สวัสดีครับผม!!! อัศวินกองทุน ยุค Digital กลับมาแล้วครับ
สัปดาห์นี้เรากลับมาโฟกัสที่ "หุ้นไทย" ความสดใสกำลังจะกลับมาใช่ไหม? แล้วตลาดไหนสะสมได้บ้าง? ยุโรปจะดีเหมือนบอลโลกหรือเปล่า? มาติดตามกันครับ
สัปดาห์นี้เราได้เห็นการตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ ตามนโยบาย American First ของ โดนัลด์ ทรัมป์เรียบร้อยแล้ว หลายคนคงมีคำถามว่าควรทำยังไงดี? ติดตามไ้ด้ในบทความนี้ได้เลยครับ!!
สรุปประเด็นทุกตลาดสำคัญทั้งหมด ครบถ้วนจัดเต็มแน่นอน
Focus ประเทศน่าลงทุนประจำสัปดาห์ที่ 16-20 กรกฎาคม 2561
ตลาดที่น่าจับตาสัปดาห์นี้ได้แก่ ไทย, สหรัฐฯ, หุ้นยุโรป, จีน และ อินเดีย ครับบบ แต่เน้นหนักว่า “ซื้อไทย” เพราะน่าสนใจกว่าที่อื่น จากการที่ปรับขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่วมกับความน่าสนใจที่นักลงทุนต่างชาติเทขายทั้งหมด ทำให้กลับมามีโอกาสอีกครั้งหนึ่งครับ
ก่อนที่จะเชื่อว่าผมพูดถูกต้องหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ผมเน้นไว้คือ ตอบคำถามให้ได้ว่าเราลงทุนในรูปแบบไหน ถ้าเป็นระยะยาวก็มองภาพให้ไกลครับว่าปัจจัยที่กระทบนี้เป็นระยะสั้น และมีผลต่อการลงทุนของเราหรือเปล่า และกระสุน (เงิน) ของเรานั้นมีจำกัดแค่ไหนในการลงทุน
การลงทุนก็เหมือนกับฟุตลอง เอ้ย ฟุตบอลนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรที่เราจะเชื่อได้ว่าถูกต้องทุกอย่าง แต่เราทำได้คือสู้ให้สุดใจในสนามของเราครับผม
- เหตุผล : Valuation ที่น่าสนใจกับปัจจัยภายในที่เจ๋งอยู่
- Focus : ไทย ส่วนที่เหลือสะสมไปเรื่อยๆ ครับผม
- ความน่าสนใจ : โอกาสในการทยอยสะสมหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ Valuation ดี
Scan การปรับตัวตลาดหุ้นทั่วโลก
- สัปดาห์นี้ยังแนะนำให้ชะลอการลงทุนในประเทศที่สหรัฐฯ มีการค้าขาดดุลด้วยสูง เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี แต่สำหรับจีนยังมีบางกลุ่มที่น่าสนใจอยู่ ส่วนตัวอื่นๆ ขอให้หยุดไปก่อนครับ
- แต่ตลาดที่น่าสนใจจริงๆ ตอนนี้คือ หุ้นไทย ครับเนื่องจากตลาดปรับตัวลงมามากจากการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ valuation ของตลาดปรับตัวลงมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง จึงคาดว่าผลประกอบการจะยังขยายตัวได้ดีอยู่ครับผม
Insight ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
สหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นจุดแข็งที่สุดตอนนี้ครับ เนื่องจากยังมีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง จากการบริโภคในประเทศและการลงทุนเอกชนอยู่ครับ
อย่างที่บอกไปครับว่า นโยบายการลดภาษีนั้น จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนต่อไปอีกด้วยครับ
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ
Insight ตลาดหุ้นยุโรป
แม้ว่ายุโรปจะเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีความเสี่ยงกับการขึ้นกำแพงภาษีสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ดี ผมยังยืนยันนั่งยันนอนยันเหมือนเดิมครับว่า เราสามารถทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กเนื่องจากรายได้บริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ นั่นแปลว่าหุ้นขนาดเล็กจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าหากสหรัฐฯ ขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากยุโรปอย่างที่ว่าจริงๆครับ
ต้องบอกเลยครับว่า งานนี้ยุโรปมาแรงจริง แรงขนาดไหนก็ชิงบอลโลกกันทั้งคู่นี่แหละครับ ฮ่าๆ ต้องติดตามกันครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็กเป็นหลักจ้าสะสมได้ครับ แต่ขอให้โฟกัสที่หุ้นเล็ก
Insight ตลาดหุ้นญี่ปุ่น
ในสัปดาห์นี้แนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นลงครับ เนื่องจากเข้าใกล้ช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ทางสหรัฐฯ จะมีการทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับการขึ้นกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นมียอดส่งออกเกินดุลไปสหรัฐฯ เป็นอันดับ 3 ทำให้มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ญี่ปุ่นจะโดนตั้งกำแพงภาษีค่อนข้างมาก ดังนั้นตอนนี้หยุดมาตั้งเกมรับกันก่อนดีกว่าครับ คอยเวลาสวนกลับตอนเหมาะๆ น่าจะดีที่สุดครับผม
สรุปตอนนี้ : พักเบรกกันต่อไปนะครับกับญี่ปุ่น
Insight ตลาดหุ้นอินเดีย
ยังนิ่งๆ เหมือนเดิมครับสำหรับหุ้นอินเดีย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยอะไรมากระทบครับผม หลังจากช่วงที่ผ่านมา ราคาได้มีการปรับฐานจากความกังวลต่อนโยบายการจัดเก็บภาษีจากกำไรการขายหุ้นแล้ว และทางอินเดียเองดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบน้อยจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯครับ ส่วนสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยครับ
เนื่องจากนักวิเคราะห์ได้มีการปรับประมาณการรายได้ของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยให้สะสมต่อไปได้เรื่อยๆ อีกทางหนึ่งครับผม สำหรับหุ้นอินเดียกลุ่มนี้
สรุปสั้นๆ : ทยอยสะสมต่อครับ
Insight ตลาดหุ้นเกาหลี
สัปดาห์นี้ยังห้ามสะสมเกาหลีอยู่เหมือนเดิมนะครับ เพราะกระทบจากการตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ
หลังจากที่มีการตั้งกำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจส่งผลให้การค้าโลกชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีพึ่งพาการส่งออกสินค้า ทำให้เกาหลีมีความเสี่ยงที่จะโดนผลกระทบจากสงครามทางการค้าอยู่เหมือนเดิมครับ
สรุปสั้นๆ : รอก่อนจ้า หยุด (ต่อ) ไปสักพัก
Insight ตลาดหุ้นไทย
ในที่สุด สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้นไทยก็เริ่มจะกลับมาบวกอีกครั้งครับผม อย่างที่บอกไปว่าเศรษฐกิจในประเทศมีสัญญาณดีขึ้นจากทั้งการบริโภคครัวเรือน และการลงทุนเอกชน จะช่วยให้รายได้บริษัทจดทะเบียนในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ดีขึ้นครับ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้เริ่มส่งผลสะท้อนกลับมาอีกทีแล้วครับผม ดังนั้นซื้อสะสมคือทางเลือกที่น่าสนใจครับ
ถ้าเราเข้าใจว่า “วิกฤตคือโอกาส” และปล่อยให้การทยอยสะสมทำงานตามหน้าที่ของมัน ร่วมกับวัตถุประสงค์การลงทุนที่ชัดเจนว่าเป็นระยะยาว ผมว่าตอนนี้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจครับ
สรุปสั้นๆ : ซื้อได้แล้วจ้า
Insight ตลาดหุ้นจีน
สะสม H-SHARE ได้เหมือนเดิมครับ ส่วน A-SHARE นั้นน่าสนใจในกลุ่มที่เป็นการบริโภคในประเทศจีน การเติบโตใหม่ๆของเทคโนโลยี (New economy) เพราะกลุ่มนี้ผลประกอบการมีแนวโน้มขยายตัวสูง ตามรายได้เฉลี่ยของผู้บริโภคจีนที่เพิ่มขึ้นครับ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่กำแพงภาษีไม่สามารถทำอะไรได้ครับ
สรุปสั้นๆ : สะสมต่อได้ครับ
แนะนำการลงทุนประจำสัปดาห์ จากอัศวินกองทุน
- ตลาดตราสารทุน : ซื้อหุ้นไทย สะสมหุ้นสหรัฐฯ, ยุโรป, จีน, อินเดีย
- ตลาดตราสารหนี้ : แนะนำลงทุนตราสารหนี้ High Yield สหรัฐฯ ส่วนตราสารหนี้ไทยแนะนำให้ซื้อตราสารหนี้ไทยช่วงอายุ 1-3 ปี
- สินทรัพย์ทางเลือก : ทยอยสะสมทั้งทองคำ และน้ำมัน
เรามาดูสัดส่วนการลงทุนที่แนะนำประจำสัปดาห์กันบ้างครับ
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงต่ำ
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นไทย 12%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 44%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นไทย 14%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 42%
- ตราสารหนี้ไทย 44%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงกลาง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 30%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 20%
- ตราสารหนี้ไทย 20%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 6%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 24%
- หุ้นไทย 32%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 16%
- ตราสารหนี้ไทย 22%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 3%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 3%
สัดส่วนการลงทุนประจำสัปดาห์ : ระดับความเสี่ยงสูง
พอร์ตการลงทุนระยะยาว
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 42%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 5%
- ตราสารหนี้ไทย 5%
- สินค้าโภคภัณฑ์ 8%
พอร์ตการลงทุนระยะสั้น
- หุ้นต่างประเทศ 40%
- หุ้นไทย 44%
- ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4%
- ตราสารหนี้ไทย 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : ทองคำ 4%
- สินค้าโภคภัณฑ์ : น้ำมัน 4%
หมายเหตุ : “ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน” ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2561
ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำโดย นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดสรรสินทรัพย์และกองทุนต่างประเทศ เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป โดยข้อคิดเห็นและบทความในเอกสารฉบับนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ผู้ใช้ข้อมูลนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง
อ่านบทความ อัศวินกองทุน ย้อนหลัง 1 สัปดาห์ : https://aommoney.com/stories/อัศวินกองทุน/สรุปภาพรวมการลงทุน-ช่วงวันที่-9-13-กรกฎาคม-2561-weekly-outlook-กับอัศวินกองทุน/2025