สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สัปดาห์นี้เรายังอยู่กันที่หุ้นไทยเหมือนเดิม (อีกแล้ว) ด้วยการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจแข็งแกร่ง Fund Flow ที่ทยอยกลับเข้ามา เช่นเดียวกันกับสัปดาห์ก่อนครับ
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญที่น่าสนใจลงทุน พร้อมกับมุมมองแบบนี้ได้ทุกสัปดาห์ที่นี่ที่เดียวครับ กดติดตามกันด้วยนะครับผม
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอน
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 14-17 สิงหาคม 2561
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา มุมมองในการ “ซื้อหุ้นไทย” นั้นยังเหมือนเดิมครับ เนื่องจาก Valuation นั้นน่าสนใจในขณะนี้ เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่องอยู่ ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี รวมถึง Fund Flow ที่ไหลเข้ามาสะท้อนว่าหุ้นไทยแข็งแกร่งพอที่จะยืนเหนือ 1,700 จุดได้!!
ส่วนตลาดอื่นที่สะสมได้ในสัปดาห์นี้ คือ สหรัฐฯ ยุโรป จีน เกาหลีและอินเดีย เว้นแต่ญี่ปุ่นไว้สักที่ เนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นครับ
- เหตุผล : ไปต่อได้ด้วยเหตุผลเดิม (Fund Flow) เพิ่มเติมคือความแข็งแกร่ง
- Focus : ไทย ส่วนที่เหลือสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม
- ความน่าสนใจ : ตลาดแข็งแกร่งขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจ
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
- สถานการณ์ในตอนนี้ ผมมองว่าหุ้นไทยยังไปต่อได้ครับ ขอแค่เราวางแผนจัดการเงินในการซื้อได้อย่างเหมาะสม อนาคตที่สดใสคงรอเราอยู่แน่นอนครับ
- ส่วนตลาดอื่น แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นตลาดเกิดใหม่เอเชีย เพราะตอนนี้valuation ของตลาดมีความน่าสนใจขึ้นแต่ที่สำคัญ เรายังต้องจับตาดูความชัดเจนของนโยบายทางการค้าของ ประธานาธิบดีทรัมป์ต่อไป เพราะมีผลกระทบใหญ่ต่อทั่วโลกแน่นอนจ้า
Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ถ้าถามผมว่าทำไมสหรัฐฯ ถึงน่าสะสม คำตอบเดิมก็คงจะเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับประกอบกับนโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ
Insight ตลาดหุ้นยุโรป
ยังเน้นที่ หุ้นยุโรปขนาดเล็กเหมือนเดิมนะครับ เนื่องจากผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรป ซึ่งกลุ่มนี้ถือว่ามีความแข็งแกร่งในตัวเองสูงครับ ส่วนหุ้นใหญ่ยังมองว่ามีผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นโฟกัสหุ้นเล็กเป็นหลักครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักต่อไป
Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ตอนนี้ญี่ปุ่นน่าจะเป็นตลาดเดียวที่แนะนำให้ชะลอการลงทุนครับ จากสาเหตุมากมายที่เกิดขึ้นครับ ทั้งความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นและผลตอบแทนตราสารหนี้ระยาวเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากทาง BOJ ลดการเข้าซื้อ อาจมีความเสี่ยงที่สถาบันในประเทศจะกลับมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและทำให้ค่าเงินเยนแข็งค่าอีกด้วยครับ
สรุปตอนนี้ : เบรกไว้ก่อนนะครับ
Insight ตลาดหุ้นอินเดีย
หลังจากที่รัฐบาลประกาศลดอัตราการเก็บภาษี Goods and Services Tax สำหรับสินค้ากว่า 50 รายการ เพื่อเพิ่มคะแนนนิยมให้กับพรรครัฐบาลเพื่อการเลือกตั้งในปีหน้ามาสักระยะ ทำให้หุ้นอินเดียตอนนี้น่าสนใจอยู่ครับ เพราะที่ไหน มีภาษีลด ที่นั่นย่อมมีการบริโภคเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อตัวเลขที่ดีขึ้นผลประกอบการแน่นอนครับผม หวังว่านโยบายนี้จะทำให้อินเดียไปต่อได้ยาวๆนะครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมต่อไปครับ
Insight ตลาดหุ้นเกาหลี
จากดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อธุรกิจการส่งออกของเกาหลีให้ดีขึ้นบวกกับมูลค่าที่น่าสนใจ ทำให้ยังน่าสะสมต่อไปครับ ช่วงที่ผ่านมา ราคาของหุ้นเกาหลีลงมาเร็วทำให้ valuation กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหนึ่งด้วยครับ ดังนั้นเป็นจุดกลับตัวที่ดีสำหรับคนที่อยากสะสมครับผม
สรุปสั้นๆ : ค่อยๆสะสมไปครับ
Insight ตลาดหุ้นไทย
สำหรับหุ้นไทย ยังอยู่ปัจจัยเดิมนะครับว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้น จากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ ประกอบกับตัวเลขในไตรมาส 2 ที่น่าจะดี และเงินทุนจากต่างชาติที่กำลังกลับมา ทำให้หุ้นไทยตอนนี้น่าสนใจมากครับ
ถ้ามองอีกด้านหนึ่งในช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงปลายปี เป็นจังหวะเวลาที่คนสนใจจะวางแผนภาษี เริ่มซื้อเพื่อสิทธิ์ลดหย่อนต่างๆ ดังนั้นอาจจเป็นช่วงที่เงินไหลเข้าจาก LTF อีกทางหนึ่งครับ
สรุปสั้นๆ : ซื้อต่อจ้า
Insight ตลาดหุ้นจีน
ผมมองว่าตอนนี้มูลค่าของตลาดจีนทั้ง A-SHARE และ H-SHARE ก็ยังน่าสนใจครับ สำหรับคนที่มองภาพรวมระยะยาวก็สามารถสะสมได้ครับ แต่ต้องระวังเรื่องของการผันผวนที่เกิดขึ้นครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน
- ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ หุ้นยุโรป หุ้นจีน หุ้นเกาหลี หุ้นอินเดีย
- ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
- สินทรัพย์ทางเลือก : ชะลอการลงทุนในทองคำ แต่ทยอยสะสมน้ำมัน
เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นไทย 14%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 26%
- หุ้นไทย 32%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 18%
- ตราสารหนี้ไทย 19%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 42%
- หุ้นไทย 44%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
- ตราสารหนี้ไทย 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 2%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%
หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 9 สิงหาคม 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง
อ่านบทความ อัศวินกองทุน ย้อนหลัง 1 สัปดาห์ : https://aommoney.com/stories/อัศวินกองทุน/สรุปภาพรวมการลงทุน-ช่วงวันที่-23-27-กรกฎาคม-2561-weekly-outlook-กับอัศวินกองทุน/2079