"เราควรแบ่งเงินให้พ่อแม่"



หลังจากที่โพสต์เรื่องนี้ในเพจอภินิหารเงินออม ทำให้รู้ว่ามีแฟนเพจส่วนใหญ่ให้เงินพ่อแม่เป็นปกติอยู่แล้ว ในขณะที่บางส่วนก็ไม่เข้าใจว่าจะต้องให้เงินพ่อกับแม่ด้วยหรอ แหม!! เราลองนึกภาพเก่าๆในอดีตกันสักหน่อยว่าตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เงินที่เราใช้จ่ายมันมาจากไหน เวลาที่เราอยากกินขนม ซื้อของเล่น ไปเที่ยว อยากได้เสื้อผ้าชุดใหม่ รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์การเรียนต่างๆ เงินค่าเรียนพิเศษ แล้วยังมีอีกเยอะม๊าก....



ทั้งหมดนี้ล้วนมาจาก…..หยาดเหงื่อแรงกายแรงเงินของพ่อแม่ทั้งน้านนนนนน นั่นซิ พ่อแม่ทำยังไงถึงทำงานแล้วมีเงินแบ่งมาเลี้ยงดูเราได้ สุดยอดจริงๆ วันนี้เรามีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว ควรตอบแทนคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้เรามีวันนี้ด้วย พ่อแม่ของเรานั่นเอง ดังนั้น เราควรทำบุญกับพระในบ้านด้วยการมอบเงินกับพ่อแม่ เพื่อเปิดรับกับโชคดีต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วยังเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่เราสามารถดูแลคนที่เรารักได้ด้วยเรี่ยวแรงจากการทำงานของตัวเองอีกด้วย #ขอปรบมือรัวๆ



2 ขั้นตอนจัดการตัวเองก่อนแบ่งเงินให้พ่อแม่



ขั้นตอนที่ 1 รู้จักเงินของเราจาก “แผนที่การเงิน”



ถ้าเราขับรถหลงทางก็ต้องเปิดแผนที่จะได้รู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน จากนั้นจะต้องไปซ้าย ขวา เดินหน้าหรือถอยหลัง เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมาย เรื่องการเงินก็เหมือนกันที่เราจะต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าสถานการณ์เงินในกระเป๋าของเราเป็นอย่างไร เป็นบวกมีเงินออมหรือว่าติดลบเพราะหนี้สิน เริ่มง่ายๆที่การจดบัญชีรายรับจ่าย แล้วมาสรุปลงใน "แผนที่การเงิน" ในภาพเดียวเพื่อจะได้เห็นเป็นภาพรวมของเงินทั้งหมด



ตัวอย่าง : แผนที่การเงิน

“มนุษย์เงินเดือนจบใหม่" ควรแบ่งให้เงินให้พ่อแม่ยังไง



จากภาพนี้จะรู้ว่าแต่ละเดือนเงินของเราไปอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าเรารู้วิธีแบ่งเงินได้ตั้งแต่เริ่มทำงาน ชีวิตเราจะมีระเบียบมากขึ้น แต่ถ้าใครทำงานมานานแล้วเริ่มทำตอนนี้ก็ยังไม่สายนะจ๊ะ แนวคิดแผนที่การเงินจะแบ่งเงินออกเป็น 3 ส่วน คือ เงินออม หนี้สินและรายจ่ายส่วนตัว สิ่งสำคัญ คือ ถ้าจำเป็นต้องมีหนี้ก็ควรเป็นหนี้ที่ไม่เกิน 40% ของรายได้ที่เราควบคุมได้นะจ๊ะ อ่อ ถ้าใครอยากอ่านวิธีจัดการเงินแบบนี้อ่านได้ที่บทความ 4 ขั้นตอนสร้างบัญชีเงินเดือนขั้นเทพ คลิกที่นี่ https://goo.gl/i2HtEg




ขั้นตอนที่ 2 แบ่งเงินจำนวนเท่าไหร่ดีน๊า



บอกเป็นจำนวนเงินเป๊ะๆไม่ได้หรอกนะจ๊ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับแผนที่การเงินของเราและภาระของแต่ละครอบครัว ขอยกตัวอย่างแนวคิดออกเป็น 2 สถานการณ์นี้นะจ๊ะ



สถานการณ์ที่ 1 เรามีหนี้สินท่วมตัว



สำหรับคนที่กู้ยืมเงิน กยศ. มาเรียนก็ต้องเริ่มชำระหนี้ เพื่อให้รุ่นน้องมีเงินไปเรียนต่อ เมื่อเริ่มทำงานมีรายได้ก็มีบัตรเครดิตกับบัตรกดเงินสดเข้ามารุมจีบ ถ้าใครไม่ยับยั้งชั่งใจให้ดีก็จะสร้างหนี้ได้ง่ายมาก ถ้าเขียนแผนที่การเงินออกมาแล้วเห็นว่า “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” มีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย แม้แต่ผ่อนจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำก็ยังจ่ายไม่ได้ แบบนี้เราควรกลับไปจัดการหนี้ของตัวเองให้เงียบสงบลงเสียก่อน จากนั้นค่อยเริ่มส่งเงินให้พ่อแม่ใช้จ่าย


“มนุษย์เงินเดือนจบใหม่" ควรแบ่งเงินให้พ่อแม่ยังไง


2 เคล็ดลับแนวทางปลดหนี้


เคล็ดลับที่ 1 มีทรัพย์สิน : เปลี่ยนหนี้สั้นให้กลายเป็นหนี้ยาว 



ปัจจุบันมีผู้ให้บริการสินเชื่อมากมาย แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหน ขอกู้ที่ไหนถึงผ่าน กว่าจะรวบรวมข้อมูลครบ กว่าจะเตรียมเอกสารยื่นของกู้ก็เสียเวลา ดอกเบี้ยเก่าก็เบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีเว็บไซด์ที่เปรียบเทียบสินเชื่อของแต่ละธนาคาร ทำให้เรารู้ว่าจะกู้ผ่านหรือไม่ โดยใช้เวลาไม่นาน อนาคตน่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีที่ www.Refinn.com



ภาพหน้าตาเว็บไซด์


“มนุษย์เงินเดือนจบใหม่" ควรแบ่งให้เงินให้พ่อแม่ยังไง

ที่มา : https://www.refinn.com/



แนวคิด : เหมาะสำหรับคนที่มีหนี้บัตรหลายใบ โดยจะรวมหนี้ไว้ที่เดียวกัน ทำให้หนี้ระยะสั้นกลายเป็นหนี้ระยะยาวและทำให้เราจ่ายผ่อนชำระรายเดือนลดลง


การใช้งาน : เข้าเว็บแล้วไปที่เมนู “สินเชื่อลดภาระหนี้ (บ้านแลกเงิน)” จากหนี้สั้นบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดดอกเบี้ย 20-28% ที่เรามีอยู่หลายใบแล้วจ่ายไม่ไหว มาเป็นหนี้ระยะยาว(หนี้บ้าน) แทนด้วยดอกเบี้ย 3-9% แต่เราได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับเครดิตของเรา


ข้อควรระวัง : เราจะต้องไม่สร้างหนี้เพิ่ม มีวินัยในการจ่ายหนี้อย่างเคร่งคัด จ่ายตรงเวลา มีเงินมากขึ้นก็รีบโปะจะได้หมดหนี้เร็วๆ ถ้าไม่ทำตามนี้บ้านที่เอาไปค้ำประกันไว้อาจจะมีปัญหาได้นะจ๊ะ 



ถ้าเราต้องการประหยัดเวลา ไม่อยากหาข้อมูลโปรโมชั่นของทุกธนาคารมาเปรียบเทียบกัน แล้วอยากรู้ว่าตัวเองมีแนวโน้มการกู้ผ่านหรือไม่ ทดลองกรอกข้อมูลและค้นหาโปรโมชั่นในเว็บ refinn เองก่อนได้ เพราะที่นี่รวบรวมข้อมูลโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารไว้หมดแล้ว แล้วถ้าเรารู้ว่าตัวเองจะกู้ผ่านหรือไม่ผ่านจะได้รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป



เคล็ดลับที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอะไรไปค้ำประกันได้เลย



=> หาความรู้ด้วยการอ่านวิธีแก้หนี้ต่างๆ เช่น หนังสือคนชนะหนี้ ของคุณมณฑานี ตันติสุข

=> อีกหนึ่งทางเลือก คือ การแฮร์คัทหนี้ที่จะจ่ายหนี้ลดลง 30-50% วิธีนี้จะเหมาะกับลูกหนี้ที่มีเงินออมเท่านั้น แนวคิดเบี้ยงต้น คือ จะต้องเป็นหนี้ที่เน่ามากๆเพราะไม่ได้จ่ายหนี้นานหลายเดือน ระหว่างที่ยังไม่จ่ายหนี้นั้น ลูกหนี้อาจจะจิตตกเพราะได้รับการโทรทวงหนี้ถี่มาก เครดิตเสียเพราะขึ้น “สถานะค้างชำระ”มีผลต่อการกู้ยืนในอนาคต

=> ถ้าเราตัดสินใจแฮร์คัทหนี้ก็ต้องหาความรู้ว่าจะขอลดยอดหนี้ได้เท่าไหร่ เก็บออมเงินพร้อมแล้วขอคุยกับเจ้าหนี้ว่าจะจัดการอย่างไร ถ้าเจ้าหนี้บอกว่าถ้าปิดหนี้ตอนนี้เราจะได้ลดหนี้ 40% หลังจากเขียนสัญญาออกมาเรียบร้อยเราก็ควักเงินออมที่เก็บมาทั้งหมดปิดยอดหนี้ทันที #เบาๆ




จากเคล็ดลับนี้จะทำให้เรารู้คร่าวๆแล้วว่าจะใช้วิธีไหนในการแก้หนี้ของตัวเอง “เราสร้างหนี้เอง ก็ต้องแก้หนี้เอง” เมื่อหนี้สินเบาตัวลงแล้วค่อย แบ่งเงินให้พ่อแม่นะจ๊ะ






สถานการณ์ที่ 2 เรามีหนี้เบาๆที่ควบคุมได้



ถ้าแผนที่การเงินบอกว่าเรามีเงินเป็นบวก คือ มีรายได้มากกว่ารายจ่าย ก็จะต้องกลับมาดูว่าภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวเป็นอย่างไร ถ้า...



  • พ่อแม่ของเรายังทำงานมีรายได้ ดูแลตัวเองได้


เราอาจจะแบ่งให้พ่อแม่ 5 - 10% ของรายได้ ซึ่งพ่อแม่อาจจะไม่รับเงินที่เราให้ เพราะอยากให้เราเก็บเอาไว้ดูแลตัวเอง ในขณะที่บางครอบครัวพ่อแม่รับเงินไป ไม่ได้เอาไปใช้จ่ายส่วนตัว แต่กลับนำไปฝากธนาคารเก็บไว้ให้เรา เหมือนเป็นการช่วยเราออมเงิน เผื่อในอนาคตถ้าเราต้องการใช้เงินก้อน พ่อแม่ก็หยิบเงินส่วนนี้มาให้เรา

 


  • ครอบครัวที่พ่อแม่ไม่สามารถทำงานได้และไม่มีเงินดูแลตนเอง


ทำให้เรากลายเป็นแหล่งเดียวในการหารายได้ให้ครอบครัว จึงมีความจำเป็นมากๆที่เราจะต้องแบ่งเงินไปให้พ่อแม่ใช้ด้วย แบ่งเงินให้เหมาะสมตามภาระค่าใช้จ่ายของเรา จากแผนที่การเงินก็จะรู้ว่าเรามีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แบ่งให้พ่อแม่เท่าไหร่ที่ไม่ทำให้เราฝืดเคืองเกินไป



แต่ว่า!!



ทุกอย่างควรอยู่ด้วยความพอดี เพราะบางครอบครัวที่พ่อแม่ติดการพนันมากๆ เลิกไม่ได้ เราให้ไปเท่าไหร่ก็หายหมด บางครั้งติดหนี้ก้อนโตมาให้เราช่วยชดใช้อีกด้วย มันเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เสียเงินอย่างมหาศาล มีทรัพย์สินอะไรก็หมดเกลี้ยง เราควรหันหน้ามาคุยกันจัดการกับเรื่องหนี้สินตรงนี้ก่อนนะจ๊ะ อ่านเจอเรื่องนี้ในกระทู้หนึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างของหลายๆครอบครัวได้


“มนุษย์เงินเดือนจบใหม่" ควรแบ่งให้เงินให้พ่อแม่ยังไง



ที่มา : https://pantip.com/topic/33611401



ส่วนตัวมองว่าทางแก้ไขของเรื่องนี้ เช่น


  • ความกตัญญูกับเรื่องหนี้สินจากการพนันควรแยกออกจากกัน
  • เราอาจจะต้องใจแข็งและจำกัดความช่วยเหลือ ถ้าช่วยชดใช้หนี้สินไปแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น ยังคงติดการพนันเหมือนเดิมก็อาจจะต้องปล่อยให้เขารับผิดชอบตัวเอง
  • หางานให้ทำจะได้ไม่ต้องมีเวลาว่างไปเล่นการพนัน




สรุปว่า…



เมื่อเราทำงานมีรายได้แล้วควรแบ่งเงินมาให้พ่อแม่ใช้ด้วยเพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยเปิดรับโอกาสใหม่ๆที่จะเข้ามาในอนาคต แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า “ความพอดี” ไม่ช่วยเหลือจนตัวเองเดือดร้อน เริ่มจากดูจากแผนที่การเงินของเราก่อนจากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะให้เงินพ่อแม่เท่าไหร่ ตอนนี้รู้รึยังว่าเราจะแบ่งเงินให้พ่อแม่เท่าไหร่จ๊ะ?


“มนุษย์เงินเดือนจบใหม่" ควรแบ่งเงินให้พ่อแม่ยังไง




ของฝากส่งท้าย...

เรื่องของหนุ่มนักออม "หยอดกระปุกออมสินมอบให้พ่อแม่"



วิธีง่ายๆแต่ได้ผลเกินคาด เรื่องนี้เป็นข่าวในช่วงต้นปี 60 หนุ่มบุรีรัมย์ชื่อ คุณประทีป อะวะรัมย์ มีอาชึพขายเสื้อผ้าในตลาดนัดและขายออนไลน์ หลังจากขายของเสร็จแล้วจะมาหยอดกระปุกออมสินวันละ 5-10% ของรายได้ แล้วเขาก็นำไปมอบให้พ่อกับแม่ในวันปีใหม่ต้นปี 2560 





ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=aZGnUcly-JU




ตอนแรกคิดว่าน่าจะได้ไม่กี่หมื่นบาท แต่พอทุบออกมานับแล้วถึงกับตกใจ ระยะเวลา 1 ปี มีเงิน 380,000 บาทให้พ่อแม่ แต่กว่าที่เขาจะมีวันนี้ได้ก็เจ็บปวดจากแชร์ลูกโซ่มาอย่างแสนสาหัส มีหนี้สินกว่า 1 ล้านบาท เขาพยายามหารายได้เพื่อมาชำระหนี้จนหมด



วิธีการใช้เงินของเขาก็น่าสนใจ คือ รายได้จากการขายก็แบ่งไว้เป็นเงินเดือนของตัวเอง 15,000 บาท แล้วไม่นำเงินของร้านมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยส่วนตัวเพราะกลัวหมุนเงินไม่ทัน