วันมาฆะบูชา 2558 เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาที่หลายๆคนเข้าวัดเข้าวาไปทำบุญกันนะครับ อย่างผมก็นัดกับเพื่อนสนิทไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน ปีนี้ก็เลือกไปทำบุญที่เขาคิชกูฎที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นประจำทุกปี สถานที่แห่งนี้คนจะเยอะมากๆ กลับมาแล้วผมก็เลยมีเรื่องราวที่เป็นข้อสังเกตให้เราวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายนะครับ

 

1. จองรถตู้ง่ายๆตามเวปไซต์

สำหรับผมนี่ขึ้นจากกรุงเทพ ก็อาจจะไม่ทราบอัตราค่าโดยสารของเพื่อนๆที่อยู่ต่างจังหวัดนะครับ วิธีง่ายๆคือการจองผ่านเวปไซต์ ซึ่งมีหลากหลายราคาให้เลือกเลย วิธีการของผมก็คือ ไม่เลือกหาราคาที่ถูกสุดแต่ดูราคาเพื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่จะได้รับ เพราะรถตู้มีหลายแบบมากๆ มีตั้งแต่รูปแบบรถตู้เต็มแก็สนั่งกันแบบ 13 ที่นั่งอารมณ์ รถตู้เสาวรีย์-เดอะมอลล์บางกะปิ ยันรถตู้แบบ VIP ที่นั่งแค่ 9 คน ในปีนี้ผมเลือกราคาไปกลับ 660 บาทครับ สิ่งที่เราควรจะดูต่อก็คือ

  • ราคาสมเหตุสมผลไหม เปรียบเทียบกับหลายๆเจ้า
  • โปรแกรมมีอะไรบ้าง (บางเจ้าเขาจะพาเราเที่ยวพักผ่อนที่ชายทะเล)
  • ระบบการจองสามารถจองตั๋วแบบระบุที่ได้เลยหรือเปล่า จองก่อนจะได้เลือกที่ดีๆ
  • มีโทรศัพท์ Line Application ต่างๆที่ทำให้เราติดต่อได้ง่ายไหม
  • ตั๋วควรจะต้องรวมค่าเดินทางขึ้นเขาในช่วงแรก 50 บาท ไปแล้ว

 

2. เลือกเดินทางกับรถตู้ที่ออกเร็ว

การเดินทางไปยังเขาคิชกูฎนั้นใช้เวลานานอยู่และมีผู้แสวงบุญเป็นจำนวนมาก หากใครเคยไปจะทราบดีว่ารถตู้จะมาส่งถึงแค่ Grand Lobby ตรงทางขึ้นเขา แล้วเรามีหน้าที่จะต้องต่อรถไปอีก 2 ขั้น ขั้นละ 50 บาท ต้องจ่ายทั้งไปทั้งกลับนะครับ ซึ่งบริเวณนี้คนจะเยอะมากๆและมีการต่อคิวเรียกเข้าแถวเหมือนไปทาน MK สุกี้ หรือชาบูชิ แต่เขาจะไม่ประกาศน่ารักๆแบบ "เชิญหมายเลข A11 ค่ะ" ประกาศเรียกกันแบบดุดันกว่าเยอะ เพราะฉะนั้นแล้วยิ่งออกเร็วยิ่งดีเพราะคนจะน้อย และปกติแล้วรถตู้จะรวมค่าเดินทางขึ้นเขาในรอบแรกให้ สามารถลัดคิวได้เลย ตอนที่ผมเดินลงมาเพื่อรอกลับบ้านตอนตี 4 คนจะนั่งรถกันเยอะมากๆ มีการประกาศช่วงนั้นว่าได้คิวขึ้นเขาช่วง 7 โมงเช้า

 

3. เตรียมเงินเดินทางเพื่อขึ้นเขาเพิ่มเติม

บางคนคิดว่าการเดินทางด้วยรถตู้เขาจะรวมทุกอย่างแล้ว แต่ความเป็นจริงเราจะต้องไปต่อรถขึ้นเขาอีก 2 ต่อนะครับ และแต่ละต่อนี่ขึ้นกันอย่าง Adventure เพราะทางขึ้นเขานั้นน่ากลัวมากพอๆกับการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา นั่งๆอยู่ก็จะมีคนกรี๊ดๆ คือมันสนุกอ่ะ ไม่ได้ไปทำบุญอย่างเดียว ไปเอามันส์กับเพื่อนๆด้วย การต่อรถจะมีค่าใช้จ่ายดังนี้นะครับ

ขาขึ้น

ต่อที่ 1 แกรนด์ล็อบบี้ (ทางขึ้นเขา) - กิลด์นักเดินทาง (ที่ต่อรถขั้นที่ 2) : 50 บาท

ต่อที่ 2 กิลด์นักเดินทาง (ที่ต่อรถขั้นที่ 2) - ทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (ทางเดินขึ้นวัด) : 50 บาท

กรณีที่มากับรถตู้จากกรุงเทพต่อแรกขาขึ้นเขาจะรวมในแพ็คเก็จให้แล้วนะครับ นอกจากนั้นก็จะเป็นการเดินเท้าของเรานะครับ เดินตามทางเก็บ Level ไปกับนักเดินทางคนอื่นๆเรื่อยๆเลย ปีนี้ผมขอเดินสิ้นสุดแค่ที่รอยพระพุทธบาท ใครเดินทางไปไกลกว่านั้นก็สามารถไปถึงบาตรพระอานนท์และข้ามเขาไปยังผ้าแดงได้เลยครับ ยิ่งไกลยิ่งเดินลำบากนะครับแต่ละด่านเดินโหดขึ้นเรื่อยๆ > <

ขาลง

ต่อที่ 1  ทางเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ (ทางขึ้นวัด) - กิลด์นักเดินทาง (ที่ต่อรถขั้นที่ 2) : 50 บาท

ต่อที่ 2 กิลด์นักเดินทาง (ที่ต่อรถขั้นที่ 2) - ต่อที่ 1 แกรนด์ล็อบบี้ (ทางขึ้นเขา) : 50 บาท

รวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 150 บาท กรณีมาเองรถตู้ไม่ได้จองให้ก็ 200 บาทนะครับ เบ็ตเสร็จค่าเดินทางที่ผมต้องจ่ายคือ 660 + 150 = 810 บาท ที่นั่นหาตู้ ATM ไม่ได้ง่ายเท่าไหร่ แค่ห้องน้ำยังลำบากเลยครับเพราะฉะนั้นแล้วเตรียมเงินไปให้พร้อม ไม่เช่นนั้นเราจะต้องเดินขึ้นไปประนึ่งมาเรียนเดินทางไกลแบบลูกเสือเนตรนารีอีก 1 รอบ นอกนั้นจะเป็นค่าทำบุญและค่าใช้จ่ายส่วนตัวนะครับ 

 

โดยสรุปสิ่งที่ผมจะพูดก็คือ

1. เลือกเดินทางไปเร็วๆเถอะ สบายกว่า ไม่ต้องรอคิวอะไรมาก ไปรถตู้ให้เขาขับให้ก็ง่ายดีไม่เหนื่อยด้วย

2. เตรียมเงินไปให้พร้อมเพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆรอเราอยู่ ถ้าไม่รู้นี่เสร็จเลยนะ

3. อยู่บนเขาต้องกินมาม่านะครับ มันฟินมากๆเลย 

4. สำหรับท่านที่กำลังจะไป ขอให้สนุกกับการเดินทางและอนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ^_^

 

 

วางแผนอย่างไรให้ไปทำบุญที่เขาคิชกูฎสะดวกสบาย