เมื่อเทคโนโลยีทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ภายในระยะเวลาไม่กี่นาที แค่คลิกไม่กี่ครั้งก็เจอสิ่งที่อยากรู้ แล้วทำให้พฤติกรรมการเลือกซื้อของเราเปลี่ยนไป อภินิหารเงินออมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มีครั้งหนึ่งอยากได้กระเป๋าเป้เตรียมแบ็คแพคไปเที่ยว เดินดูหน้าร้านราคาขาย 1,200 บาท เปรียบเทียบกับร้านค้าออนไลน์ขาย 750 บาทจ้า เห็นแบบนี้อย่ารอช้า กดซื้อทันที มาส่งที่บ้าน จ่ายเงินปลายทาง เรารอได้เพื่อของถูก ^^
การเปรียบเทียบทำให้เราใช้เงินน้อยลงและได้ของดีราคาถูก เรื่องการออมเงินก็เช่นกัน เราเคยชินกับการเปรียบเทียบอยู่แล้ว เช่น
- ดอกเบี้ยฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ ถ้าที่ไหนให้ดอกเบี้ยสูงกว่า เราก็นำเงินไปฝากไว้ที่นั่น
- เราเปรียบเทียบเพื่อคัดเลือกกองทุนรวมที่ได้ผลตอบแทนดีที่สุดในขอบเขตความเสี่ยงที่เรารับได้
อ้าว!! แล้วประกันชีวิตล่ะจะเปรียบเทียบอย่างไร บทความนี้อภินิหารเงินออมจะมาบอกวิธีเปรียบเทียบแบบประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของเรามากที่สุด และที่สำคัญ คือ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองนะคะ
ทำไมเราต้องรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ประกันชีวิตมีหลายร้อยแบบ แต่แบบไหนล่ะที่เหมาะสมกับเรา บางคนมีตัวแทนหรือนายหน้าประกันดูแลอยู่แล้วคิดว่าจะให้เขาช่วยเปรียบเทียบข้อมูลให้เรา มันก็ทำได้ แต่ถ้าบังเอิญเราไปเจอตัวแทนหรือนายหน้าที่เน้นขายเฉพาะแบบประกันที่ให้ค่าคอมมิชชั่นเยอะๆเท่านั้นล่ะ
เราก็จะได้แบบประกันที่ให้ค่าคอมกับตัวแทนหรือนายหน้ามากที่สุด แต่ไม่ตอบโจทย์เป้าหมายการเงินของเรานะจ๊ะ นี่แหละเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องรู้วิธีการเปรียบเทียบนี้ด้วยตัวเองนะจ๊ะ
การเปรียบเทียบข้อมูลแบบออนไลน์
จากข้อมูลของ คปภ. ตอนนี้มีบริษัทประกันชีวิต 24 บริษัท(รายชื่อบริษัทอยู่ลิงค์ท้ายบทความ) ในขณะที่เว็บไซด์ของ iTAX มีเปรียบเทียบให้ดู 18 บริษัท หรือประมาณ 75% ของบริษัททั้งหมด แม้ว่าจะไม่ครบทุกบริษัท แต่อย่างน้อยเราจะได้ตัดตัวเลือกที่ไม่ใช่ออกไปได้ ถ้าต้องการได้ข้อมูลครบก็ไปหาเพิ่มอีก 6 บริษัทที่เหลือเองนะจ๊ะ
รายชื่อบริษัทประกันชีวิตในเว็บไซด์เปรียบเทียบของ iTAX
ที่มา : https://www.itax.in.th/market
เป้าหมายการเงินของเรา สำคัญที่สุด!!
เราเคยถามเพื่อนมั้ยว่า “กลางวันนี้กินอะไรดี” แล้วเพื่อนตอบกลับมาว่า “กินอะไรก็ได้” เราบอกว่าจะกินก๋วยเตี๋ยว เพื่อนก็บอกว่าไม่กินเพราะเพิ่งกินไปเมื่อวาน จะไปกินข้าวผัด เพื่อนก็บอกว่าไม่กินเพราะเมื่อเช้าเพิ่งกินมา สุดท้ายเราถามเพื่อนกลับไปว่าจะกินอะไร เพื่อนก็ตอบว่า “กินอะไรก็ได้” สรุปว่ากว่าจะได้กินก็จะหมดเวลาพักกลางวันเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกินอะไร
คราวนี้เอาใหม่ เราบอกเพื่อนว่ากลางวันนี้จะกินส้มตำ ถ้าเพื่อนตกลงก็ไปกับเรา แต่ถ้าเพื่อนไม่อยากกินก็ไม่ต้องไป แค่นี้จบ !! ถ้าเรามีเป้าหมายชัดเจนแล้วก็จะรู้ว่าตอนนี้ต้องทำอะไร ไปที่ไหนและที่สำคัญ คือ ไม่เสียเวลา
การเลือกแบบประกันชีวิตก็เช่นกัน เราต้องรู้ตัวเองก่อนว่า “อยากได้อะไรจากประกันชีวิต” แล้วค่อยออกตามหาสิ่งที่ใช่ในมหาสมุทรข้อมูลบนโลกออนไลน์ เรื่องประกันชีวิตเราแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ประกันหลักและประกันสุขภาพ (หรือที่เรียกว่าสัญญาเพิ่มเติม) แนวคิดการเลือกประกันแต่ละแบบสรุปสั้นๆอยู่ในตารางนี้นะจ๊ะ
ประกันหลัก : มีมูลค่าเงินสด | ประกันสุขภาพ : เบี้ยจ่ายทิ้ง ไม่มีมูลค่าเงินสด |
| ประกันสุขภาพแบบทั่วไปและเหมาจ่าย เพื่อดูแลรักษาพยาบาลต่างๆ โรคร้ายแรง เงินชดเชย ฯลฯ มีให้เลือกแบบพ่วงกับประกันหลักหรือซื้อแบบเดี่ยวๆก็ได้ |
ประกันชีวิตเป็นวิธีการเก็บเงินแบบเดียวที่สร้างวินัยการออมและได้รับความคุ้มครองชีวิตไปพร้อมกัน ก่อนหน้านี้เรารู้จักแค่แบบ 1 - 4 หลายคนอุ่นใจที่เห็นเงินต้นอยู่ครบ ชอบความเป๊ะของประกันเพราะทำตอนนี้รู้เลยว่าอายุ XX ได้รับเงินคืนกี่บาท ได้เงินก้อนตอนอายุเท่าไหร่ เสียชีิวิตมีเงินก้อนไว้ดูแลคนที่เรารักกี่บาท ในขณะที่หลายคนไม่ค่อยพอใจ เรื่องผลตอบแทนของประกันชีวิตที่ 1 - 3% ต่อปี คิดว่าเก็บเงินที่อื่นทำให้เงินเพิ่มขึ้นเร็วกว่า
สาเหตุที่ผลตอบแทนน้อยเพราะบริษัทประกันนำเบี้ยประกันที่เก็บได้ไปรักษาไว้ในที่ที่ความเสี่ยงต่ำ เน้นเงินต้นปลอดภัย เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อปิดช่องโหว่ตรงนี้ ประกันชีวิตก็ปรับปรุงใหม่กลายร่างมาเป็นแบบที่ 5 คือ ประกันชีวิตควบการลงทุน ที่เราได้รับทั้งความคุ้มครองชีวิตและผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวมไปพร้อมกัน ตอนนี้ในเว็บไซด์ iTAX มีเปรียบเทียบ 1 - 4 และประกันสุขภาพ ส่วนแบบที่ 5 ยังไม่มีเปรียบเทียบนะจ๊ะ
การเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับตัวเอง
เมื่อเราตั้งโจทย์ชีวิต (เป้าหมายการเงิน) ขึ้นมาแล้วว่าต้องการได้รับอะไรจากประกันชีวิต หลังจากนั้นดูว่าเหมาะสมตรงกับประกันแบบไหน สุดท้ายเปรียบเทียบเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
ตัวอย่าง เราต้องการสร้างเงินบำนาญเป็นรายได้เป๊ะๆหลังเกษียณ เราค้นในเว็บไซด์เพื่อเปรียบเทียบดูว่ามีแบบประกันของบริษัทอะไรบ้างที่น่าสนใจบ้าง มีให้เลือกทั้งแบบเน้นความคุ้มครอง เน้นผลตอบแทนและแบบผสมกัน
ที่มา : https://www.facebook.com/miracleofsaving/photos/a.640806552623632/2290282724342665/?type=3&theater
หลังจากได้แบบประกันที่ใช่แล้วค่อยติดต่อตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อซื้อแบบประกันนั้นๆ ในขณะที่ประกันบางแบบที่มีเปิดขายช่วงสั้นๆ ก็เลยไม่มีในเว็บเปรียบเทียบ เช่น การจ่ายเบี้ยครั้งเดียว ถ้าเราต้องการได้แบบนั้นก็ต้องไปเดินงานมหกรรมการเงินในบูธของธนาคารแล้วเก็บข้อมูลเปรียบเทียบเอง ใน Excel เพื่อเราจะได้เห็นภาพรวมและตัดสินใจง่ายขึ้น
ตัวอย่าง การเปรียบเทียบประกันสะสมทรัพย์แบบจ่ายครั้งเดียว 1,000,000 บาท เราก็นำตัวเลขเงินคืนของแต่ละปีมาใส่ในช่อง แล้วคำนวณหา IRR เพื่อดูว่าได้รับผลตอบแทนต่อปีเท่าไหร่ (ขณะนี้ทาง คปภ. ได้บอกให้บริษัทประกันแจ้งไปในเอกสารด้วยว่าประกันแต่ละแบบได้ IRR เท่าไหร่) สุดท้ายมาดูว่าเราต้องการเงินคืนแบบไหน 3 ปี , 5 ปี หรือ 10 ปี นะจ๊ะ
ที่มา : https://www.facebook.com/miracleofsaving/photos/a.640806552623632/2293479494022988/?type=3&theater
ถ้าบริษัทไม่ได้แจ้งไว้ในเอกสาร เราสามารถคำนวณเองได้ อภินิหารเงินออมเคยเขียนเกี่ยวกับวิธีคำนวณ IRR ของแบบประกันไว้แล้วที่ บทความ "คำนวณผลตอบแทนจากการซื้อประกันแบบมืออาชีพ" คลิกอ่านได้ที่ลิงค์นี้ http://bit.ly/2YcVBAR นะจ๊ะ บางคนเห็นการคำนวณแล้วท้อใจ เราใจเย็นๆ ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจ ให้คิดไว้ว่าคนที่ดูแลผลประโยชน์ของตัวเองได้ดีที่สุด ก็คือ ตัวของเราเองนะจ๊ะ
ในยุคที่อำนาจการเลือกอยู่ในมือของผู้บริโภคเพราะเราเห็นข้อมูลแล้วนำมาเปรียบเทียบเองได้ แต่จะเลือกอะไรนั้นก็ต้องอยู่บนเป้าหมายการเงินของตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเราต้องการอะไร หลังจากนั้นค่อยเลือกวิธีเก็บเงินที่ตอบโจทย์ชีวิตของเรามากที่สุด อภินิหารเงินออมของให้ทุกคนโชคดี เจอสิ่งที่ใช่และได้สิ่งที่ชอบนะจ๊ะ ^^
-------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม
รายชื่อบริษัทประกันชีวิตจาก คปภ.
http://www.oic.or.th/th/consumer/insurance/companies/life/list