
อุบัติเหตุมันเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยากให้มีใครให้เกิดหรอกนะครับ แต่ถ้ามันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นแน่นอนว่ามันย่อมเกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นแน่ๆ หลายๆคนมีคำถามว่าแล้วเขาจะตัดสินใจทำอย่างไรดี? บางคนเห็นหุ้นลงปุ๊ปคิดว่าเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาถูก ซื้อเลยแล้วก็ติดดอยเลยทันทีเลย แล้วไม่ดอยธรรมดาด้วยนะ ดอยดาวอังคารเลยล่ะ แหม... ก็อย่างว่านะครับ หุ้นราคาลงใครก็อยากได้ แต่มันลงเพราะอารมณ์ซิ้อขายในตลาดทำให้มันลงหรือความคาดหวังในพื้นฐานกิจการมันเปลี่ยนไปล่ะนี่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ถ้าธุรกิจที่เราลงทุนไฟไหมจะตัดสินใจซื้อขายหุ้นอย่างไร??
ผมจะขอสมมติเล่นๆว่า ถ้าเราเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวสาขาเดียว แล้วขายไปได้เรื่อยๆมีกำไรโต๊โต แล้วมีอยู่วันหนึ่งเกิดมีคนงานทำไฟไหม้ขึ้นมาร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊งหมด พอ
บริษัทไฟไหม้สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
"พื้นฐานของกิจการเปลี่ยน" เปลี่ยนในที่นี้ก็คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวไม่มีแล้ว ถ้าเกิดเราจะสร้างร้านขึ้นมาใหม่ก็ต้องใช้เวลาใช่ไหมครับ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกลไกลในงบการเงินของบริษัทจะเป็นแบบนี้
- งบแสดงฐานะทางการเงิน : ทรัพย์สินมูลค่าจะลดลง ซึ่งมันจะไปสร้างผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นพื้นฐาน (ทรัพย์สินหายไป มูลค่าหุ้นก็ต้องหายตาม จริงเปล่า?) ถ้าเป็นบริษัทที่หนี้เยอะยิ่งแล้วใหญ่เลย เจ้าหนี้ก็คงเสี๋ยวไปตามๆกันว่าจะได้เงินคืนหรือไม่อย่างไร แน่นอนว่าถ้าเรามองระยะสั้นของอารมณ์ในตลาดแล้วคนที่ไม่แน่ใจว่าผลจะเป็นอย่างไรก็เทขายหุ้นเลยทันที
- งบกำไรขาดทุน : ร้านก๋วยเตี๋ยวเราถ้ามีแค่ 1 สาขา ก็นับว่าเจ๊งได้ในเรื่องของการหารายได้ ถูกไหมครับ เราอาจจะแก้ปัญหาด้วยการตั้งหน้าร้านที่อื่นถ้ายังมีเงินเหลืออยู่บ้าง แต่พื้นฐานอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว คนที่มากินเป็นประจำก็ไม่รู้จะมาหรือเปล่า และกว่าที่ร้านเดิมจะซ่อมแซมนั้นก็ไม่รู้ว่า จะใช้เวลานานซักแค่ไหน บางคนธุรกิจที่มีร้านหลายๆสาขาก็ต้องดูว่ามันกระทบกับภาพไหม ถ้าเกิดมีหลายธุรกิจในเครือก็ต้องดูว่าธุรกิจอื่นๆมันให้รายได้น้อยหรือมากเป็นสัดส่วนอย่างไร แต่ในบางธุรกิจเขาก็อาจจะฟื้นเร็วในเรื่องการขายก็ได้นะครับ เช่น พวกกิจการที่สินค้าที่ให้คนอื่นผลิตแทนได้ ก็ให้คนอื่นผลิตแทนไปก่อน
- งบกระแสเงินสด : ถ้าธุรกิจเก็บเงินสดไว้ได้เยอะมันก็สามารถทำให้ต่อลมหายใจได้ใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นการเอาไปลงทุนใหม่ เอาไปเลี้ยงต่อท่อน้ำเลี้ยงถ้าจะทำธุรกิจต่อให้พนักงานทั้งหลายยังคงอยู่กับบริษัท (ไม่งั้นถ้าเราลดพนักงาน กว่าจะหาใหม่ได้ อาจจะยากกว่าเดิม) เอาไปจ่ายหนี้ได้ แต่ถ้าเงินสดไม่มีจะแย่เข้าไปใหญ่ อาจจะต้องกู้ยืมมาทำธุรกิจอีกครั้ง มีผลทำให้ต้นทุนทางการเงินเกิดขึ้นและถ้าระดมทุนก็อาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นต้องนำเงินมาให้ร้านก๋วยเตี๋ยวเพิ่มเติม บางคนอาจจะมองว่าธุรกิจเขาอาจจะมีประกันก็ได้ ผมว่ามันก็ช่วยได้นะครับ แต่ประกันเองก็ต้องใช้เวลาในการจ่ายเช่นกัน ระยะสั้นร้านก๋วยเตี๋ยวก็ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน
เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันก็จะทำให้เราต้องตัดสินใจดีๆนะครับว่า เราจะลงทุนต่อกับบริษัทที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือเปล่า ต้องประเมินดีๆ แต่มันก็แล้วแต่คนนะครับ ต่างคนต่างใช้เหตุผลในการตัดสินใจที่ต่างกัน บางคนมองว่ายังไงก็จะลงทุนเพราะ CEO เก่งมาก เชื่อว่าจะดีกว่าเดิม บางคนมองว่าไม่เอาแล้วขอถอนทุนคืนทั้งหมด... กลัวเหตุการณ์กันไปแล้ว
ลองมาพิจารณาเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของตัวคุณเองดูบ้างไหม?
หลายๆครั้งเราอาจจะพบเหตุการณ์ที่ทำให้เราสูญเสียความมั่งคั่งทางการเงินได้ (ไม่ใช่แค่ไฟไหม้หรอกครับ) เราเองก็ต้องหาทางป้องกันความเสี่ยงหลายๆอย่างด้วยเช่นกัน
- ควรมีหนี้น้อยๆ มีเงินออมเยอะๆ : นี่เป็นสิ่งแรกที่เราควรเป็นเลยนะ หากเกิดตกงาน คนที่บ้านป่วย เราสามารถมีเงินไปใช้ในการแก้ปัญหาได้ไม่มากก็น้อยเลยล่ะ แต่ถ้าหากเรามีหนี้ ไม่มีเงินแล้วเจอปัญหา เราจะเจอปัญหาซ้ำซ้อนเลยครับ
- มีประกันชีวิตและประกันภัย : บางคนอาจจะมองว่ามีประกันแล้วผลตอบแทนน้อย มีแล้วเหมือนจ่ายเปล่าทิ้งขว้าง แต่ถ้าเราพบเหตุการณ์ต่างๆโดยที่มีประกันคุ้มครอง มันก็ยังสามารถทำให้เราปกป้องความมั่งคั่งได้ไม่มากก็น้อย
- มีรายได้หลายๆทาง : เขาบอกว่าควรวางไข่หลายๆตระกล้า เดี๋ยวนี้เราก็คงไม่ได้มีอาชีพเดียวแล้วใช่ไหมครับ ทำงานประจำบ้าง มีอาชีพเสริมที่ 2-3 กันแล้ว ก็ทำให้เราลดความเสี่ยงในชีวิตเพิ่มได้มากขึ้นครับ อย่างน้อยตกงานหนึ่งอาจจะมีรายได้ทางอื่นด้วยก็ได้
ในกรณีที่พูดถึงการลงทุนเราอาจจะเลือกหุ้นไว้หลายๆตัวเพื่อป้องกันความเสี่ยง (ง่ายสุดก็ลงในกองทุนรวม) หรืออาจจะไม่ได้ลงทุนในหุ้นอย่างเดียว แต่มีการแบ่งพอร์ตไปยัง ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ฝากธนาคาร ซื้อทอง ไว้บ้างครับ อย่างน้อยมีตัวไหนเจ๊งขึ้นมาเราก็ยังมีตัวอื่นคอยรองรับ
เหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน เราเองก็ต้องเตรียมตัวอยู่เสมอนะครับ ทุกการตัดสินใจและวางแผนมันมีผลต่อการสร้างความมั่งคั่งของเรามากๆเลยล่ะ