กลับมาเจอกันอีกครั้งกับ 'Weekly Outlook สรุปและอัพเดทกลยุทธ์การลงทุนประจำสัปดาห์' กับผม อัศวินกองทุน สำหรับช่วงสุดท้ายปลายเดือนกันยายนกันอีกครั้งครับ
เวลาผ่านไปไว การลงทุนก็เช่นกัน จะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปีมามีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่างเกิดขึ้น ผันผวนกันไปเท่าไร แต่สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงหลัง ผมมองว่ามันยังมีเรื่องราวดีๆ ที่กำลังจะกลับมาครับ และถ้าหากเรามีกลยุทธ์ที่ดี ประกอบกับการจัดพอร์ทที่เหมาะสม รับรองเลยว่าการลงทุนของเรานั้นจะสำเร็จอย่างแน่นอนครับ
เอาล่ะ ไม่อยากจะพูดพร่ำอะไรมาก เรามาเริ่มต้นที่ภาพรวมของตลาดกันเลยดีกว่าครับ
ภาพรวมของตลาด
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อครับ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชียที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการลดความตึงเครียดจากสถานการณ์ทางการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีลง อานิสงส์ทั้งหลายกำลังมาหรือเปล่า ติดตามกันครับ
ส่วนทางฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าครับ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเปิดเผยการลดงบดุล ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารสูงขึ้น รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนส.ค. สูงขึ้นจาก 0.1% ในเดือน ก.ค.เป็น 0.4% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงสุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีอะไรดีๆ กลับมาเหมือนกันครับ
ย้อนมาดูทางตลาดหุ้นยุโรปกันบ้างครับ นี่ก็มีการปรับตัวสูงขึ้น หลังจาก Fed ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมันสูงขึ้นจากระดับ 10.0 จุดในเดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 17.0 จุด ในเดือน ก.ย. ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นเช่นกันครับ แหม ยุโรปก็ไม่น้อยหน้าครับผม
มาหยุดท้ายสุดที่ตลาดหุ้นไทยกันบ้างครับ อันนี้ต้องบอกเลยว่า ปรับตัวสูงงงงงงงง ขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัวและการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวกลับมาครับ
ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกอย่างราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นครับ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่าปริมาณคงค้างของน้ำมันเบนซินเหลือน้อยที่สุดในรอบ 22 เดือน และนักลงทุนคาดหวังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอกโอเปกจะตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงเพื่อแก้ไขภาวะน้ำมันล้นตลาดได้สำเร็จ
เอาล่ะครับ ขึ้นกันทั่วหน้าแบบนี้ เรามาดูที่กลยุทธ์ในการลงทุนกันบ้างดีกว่าครับ
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน
- ตลาดหุ้นญี่ปุ่น สำหรับฝั่งญี่ปุ่น ผมแนะนำให้สะสมหุ้นญี่ปุ่นต่อครับ หลังจากที่เริ่มน่าสนใจตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากมูลค่าพื้นฐานของตลาดน่าสนใจมากขึ้นครับ หลังจากตลาดถูกกดดันต่อเนื่องจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ในขณะที่นักวิเคราะห์ได้ปรับการคาดการณ์รายได้บริษัทขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ เช่น ยอดค้าปลีก และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น แบบนี้คงถึงเวลาที่จะกลับมาอีกครั้งแล้วล่ะครับ
- ตลาดหุ้นเกาหลี ยังคงแนะนำและยืนยันให้ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีอยู่นะครับ ซึ่งมีสาเหตุจากความตึงเครียดทางการเมืองที่อาจเพิ่มขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือไม่มีท่าทีผ่อนปรน แม้ต่างชาติรวมถึงจีนจะออกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้า และคาดว่าการทดลองอาวุธจากเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นต่อไป เนื่องจากเกาหลีเหนือมีความจำเป็นที่ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นข้อต่อรองทางการค้าครับ การหยุดดูสถานการณ์แบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การลงทุนที่ต้องพิจารณาครับผม
- ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ยังไปต่อครับสำหรับตลาดนี้ ผมแนะนำให้สะสมหุ้นตลาดเกิดใหม่ เช่น ไทย จีน ที่ได้ประโยชน์จากการค้าโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัว รวมถึงหุ้นอินเดียที่ได้รับปัจจัยบวกหลังจากรัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเกิดใหม่โดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้มีโอกาสที่มูลค่าพื้นฐานของตลาดหุ้นเกิดใหม่จะปรับขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนครับ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะนำให้สะสมหุ้นสหรัฐฯ ขนาดเล็กเพิ่มเติมครับ เพราะบนความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงการประชุมสภาคองเกรส นอกจากนี้ ภาวะทางการเงินในประเทศสหรัฐฯ ที่ค่อนข้างผ่อนคลายและเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการของบริษัทขนาดเล็กที่มีสัดส่วนหนี้ต่อทุนในระดับสูง จึงคาดว่าหุ้นขนาดเล็กซึ่งผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปียังน้อยกว่าหุ้นขนาดใหญ่ มีโอกาสเร่งตัวตามขึ้นมาครับ ดังนั้นถ้ามีโอกาสจัดไปเลยครับผม
- ตลาดหุ้นยุโรป ฝั่งยุโรปก็เช่นกันครับ ผมแนะนำให้สะสมหุ้นยุโรปหลังจากธนาคารกลางยุโรปยังคงมาตรการผ่อนคลายต่อไปและยังไม่ส่งสัญญาณถึงการลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ ประกอบกับเศรษฐกิจมีการฟื้นตัวต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้บริษัทจดทะเบียน และในมุมมองเดียวกันครับ ผมแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นยุโรปขนาดเล็กเนื่องจากรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากค่าเงินยูโรที่แข็งค่ามากกว่าครับผม
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุนสัปดาห์นี้ : ยังคล้ายๆ เดิมครับ ตลาดเกิดใหม่ยังสามารถสะสมได้ต่อครับ ได้ทั้งไทย จีน และทางฝั่งประเทศพัฒนาให้สะสมสหรัฐกับยุโรปต่อไป (แต่เน้นหุ้นเล็กนะครับ) ส่วนญี่ปุ่นภาพรวมผมว่ายังไปได้ครับ จัดต่อได้เลยครับผม
กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้
- ตราสารหนี้สหรัฐฯ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศเริ่มลดขนาดงบดุล (Balance sheet) และยังย้ำว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดประเมินการขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าฝั่งตราสารหนี้ระยะยาวอาจมีความผันผวนในระยะสั้นอยู่ครับ ยังคงต้องจับตาดูกันต่อไปครับผม
- ตราสารหนี้ไทย สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 1-3 ปี มีการปรับตัวลดลงครับ จากความคาดหวังธนาคารแห่งประเทศไทยอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอลง และ ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยลบต่อแนวโน้มตราสารหนี้ไทยเนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออาจฟื้นตัวเร็วกว่าการคาดการณ์ของตลาด จึงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่า 1 ปีครับ
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัปดาห์นี้ : สำหรับตอนนี้ ผมอยากให้ระมัดระวังการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นทั้งไทยและต่างประเทศสักหน่อยครับ ถ้าจะให้ดีผมว่าการกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนใน เงินฝาก ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ ตราสารหนี้ภาคเอกชน ภาครัฐ สถาบันการเงิน ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในช่วงนี้ครับ
กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
- ทองคำ ผมแนะนำชะลอการลงทุนในทองคำไปสักระยะครับ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจแข็งค่าขึ้นจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นและจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังมีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังย้ำถึงการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในช่วงปลายปี ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้ความจูงใจของการลงทุนในทองคำลดลงไป ดังนั้นอยู่ห่างอย่างๆห่วงๆครับผม
- น้ำมัน แนะนำให้ซื้อสะสมน้ำมันเนื่องจากจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 และการลดกำลังการผลิตที่สูงกว่าข้อตกลงถึงร้อยละ 20 สำหรับประเทศในกลุ่มโอเปค ซึ่งความร่วมมือที่ดีดังกล่าวจะเพิ่มโอกาสให้เกิดการร่วมมือในการประชุมรอบต่อไป นอกจากนี้ ความต้องการน้ำมันดิบจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากเฮอร์ริเคนฮาร์วี่สงบลง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันทั้งหมดครับ
คำแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกสัปดาห์นี้ : สัปดาห์นี้ยังต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วเหมือนเคยครับ ทยอยสะสมน้ำมัน และชะลอการลงทุนในทองคำเหมือนเช่นเคยครับ
ภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้
หลายสัปดาห์แล้วครับ ที่โอกาสยังเป็นของตลาดเกิดใหม่อยู่ ซึ่งเราก็ต้องดูแนวโน้มกันต่อไปครับ แต่สำหรับตลาดพัฒนาผมมองว่ายังไปได้ต่อทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป (เน้นหุ้นเล็ก) ส่วนญี่ปุ่นนั้นก็ยังสะสมได้เช่นกันครับ ส่วนสินทรัพย์ทางเลือกนั้น ยังเน้นว่าน้ำมันยังสะสมได้ต่อ ส่วนทองคำยังคงชะลอต่อไปครับ
นี่ก็เข้าช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีกันแล้วครับ เป็นยังไงกันบ้างครับกับทิศทางการลงทุนของผม อัศวินกองทุน
ซึ่งผมหวังว่าทุกคนที่ได้อ่านและติดตามบทความมาตั้งแต่แรก จะได้ทิศทางการลงทุนที่เหมาะสม และได้ผลกำไรจากการลงทุนกันทั่วหน้านะครับ
อย่าลืมติดตามกันต่อในสัปดาห์หน้าและต่อๆ ไปนะครับ สำหรับสัปดาห์นี้ขอลากันไปก่อน สวัสดีคร้าบ
หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 21 กันยายน 2560 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง