พี่มั่นคง : น้องมั่งคั่งครับ พี่สงสัยอยู่ว่า..การลงทุนทำไมต้องจัดพอร์ตให้มันยุ่งยากด้วยครับ?
น้องมั่งคั่ง : อ๋ออออ เราก็ต้องจัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงไงคะพี่มั่นคง
สำหรับเรื่องของการวางแผนการเงิน หนึ่งในคำที่เราได้ยินกันอยู่เสมอๆ นั่นคือ การสร้างพอร์ตในการลงทุน (Portfolio Model) ซึ่งใครหลายๆคนอาจจะงงว่า ทำไมต้องสร้างพอร์ต และพอร์ตที่ดีต้องมีอะไรบ้าง
เรามาทำความเข้าใจในเรื่องนี้ไปพร้อมๆกัน โดยเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า “อย่าใส่ไข่ทุกฟองไว้ในตะกร้าใบเดียว” ซึ่งเป็นแนวคิดในการลงทุนที่มือใหม่และมือเก๋าเลือกใช้ เพราะมันคือ การกระจายและป้องกันความเสี่ยง เปรียบเทียบง่ายๆ กับไข่และตะกร้าว่า เงินลงทุนของเรา (ไข่) เมื่อนำไปกระจายลงทุนในสินทรัพย์ (ตะกร้า) หลายๆ รูปแบบ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ เงินฝาก ในสัดส่วนที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ผ่านการจัดพอร์ตการลงทุน หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ตัวใด อย่างน้อย เราก็สบายใจได้ว่ายังมีตะกร้าใบอื่นๆ เหลืออยู่
ซึ่งการจัดการความเสี่ยงที่ว่ามานั้น คือทางเลือกในการเติบโตกับการลงทุนของเรา เพราะหากมีทางไหนที่ผิดพลาดไปจากที่คาดการณ์ไว้ เราก็ยังมีทางเลือกในการลงทุนแบบอื่นๆ ที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับชีวิตต่อไป
และไม่น่าเชื่อเลยว่า.. เหตุผลสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน คือ การไม่จัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ หรือเกิดจากการจัดพอร์ตโดยไม่สนใจระยะเวลาในการลงทุนที่เหมาะสม จนทำให้เกิดข้อผิดพลาดและขาดทุนกันเป็นจำนวนมาก
การจัดพอร์ต นอกจากจะเป็นเครื่องมือในการกระจายและป้องกันความเสี่ยงแล้ว ยังช่วยบริหารเวลาในการสร้างฐานะของเราอีกด้วย ทำให้จัดการลงทุนได้อย่างเป็นระบบ ไม่ต้องไปเบียดเบียนเวลางาน หรือเวลาของครอบครัว ช่วยรักษาสมดุลในชีวิตได้อีกด้วย
ดังนั้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ขอย้ำว่าสิ่งสำคัญนั้นไม่ใช่แค่เลือกวิธีลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ เพียงอย่างเดียว แต่การจัดพอร์ตในการลงทุนที่เหมาะสมนั้นอาจจะเป็นคำตอบสุดท้ายที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายเรื่องการสร้างฐานะได้อย่างมั่นคงด้วยค่ะ
เริ่มต้นจัดพอร์ตอย่างไรดี?
สิ่งที่สอดคล้องกับการจัดพอร์ต นั่นคือ เรื่องของระดับความเสี่ยงที่เราสามารถยอมรับได้ในการลงทุน ซึ่งสามารถประเมินได้ง่ายๆ ผ่านการทำแบบทดสอบความเสี่ยง (แบบประเมินความเสี่ยง) ทั้งนี้ เพื่อให้เราเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนของตัวเองได้อย่างเหมาะสม และสามารถวางแผนการลงทุนคร่าวๆ ได้ว่าควรลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทใด ในสัดส่วนเท่าไร จึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุดในระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ (ใครที่ยังไม่เคยทำแบบประเมินความเสี่ยง คลิกทำได้ที่นี่เลย http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_wrapper&Itemid=76 )
หลังจากที่เรารู้ระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว สิ่งต่อมาคือ การลงทุนตามสัดส่วนของสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ดังนี้
- กลุ่มสินทรัพย์เพื่อถือระยะสั้น-ยาว (ความเสี่ยงต่ำ) ถือเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนแต่ผลตอบแทนไม่สูงนัก เช่น เงินฝากธนาคาร สินทรัพย์คล้ายเงินฝาก (กองทุนรวมตลาดเงิน) และประกันออมทรัพย์ ซึ่งแม้สภาพคล่องจะต่ำกว่า แต่การันตีในเรื่องของผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งในส่วนของเงินคืนและความคุ้มครองชีวิต ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์ทั่วไปแล้ว เทียบเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากที่ 1.5% – 3.5% โดยอาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ
- กลุ่มสินทรัพย์เพื่อกระแสรายได้ (ความเสี่ยงปานกลาง) ถือเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ เช่น เงินฝากประจำ พันธบัตร หุ้นกู้ กองทุนรวมตราสารหนี้ ฯลฯ
- กลุ่มสินทรัพย์เพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุน (ความเสี่ยงสูง) ถือเพื่อสร้างมูลค่าผลตอบแทนในระยะยาว เช่น หุ้น กองทุนรวมหุ้น ตราสาร ETF ต่างๆ
หลังจากที่จัดพอร์ตการลงทุนเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมาที่นักลงทุนหน้าใหม่ทุกคนต้องทำ...คือ การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว สร้างฐานะและยกระดับชีวิต เพื่อเป้าหมายความสำเร็จที่เราต้องการ หรืออิสรภาพการเงินที่ใครหลายคนใฝ่หา และยังสอดคล้องกับแนวคิดการกระจายและป้องกันความเสี่ยงในชีวิตไปพร้อมๆ กันอีกทางหนึ่ง
สุดท้ายแล้ว การจัดพอร์ตลงทุนที่เหมาะสม อาจจะไม่ได้สร้างผลตอบแทนสูงกว่าการเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงประเภทเดียว (ซึ่งไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าผลตอบแทนนั้นจะสูงอยู่ได้ตลอดในสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไป) แต่เป็นการลดระดับ-กระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่มากที่สุดในระดับที่เรายอมรับได้นั่นเอง
น้องมั่งคั่ง : เป็นยังไงบ้างคะพี่มั่นคง เริ่มเห็นความสำคัญของการจัดพอร์ตขึ้นมาบ้างแล้วไหมคะ?
พี่มั่นคง : แน่นอนสิจ๊ะ รู้แบบนี้แล้วใครๆก็ไม่อยากลงทุนในที่ๆมีความเสี่ยงสูงอย่างเดียวหรอกครับ เดี๋ยวพี่ขอไปวางแผนจัดพอร์ตการลงทุนของตัวเอง ให้กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมก่อนดีกว่า คราวนี้ก็มั่นใจได้แน่นอน
น้องมั่งคั่ง : โชคดีในการลงทุนนะคะพี่มั่นคง