เจ๊ไม่ค่อยได้เขียนในบล็อกเลยนะคะ แต่สัญญาว่าจะมาเขียนบ่อยๆค่ะ พอดีเจ๊ไปเจอช่วงชีวิตที่ของลดราคาเยอะ เวลาหล่อนไปเดินตามห้างสรรพสินค้าทีหล่อนจะเห็นป้ายตัวใหญ่ๆว่า SALES มันแปลว่าอะไรค่ะ? ขายของหรอออออ ก็รู้อยู่แล้วว่าขายของจะติดป้ายไว้ทำไมย่ะ คิคิ ล้อเล่นค่ะ ป้ายเซลล์ใหญ่ๆก็ลดราคานั่นล่ะค่ะ บางทีลดราคาแบบโลกตลึงแบบ 30% - 70% เลยนะคะ แต่พอหยิบของขึ้นมาดูมันการาคาเดิมทิ้ง 3,500 บาท เหลือ 1,700 ค่ะ

หล่อออออออออออออออน เพื่อนหล่อนอาจจะคนตระโกนบอกว่า ถูกมากเลยลดขนาดนี้ซื้อสิย่ะ แต่หล่อนก็ควรจะดูเงินในกระเป๋าตังหล่อนด้วยว่ามันเหมาะสมกับการซื้อหหรือเปล่า ถ้าหล่อนเงินเดือน 8 แสนบาท เจอของลดราคาจาก 50,000 เหลือ 20,000 บาท หล่อนก็มีตังซื้อค่ะ แต่ถ้าหล่อนเป้นชนชั้นกลางรุ่นป้าไม่มีผัวอย่างเจ๊ หล่อนก็ต้องคิดก่อนซื้อหลายๆรอบนะคะ อารมณ์เงินเดือน 30,000 บาท เจอของลดราคาจาก 8,000 เหลือ 5,000 งี้ นี่มันคือเงิน 1 ใน 6 ของเงินเดือนเลยนะคะ 

แต่...... มีเงินแล้วไม่ใช้ จะมีทำไมยะ เก็บใส่ตุ่มฝังไว้ให้แบงค์เน่าหรอ เจ๊ก็ไม่ทำหรอก เจ๊มมีเคล็ดลับในการใช้เงินในช่วงของเซลล์ แบบนี้ค่ะ

 

ข้อที่ 1 กำหนดก่อนเลยค่ะว่าจะซื้ออะไรแค่ไหน

แรกสุดเจ๊จะตั้งงบของตัวเองไว้ตามอัตตภาพ เบี้ยน้อยหอยน้อยก็อย่าไปใช้เงินเยอะ เก็บๆบ้าง ผัวไม่มี แก่ไปไม่มีคนเลี้ยง เจ๊จะเอาเงินเก็บทั้งหมดมาดูค่ะว่ามีเท่าไหร่แล้วให้ความสุขของตัวเองบ้าง อาทิเช่นนะคะ เจ๊เก็บเงินได้เดือนละ 5,000 บาทในเงินออม 1 ปี เจ๊มี 60,000 บาท ไม่มีทางหรอกค่ะที่ต้องเอาเงินทั้งหมดไปซื้อของที่อยากได้ เจ๊อาจจะแบ่งมานิดๆหน่อยๆ ถ้าหล่อนจะแบ่งมาซัก 10% หล่อนก็แบ่งไว้ 6,000 หรือถ้าหล่อนคิดว่าหล่อนจะใช้ซัก 10,000 บาท หล่อนก็อย่าใช้เกินนี้ ต้องเก็บไว้ค่ะ ท่องไว้ค่ะ ไม่มีผัวๆๆๆ แก่ไปใครจะดูแลเราเท่า RMF และประกันบำนาน แบ่งเงินไปลงทุนและให้ความสุขกับตัวเองตามที่มีนะคะ

 

ข้อที่ 2 เลือกดูสินค้าที่อยากได้

เจ๊เชื่อว่าความฝันของแต่ละคนมีเต็มไปหมด หล่อนก้มีฝันที่จะได้ของต่างๆเยอะแยะมากมาย ลองเขียนไว้ค่ะว่าอยากได้อะไรแล้วไปดูราคามันซิว่าลดราคาแล้วเราจะซื้ออันไหน บางทีเราอาจจะเลือกชิ้นใหญ่ๆที่เราอยากได้ชินเดียว บางทีเราก็อาจจะเลือกของถูกๆที่เราอยากได้หลายๆชิ้น แต่ถ้ามันแพงเกินงบประมาณก็ช่างมันค่ะ เก็บเงินได้ค่อยมาซื้อ เจ๊อยากได้เบนซ์ซักคันค่ะ มีเงินเก็บ 10,000 บาทเอามาช็อปปิ้ง รอชาติหน้าก่อนนะคะ มีเงินแล้วจะซื้อรถเบนซ์ค่ะ

 

ข้อที่ 3 ซื้อแล้วจบค่ะ อย่าไปคิดเยอะ

คนเรามันมักจะเป็นโรคอย่างนึงคือ คิดมาก คิดเยอะ เวลาสั่งข้างมากินกับเพื่อน ข้าวในจานตัวเองมันดูไม่น่ากินเหมือนข้าวในชามคนอื่นเสมอล่ะค่ะ ซื้อของก็ไม่เหมือนกัน เวลาได้มาแล้วก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ซื้อชิ้นอื่น ถ้าเราจะซื้อๆเรื่อยๆเนี่ยมันไม่จบไม่สิ้นหรอกค่ะ มันต้องซื้อทั้งประเทศไทยแล้วค่ะ เราซื้ออย่างพอเพียงก็พอแล้วค่ะ มีมากก็ซื้อได้มาก มีน้อยก็ซื้อตามที่ตัวเองมี พอแล้วววว....  แต่ถ้าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้เจ๊จะแนะนำให้เขียนก่อนว่าชีวิตนี้อยากได้อะไรบ้าง แล้วหล่อนก็ติ๊กถูกว่า เราทำสำเร็จแล้วในวันนี้ วันหน้าค่อยไปซื้ออย่างอื่น สวยๆค่ะ แค่นี้เอง

 

ข้อที่ 4 ไม่ได้ซื้อวันนี้ วันหน้าก็มี

 บางคนเสียดายค่ะ ไม่ได้ซื้อของที่ตัวเองอยากได้บางอย่างก็กลัวว่าต้องไปซื้อในราคาที่ไม่ได้ลดบ้าง อนาคตไม่มีขายบ้าง ทุกคนเจอความรู้สึกเดียวกันค่ะ เหมือนเจ๊เลย เวลาเจอผู้ชายน่ารักๆเดินผ่าน เจ๊ก็อยากจะไปทำความรู้จักนะคะ ชื่ออะไร อย นน สส แบบไหน แถวไหน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ทำหรอกค่ะ เป็นป้าแล้วไม่มีปัญญาจีบเด็ก แต่เจ๊จะมองว่า เด็กน่ารักเดินผ่านไปแล้ว ข้างหน้าเราก็จะเจอเด็กน่ารักเดินผ่านมาให้เรามองอีก การซื้อของก็เหมือนกันค่ะ ราคาเขาไม่ได้ลดแค่ปีนี้ปีเดียว ปีหน้าก็ลด ถึงของจะไม่เหมือนเดิม แต่เธอค่ะ เธอจะได้เจอของที่เธอชอบมากๆในอนาคตก็ได้ อินังเลขามันเคยอยากได้ iPhone ตอนเปิดตัวใหม่ๆ มันอิจนังเกร์ที่ซื้อมา มันมาบ่นกับเจ๊ตลอด ตอนนั้นนางเลขาไม่มีเงินเจ๊เลยบอกว่าเก็บเงินไปก่อน พอต่อมาอิเลขามันก็มีตังซื้อ iPhone 5 ได้ ดีจะตาย ส่วนนังเกร์ยังใช้รุุ่นเก่าอยู่ เห็นป่ะ ของใหม่ๆมันจะมาหาเราเรื่อยๆ อย่าไปตามไขว่ขว้ามาก ถึงเวลาหล่อนก็จะได้เอง

 

หวังว่าเคล็ดลับของเจ๊จะมีประโยชน์ต่อลูกหลาน เกย์ กะเทย ชะนี สตรี และ บุรุษ นะคะ 

แชร์สิยะ!!!! กด Share เร็วๆ