สวัสดีครับ เจอกันทุกสัปดาห์กับ Weekly Outlook สรุปและอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์ กับผม อัศวินกองทุน คนนี้คนเดิมเหมือนอย่างเช่นเคยครับผม
สำหรับสถานการณ์ในอาทิตย์นี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวดีๆ ใช่ไหมครับ เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลชั่วคราวจากเหตุการณ์ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือครับ เลยทำให้มีการทยอยขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
เอาล่ะครับ ทีนี้เรามาดูภาพรวมของตลาดกันต่อเลยดีกว่าครับผม
ภาพรวมของตลาด
ทางฝั่งของกลุ่มที่กังวลมากอย่างตลาดหุ้นเกาหลีและญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเริ่มผ่อนคลาย หรือชาชินก็ไม่รู้ครับ จึงทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยเข้าซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นหลังจากตลาดหุ้นปรับลดมามากในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนพี่ใหญ่อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีการปรับตัวดีขึ้นหลังจากความสูญเสียจากพายุเฮอริเคนฮาร์วี่ย์และเออร์มา สร้างความเสียหายน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้มาก รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อที่มีการประกาศออกมาดีกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มากขึ้นนั่นเองครับ
กลับมาที่ฝั่งเอเชียอย่างตลาดหุ้นจีน ทางฝั่งนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากครับ หลังจากตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุน ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ในเดือนสิงหาคม
ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำถูกทยอยขายออกมาอย่างที่ว่าไว้ แต่ราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นแตะราคาสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 49.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากมีความต้องการน้ำมันจากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง หลังจากพายุฮาร์วี่ย์สงบลงครับผม
จบกันไปแล้วกับภาพรวมของตลาด
เรามาต่อกันที่กลยุทธ์ในการลงทุนกันเลยดีกว่าครับ
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผมแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นญี่ปุ่นครับ ถึงแม้ว่าตลาดถูกกดดันต่อเนื่องจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี แต่ในขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ปรับการคาดการณ์รายได้บริษัทขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าพื้นฐานของตลาดน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แนวโน้มแบบนี้ยังถือว่าเป็นโอกาสครับผม
- ตลาดหุ้นเกาหลี ผมยังคงแนะนำให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีอยู่ครับ เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองที่อาจเพิ่มขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือไม่มีท่าทีผ่อนปรน แม้ต่างชาติรวมถึงจีนจะออกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้า นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียน ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสสองไปหมดแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุนต่อ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องชะลอการลงทุนครับผม
- ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ยังไปต่อครับ แนะนำเลยว่าให้สะสมหุ้นตลาดเกิดใหม่ เช่น ไทย จีน ที่ได้ประโยชน์จากการค้าโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัว นอกจากนั้นยังรวมถึงหุ้นอินเดียที่คาดว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายในระดับปกติที่ร้อยละ 6-7 ในอนาคตอันใกล้นี้ (V-shape recovery) หลังจากที่ธุรกิจเริ่มปรับตัวกับภาษีระบบใหม่ได้ครับ นอกจากนี้ มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเกิดใหม่โดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้มีโอกาสที่มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเกิดใหม่จะปรับขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่านั่นเองครับ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯต่อไปครับ จากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มเร่งตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นปัจจัยสนับสนุนการบริโภคและรายได้บริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่สภาคองเกรสจะเพิ่มวงเงินใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการซ่อมแซมความเสียหายที่รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มก่อสร้าง และผู้ผลิตวัสดุต่างๆ ครับ แบบนี้ยังแนะนำให้สะสมต่อไปครับ
- ตลาดหุ้นยุโรป แนะนำให้สะสมหุ้นยุโรปต่อครับ หลังจากธนาคารกลางยุโรปยังคงมาตรการผ่อนคลายต่อไปและยังไม่ส่งสัญญาณถึงการลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ ประกอบกับเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้บริษัทจดทะเบียนครับ และถ้าเป็นไปได้ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กเนื่องจากรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่าครับผม เอาล่ะครับ ลุยกันต่อไปเลยจ้า
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุนสัปดาห์นี้ : ตลาดเกิดใหม่ยังสามารถสะสมได้ต่อครับ ได้ทั้งไทย จีน อินเดีย และทางฝั่งประเทศพัฒนาให้สะสมสหรัฐกับยุโรปต่อไปครับ ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาในอาทิตย์นี้คือ ญี่ปุ่นครับ แต่สำหรับเกาหลีขอให้ห่างออกไปเลยครับผม
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้
- ตราสารหนี้สหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนักลงทุนคลายความกังวลต่อความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค. ออกมาสูงกว่าคาด ดังนั้นผมแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจากความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจมีการประกาศลดการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์หน้า
- ตราสารหนี้ไทย อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยระยะยาวปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ผลตอบแทนระยะสั้นปรับตัวลงจากการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้อัตราผลตอบแทนลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัปดาห์นี้ : : สำหรับตอนนี้ ผมอยากให้ระมัดระวังการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวทั้งตราสารหนี้ไทยและตราสารหนี้ต่างประเทศทั้งหมดครับ เน้นกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนใน เงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงิน และให้ผลตอบแทนที่ดีแทนครับ
กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
- ทองคำ ตอนนี้ผมแนะนำให้ชะลอการลงทุนในทองคำ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจแข็งค่าขึ้นจากปัจจัยสนับสนุน เช่น ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ สะท้อนแนวโน้มการเร่งตัวที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ การประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำอีกต่อหนึ่งครับ ดังนั้นอยู่เฉยๆในสัปดาห์นี้น่าจะดีกว่าครับ
- น้ำมัน ผมแนะนำซื้อสะสมน้ำมันต่อไป หลังจากราคาปรับตัวลงจากจุดสูงสุดในเดือนสิ่งหาคม กว่า 5% สะท้อนข่าวพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์บริเวณชายฝั่งรัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้โรงกลั่นขนาดใหญ่ต้องปิดลง กระทบต่อความต้องการน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงกลั่นจะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้อย่างรวดเร็วหลังจากพายุสงบครับ
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกสัปดาห์นี้ : สัปดาห์นี้ยังต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเหมือนเคยครับ ทยอยสะสมน้ำมัน และชะลอการลงทุนในทองคำเหมือนเช่นเคยครับ
ภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้
โดยรวมแล้วแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นแค่ไหนก็ตาม แต่โอกาสยังเป็นของตลาดเกิดใหม่เหมือนเช่นเคยครับ แต่สำหรับตลาดพัฒนาก็ยังไปได้ตอทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป แถมยังเพิ่มญี่ปุ่นเข้ามาด้วยครับ เหลือติดอยู่ที่เกาหลีกับญี่ปุ่นเท่านั้นที่ต้องระวังครับผม ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกก็ยังคงเกาะไปในทิศทางเดิมครับ นั่นคือ น้ำมันยังสะสมได้ต่อ ส่วนทองคำยังคงชะลอต่อไปครับ
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมปรับพอร์ทให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่ต้องการ และตั้งใจลงทุนตามแผนการที่วางไว้นะครับสำหรับสัปดาห์นี้ขอลาไปก่อนครับ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้ากับผม อัศวินกองทุน คนนี้เหมือนเช่นเคยคร้าบบ
“ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน”
หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 14 ก.ย. 2560 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง