรา เพราะเรื่องเงินเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต ดังนั้นต้องติดตามข่าวความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจเลือกปรับพฤติกรรมและเตรียมพร้อมกับปีหน้ามากขึ้น
#aomMONEY
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

ชอบกด Like โดนใจ กด Share
และอย่าลืม

See First
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ ๆ ก่อนใคร
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
.
ติดตามความรู้ทางการเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
.
สนใจโฆษณาติดต่อ :

Tel: 088-099-9875 (แน้ม)

Email: rathapat@likemeasia.com