หากใครเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 อาจจะเคยได้ยินชื่อ บี.กริม กันอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ เพราะเป็นบริษัทที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 1 ศตวรรษ และมีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้กับประเทศไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคลองรังสิต ระบบโทรศัพท์ โทรเลข จนมาถึงปัจจุบัน ก็ยังเป็นผู้ที่คอยจัดหาสินค้าและเครื่องจักรสำหรับธุรกิจขนส่งรถไฟฟ้าอย่าง BTS และ MRT ด้วยนะครับ ธุรกิจของกลุ่มบริษัทนี้มีมากมาย นอกจากเรื่องโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ยังทำอีกหลากหลายธุรกิจที่ตอกย้ำจุดยืนของบริษัทในการสร้างความศิวิไลซ์ให้กับประเทศไทยและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับ การขนส่ง ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สุขภาพ อสังหาริมทรัพย์ และวันนี้ที่จะเล่าให้ฟังก็คือธุรกิจพลังงานครับ
บริษัทที่จะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์คือ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ในบทความนี้ผมจะเล่าให้ฟังในรายละเอียดดังนี้นะครับ
- โรงไฟฟ้าแบบ SPP
- ธุรกิจของ บี.กริม เพาเวอร์
- ภาพรวมงบการเงิน
- วัตถุประสงค์ในการระดมทุน
มาดูกันเลยทีละหัวข้อนะครับ
1. โรงไฟฟ้าแบบ SPP
รูปภาพโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง)
โรงผลิตไฟฟ้าแบบ SPP นั้นจะเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้รูปแบบการผลิตพลังงานความร้อนร่วม ไม่ว่าจะเป็น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน พลังงานชีวมวลอย่างพวกขยะและก๊าซชีวภาพ หรืออาจจะเป็นพลังงานสะอาดอย่างพลังงานลม น้ำ และแสงอาทิตย์ก็ได้นะครับ โดย SPP คือโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าระหว่าง 10-90 เมกะวัตต์ ส่วนใหญ่แล้วโรงไฟฟ้าประเภทนี้จะตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนะครับ เพราะนอกจากจะจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. แล้ว SPP ยังสามารถจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ภาคเอกชนได้โดยตรง ซึ่งก็คือโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อีกด้วย
และโรงไฟฟ้า SPP จะแตกต่างจากโรงไฟฟ้าอย่าง Independent Power Producer (IPP) ตรงที่ IPP จะจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ กฟผ. อย่างเดียว เพื่อนำไฟฟ้ามาจ่ายให้ภาคครัวเรือนใช้ในชีวิตประจำวัน
ภาพข้างล่างนี้จะเป็นข้อแตกต่างของผู้ผลิตไฟฟ้าประเภทต่างๆ นะครับ
2. ธุรกิจของ บี.กริม เพาเวอร์
บี.กริม เพาเวอร์ ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับทั้ง กฟผ. และลูกค้าอุตสาหกรรมโดยปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 200 ราย ใน 5 นิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย ทั้งนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี นิคมอุตสาหกรรมเหมราช และนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
ซึ่งถือว่า บี.กริม เพาเวอร์ เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของบ้านเราเลยนะครับ เนื่องจาก บี.กริม เพาเวอร์ มีศักยภาพในการนำเทคโนโลยีระดับโลกและความเชี่ยวชาญของคณะผู้บริหารและวิศวกร ในการผลิตไฟฟ้าคุณภาพสูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการเสถียรภาพของไฟฟ้าที่สูงกว่าการใช้ในครัวเรือน เพื่อป้องกันความเสียหายและสร้างความต่อเนื่องในกระบวนการผลิต
รูปภาพโรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร
ในปัจจุบันบริษัทฯ มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 43 โครงการ แบ่งเป็น
- โครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 28 โครงการกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 1,626 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 350 ตันต่อชั่วโมง
- โครงการโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง 5 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 419.1 เมกะวัตต์และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 90 ตันต่อชั่วโมง
- โครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 338.5 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 60 ตันต่อชั่วโมง
ซึ่งในปี 2564 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 2,357 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 2,111.1 เมกะวัตต์ กำลังการผลิตไอน้ำติดตั้งรวม 500.0 ตันต่อชั่วโมง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 114.2 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 102.6 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม 16.0 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง 13.0 เมกะวัตต์
รูปภาพโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จังหวัดนครปฐม
นอกจากนี้ "บี.กริม เพาเวอร์" ยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีกหลายโครงการ ทั้งในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาว เพื่อตอบสนองกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในระดับภูมิภาคด้วยครับ
จะเห็นได้ว่าทางบริษัทได้มีโครงการที่กำลังสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ นะครับ แสดงว่ามีการเติบโตที่ดีเลยทีเดียว และสิ่งที่จะยืนยันได้ก็คือผลประกอบการที่เราสามารถดูได้จากงบการเงินครับ
3. ภาพรวมงบการเงิน
ตั้งแต่ปี 2557 ถึง 2559 จะเห็นได้ว่ารายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดคิดเป็น 17% แม้แต่อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิเองก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยนะครับ และมีการเติบโตของกำไรสุทธิปรับปรุงที่ 89%
จุดเด่นของบริษัทที่ทำให้งบการเงินเติบโตได้แบบนี้ก็คือทางบริษัทมีประสบการณ์มาอย่างยาวนานมากกว่า 20 ปี และดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยมีการลงทุนและให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีควาâ