พอดีผมได้มีโอกาสได้อ่านข่าวเกี่ยวกับผลงานของกองทุนรวมในปีนี้ โดยมีการอ้างอิงข้อมูลของ Morningstar Thailand แล้วรู้สึกว่ามันน่าสนใจมากเลยครับ เนื่องจาก LTF ในเมืองไทยนั้นมีอยู่ 53 กอง ปีนี้ผลประกอบการผ่านเกณฑ์มาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์เพียง 23 กอง อย่างว่านะครับในปีนี้มันเป็นปีที่การลงทุนมีความผันผวนมากในระยะสั้นจริงๆ
- มีบางกองลงทุนระยะยาวผลตอบแทน 5 ปีดีมาก แต่พอมาดูผลตอบแทนในช่วงปีนี้กลับขาดทุนมหาศาล
- และก็มีบางกองทุนที่ระยะ 5 ปีผลตอบแทนไม่มากเท่ากลุ่มแรก แต่ระยะสั้นกลับชนะตลาดก็มีนะครับ
นั่นหมายความว่าถ้าหากเราตั้งใจจะเลือก LTF มาลงทุนซักกองหนึ่งในช่วงเวลานี้ การมองผลตอบแทนระยะสั้นในระดับ 1 ปี เพื่อดูว่ากองทุนรวมสร้างผลตอบแทนในสภาวะที่ตลาดผันผวนเป็นอย่างไรประกอบกันไปกับผลตอบแทนระยะยาวนั้นก็เป็นเรื่องควรจะต้องมองซักนิดนะครับ ดูผลตอบแทนระยะยาวเพียงอย่างเดียวไม่ได้เพราะ Performance ของกองทุนรวมนั้นเปลี่ยนได้ตลอดเวลา กองทุนรวมที่ทำผลงานได้ดีเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนเยอะมากอาจจะไม่ดีในอีก 5 ปีก็ได้ แต่เราสามารถสังเกตได้จากแนวโน้นผลตอบแทนระยะสั้นได้ว่าผู้จัดการกองทุนรวมเขามีความสามารถในการจัดการกองทุนอย่างไร
ซึ่งข้อมูลของการวัดผลลักษณะนี้ก็มี Fund SuperMart และ บลจ.หลายๆที่แนะนำลูกค้าในการลงทุนอยู่เช่นกันนะครับ ซึ่งเราสามารถใช้วิธีการนี้ดูพร้อมๆกับเทคนิคอื่นๆเช่นการดู ค่าความผันผวนและ Sharp Ratio เพื่อพิจารณาการเลือกกองทุนรวมได้
สำหรับเรื่องผลตอบแทนระยะสั้นและระยะยาว มองภาพกันให้ชัดเจนกว่านี้กันดีกว่า ตารางข้างล่างเป็นตัวอย่างสมมติผลตอบแทนระยะ 1 ปี และ 5 ปี ให้เห็น Style ที่ต่างกันของการจัดการกองทุนรวมเปรียบเทียบกัน
จากตารางจะเห็นได้ว่า
กองทุน A อาจเป็นกองทุนที่มีแนวที่บริหารจัดการแบบกล้าได้กล้าเสีย (Aggressive) โดยให้น้ำหนักมากๆในหุ้นเพียงไม่กี่ตัว (Big Bet) ดังนั้นผลตอบแทนที่สะสมระยะยาว 5 ปี จึงชนะตลาดถล่มทลาย จากช่วงที่ผ่านมาหุ้นเป็นขาขึ้น กำไรเยอะกว่าที่อื่น แต่ในระยะสั้นก็พบความผันผวนอย่างมาก ทำให้นักลงทุนที่มาลงทุนในช่วง 1 ปีนี้ ขาดทุนไปถึง -10% และมีผลการดำเนินงานแพ้ตลาด หากเราต้องการจะลงทุนในช่วงปีนี้ เราก็ต้องมาคาดเดาว่า แล้วอีก 5 ปี LTF ที่ลงทุนไปจะกลับมากำไรไหม ดังนั้นต้องดูว่าคุณรับสไตล์การบริหารกองทุนแบบนี้ได้รึป่าว
กองทุน B จะเห็นได้ว่าการบริหารงานในระยะ 5 ปี ผลตอบแทนสู้กองทุน A ไม่ได้ แต่เทียบกับตลาดแล้วก็ยังผ่านเกณฑ์นะครับ พอมาดูระยะสั้น 1 ปี ในช่วงที่หุ้นผันผวนในปัจจุบันกลับมีความสามารถชนะตลาดและผลตอบแทนระยะสั้นมากกว่ากองทุน A กองทุนแนวนี้ผู้จัดการกองทุนจะให้ความสำคัญกับในการเลือกหุ้นตามสภาวะการต่างๆให้ลงทุนได้อย่างเหมาะสม โดยปกติแล้วกองทุนที่สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนและให้ผลตอบแทนในยามนี้ได้อย่างดีมักจะเป็นกองทุนรวมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่มากเท่ากองทุนอื่นๆ เช่น ลงทุนในหุ้น 70% และ ตราสารหนี้ 30% หรือ เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นจำนวนไม่มาก เป็นแนว Selective เลือกหุ้นลงทุนในพอร์ตประมาณ 20-25 ตัว
แน่นอนว่าผลตอบแทนย้อนหลังหลายๆปีเป็นแค่เรื่องหนึ่งที่เราจะนำมาใช้ประโยชน์ในตัดสินใจลงทุน แต่ต้องอย่าลืมว่าการดูระยะสั้นว่าผู้จัดการกองทุนมีความสามารถในการจัดการความเสี่ยงบนความผันผวนได้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญนะครับ เพราะการลงทุนคือการเริ่มวันนี้และรับความเสี่ยงเพื่อรอผลตอบแทนในวันข้างหน้าครับ ดูว่ากองไหนผลตอบแทนเยอะที่สุดอย่างเดียวไม่ได้ และดูแค่ผลตอบแทนในช่วงเวลาเดียวก็ไม่ได้เช่นกัน
เห็นแนวคิด Style กองทุนรวมแบบนี้แล้วน่าสนใจใช่ไหมครับ แน่นอนว่าหลายๆคนไม่ชอบความผันผวนเท่าไหร่ ก็คงอยากเห็นข้อมูลกองทุนรวมที่มีการจัดการพอร์ตการลงทุนที่โดดเด่นในแนวนี้ เดี๋ยวตอนหน้าจะมาเล่า LTF ที่น่าจับตาให้ฟังแบบเจาะลึกนะครับว่าเขามีการจัดการกองทุนรวมอย่างไร
แล้วพบกันในตอนต่อไปนะครับ เจาะลึกๆเลย
หมายเหตุ :
“ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง คู่มือภาษี ก่อนตัดสินใจลงทุน”
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial
สนับสนุนโดย