สวัสดีสัปดาห์วันแม่ หยุดยาวที่หลายคนรอคอย แต่การลงทุนก็ต้องดำเนินต่อไป เพราะชีวิตเราคือการลงทุน ดังนั้นจึงต้องมีคอลัมน์ Weekly Outlook สรุปและอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์ และผม อัศวินกองทุน ยังมาประจำการเหมือนอย่างเช่นเคยครับ
บอกตรงๆ ครับว่า… สัปดาห์นี้มีการปรับกลยุทธ์ลงทุนหลายอย่างเลยครับ เนื่องจากเหตุการณ์ตลาดหุ้นในช่วงนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไร มาครับ เรามาลองวิเคราะห์กันเลยดีกว่า
![สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 11 - 18 สิงหาคม 2560 [WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]](https://s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/thepublisher/publishers/12/98e44f0c-5003-427b-9d4a-590eb4849b99__SCBAM%2054%20Edit%202.jpg)
ภาพรวมของตลาด
เริ่มต้นที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคหลักๆ ปรับตัวลงจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ หลังเกาหลีเหนือย้ำถึงแผนการโจมตีเกาะกวม ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลและเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาเป็นจำนวนมาก
เช่นเดียวกันกับทางฝั่งเอเชีย ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและจีน ปรับตัวลงแรงไม่แพ้กัน โดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้เป็นตลาดหลักที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ ส่วนทางตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงนั้น มาจากที่ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายตลาดหุ้นจีน H-share ปรับตัวลงแรงจากการถูกนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหลังจากดัชนีปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
ทางฝั่งตลาดหุ้นจะเห็นว่าสัปดาห์นี้เทกระจาดกันเลยทีเดียวครับ แต่ทางฝั่งของสินทรัพย์ทางเลือกนั้น ราคาทองคำกลับปรับตัวสูงขึ้นแทน เนื่องจากนักลงทุนมีความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น จากผลกระทบของการเมืองโลกและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัว ส่วนราคาน้ำมันปรับตัวลง เนื่องจากปริมาณอุปทานน้ำมันในกลุ่มโอเปกสูงขึ้น หลังจากที่มีรายงานประกาศว่าลิเบียและไนจีเรียได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันครับ
ภาพรวมสัปดาห์นี้ดูท่าจะไม่ค่อยดีสักเท่าไร มาดูกันว่ากลยุทธ์ลงทุนควรจะเป็นแบบไหนยังไงกันต่อดีกว่าครับ
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผมขอแนะนำอย่างจริงจังให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯครับ เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานที่อยู่ในระดับสูงตอนนี้ มันบ่งชี้ว่านักลงทุนได้คาดการณ์ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไว้มากแล้ว และตอนนี้ตลาดยังขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้นหลังจากบริษัทส่วนใหญ่ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสสองเสร็จสิ้นแล้ว และที่สำคัญที่สุดการโต้ตอบของทางลุงทรัมป์ต่อความเคลื่อนไหวของเกาหลีเหนือ อาจทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและทำการขายหุ้นออกมา ดังนั้นดูท่า ผมว่าการชะลอนี่แหละครับดีที่สุด
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทางญี่่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้าครับ แนะนำให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งอาจถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า โดยค่าเงินเยนมีปัจจัยสนับสนุนให้แข็งค่าหลายปัจจัยด้วยกัน ตั้งแต่ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีอาจทำให้ความต้องการเงินเยนซึ่งมีสถานะเป็นสินทรัพย์เพิ่มขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณรีบขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง แบบนี้ก็ควรดูท่าทีในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช่นกันครับ
ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ถ้าอยากจะหวังในตอนนี้ ผมคิดว่าเอเชียนี่แหละครับคือคำตอบ แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นประเทศเกิดใหม่เอเชีย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหรือลดขนาดงบดุลเร็วกว่าที่ตลาดคาดในการประชุมรอบเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นเอเชีย ประกอบกับปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้น เช่น ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการจากประเทศพัฒนาแล้ว เป็นปัจจัยสนับสนุนโดยตรงต่อประเทศ เช่น เกาหลี จีน และไทย ผมมองว่าโดยมูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเอเชียที่ยังไม่สูงมาก ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนบางส่วนไม่ได้คาดการณ์แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัท ทำให้ตลาดมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก นอกจากนี้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนที่มีแนวโน้มดีขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียต่อไป เอาละครับ เงินกำลังจะหมุนมาในฝั่งนี้ เตรียมตัวกันให้ดีนะครับผม
ตลาดหุ้นอินเดีย ทางฝั่งอินเดียก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นเอเชียที่น่าสนใจครับ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นอินเดียครับ เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานเมื่อเทียบกับการคาดการณ์การเติบโตของรายได้บริษัท ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ทำให้ตลาดมีความน่าสนใจ สำหรับภาคเศรษฐกิจ ฤดูมรสุมที่คาดว่าปริมาณน้ำฝนจะอยู่ในระดับปกติ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ภาคการเกษตร และสนับสนุนการบริโภคในประเทศ นอกจากนี้ นโยบายปฏิรูปภาษีหรือ GST จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทางเศรษฐกิจจากต่างชาติ ซึ่งสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว โดยรวมแล้วดูว่าน่าจะเป็นทิศทางที่ดี แบบนี้ก็จัดต่อไปได้ครับผม
สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : ย้ายทุกอย่างมาเอเชียครับ ตลาดเกิดใหม่น่าสนใจมากมาย จัดไปให้ครบครับ เกาหลี จีน ไทย อินเดีย ส่วนประเทศพัฒนาทั้งหลาย รอก่อนนะคร้าบ
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้
ตราสารหนี้สหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หลังความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีปรับเพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วปรับตัวลง ทั้งนี้มีโอกาสที่ความผันผวนในตลาดหุ้นจะดำเนินต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้าเนื่องจากหมดช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทเอกชนครับ
ตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1-3 ปีไทยยังคงทยอยปรับตัวลดลง สู่ระดับต่ำสุดของปี โดยได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง
สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับตราสารหนี้ คือ เน้นกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนใน เงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงิน และให้ผลตอบแทนที่ดีแทนครับ
กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
ทองคำ ผมแนะนำซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้นขาลง เนื่องจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีนั้น ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยครับ ใครที่ทยอยสะสมมาคงได้เห็นว่าการมีทองคำนั้นดีแค่ไหนใช่ไหมครับ ฮ่าๆ
น้ำมัน แนะนำให้ชะลอการลงทุนในน้ำมันต่อไปครับ เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมาเร็ว สะท้อนว่าตลาดได้คาดการณ์ความต้องการของสหรัฐฯ ช่วง driving season ไว้มากแล้ว ต้องบอกเลยครับว่า น้ำมันนี่น่าสนใจเป็นช่วงๆ ถ้าใครชอบต้องดูสถานการณ์ดีๆ นะครับ
สรุปคำแนะนำการลงทุนในสัปดาห์นี้ : ขอแนะนำให้ทยอยสะสมทองคำ แต่ชะลอการลงทุนในน้ำมันครับผม
สรุปภาพรวมสัปดาห์นี้
ผมมองว่าสะสมได้แค่กลุ่มประเทศเกิดใหม่เอเชียเท่านั้นครับที่น่าสนใจ สำหรับใครที่ชอบตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนา การรอดูท่าทีน่าจะดีกว่าครับ
เพราะปัจจัยที่มีผลกระทบนั้นมันมากขึ้นจริงๆ ครับผม อ้อ แล้วก็อย่าลืมกระจายความเสี่ยงในตราสารหนี้ และทองคำด้วยนะครับ
ผ่านมาหลายทีแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ผมอยากแนะนำให้มีนอกจากการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน คือ การสะสมเงินสดไว้สำรองจำนวนหนึ่งด้วยนะครับ เผื่อว่าถ้าโอกาสเข้ามาเมื่อไร เราจะได้ไม่พลาดยังไงล่ะครับ
สุดท้ายนี้ ต้องขอลาไปก่อนครับ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับ อัศวินกองทุน และมุมมองการลงทุนที่จะทำให้เข้าใจการลงทุนได้ด้วยการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมครับ
หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 10 ส.ค. 2560 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง