สวัสดีปีใหม่ ต้อนรับปี 2018 ครับ กลับมาพบกันอีกทีกับผม "อัศวินกองทุน" กันอีกแล้วครับผม ยังไงผมขอให้ทุกคนมีความสุขกับการลงทุนในตลอดปีนี้กันนะครับ

หลายคนคงสงสัยว่า ปีที่แล้วผมเพิ่งบอกไปว่าบทความแบบนี้จะเป็นบทความสุดท้าย และในปี 2561 จะมีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ แต่ทำไมถึงโผล่มาอีกเล่า (เอ๊ะยังไง) ขออธิบายว่าเนื่องจากเรากำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อยู่ครับ แต่ไม่อยากให้หลายๆ คนพลาดโอกาสการลงทุน ดังนั้นระหว่างการเปลี่ยนผ่านช่วงนี้ ผมยังรับหน้าที่ดูแลเหมือนอย่างเช่นเคยครับ เพื่อให้ทุกคนได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และความรู้ที่ดีเพื่อที่จะได้เลือกลงทุนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีครับ

เอาล่ะครับ เรามาเริ่มต้นกันที่ภาพรวมของตลาดกันเลยดีกว่าครับ


ภาพรวมของตลาด

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นตัวนำตลาด และจากนโยบายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ ได้รับการอนุมัติแล้ว ทำให้นักลงทุนเพิ่มความเชื่อมั่นกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทรัมป์ยิ่งขึ้นครับ ซึ่งเหตุผลทั้งหมดนี้คือแนวโน้มที่ดีที่จะลงทุนในหุ้นบางกลุ่มของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นครับ

ส่วนปู่ SET บ้านเรานั้นเหมือนถูกอัดฉีดด้วยพลังเทอร์โบครับผม ตลาดหุ้นไทยได้ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีหุ้นกลุ่มพลังงานที่เป็นตัวนำตลาด ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ก็ทำให้หลายคนเฮกันยกใหญ่เลยล่ะครับ

ฝั่งแดนมังกรอย่างตลาดหุ้นจีนก็มีการปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกันครับ หลังจากรัฐบาลจีนปลดล็อคหุ้นที่ถูกห้ามซื้อขายในตลาดของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้ตลาดหุ้นจีนจะมีปริมาณหุ้นในการซื้อขายเพิ่มมากขึ้น และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดไว้ ทำให้งานนี้วิ่งขึ้นไปแบบฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียวครับ

สุดท้ายสินทรัพย์ทางเลือกอย่างราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า และปัญหาการเมืองในอิหร่านที่เริ่มรุนแรงขึ้น ทำให้นักลงทุนเริ่มทยอยสะสมทองคำเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่วน

ราคาน้ำมันเองก็ยังปรับขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน หลังปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปัญหาการเมืองในอิหร่านทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของอุปทานที่อาจจะหายไปอีกด้วยครับ

สรุปภาพรวมการลงทุน ช่วงวันที่ 8-12 มกราคม 2561 [WEEKLY OUTLOOK กับอัศวินกองทุน]

โดยรวมสดใสหลายอย่าง แต่ทีนี้ผมจะให้ดูสถานการณ์การลงทุนในช่วงนี้กันบ้างครับว่าเราควรจะปรับกลยุทธ์ในการลงทุนแบบไหน


กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน


  • ตลาดหุ้นไทย จากความร้อนแรงในช่วงนี้ และเศรษฐกิจที่มีสัญญาณดีขึ้นในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัว ในขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าเม็ดเงินในปี 61 จะสูงขึ้น รวมทั้งโครงการ EEC จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและการลงทุนระยะถัดไป นอกจากนี้ การเลือกตั้งยังเป็นปัจจัยบวกที่ยังคงรออยู่ของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยไว้ค่อนข้างน้อยในปีที่ผ่านมา ดังนั้นยังสามารถทยอยสะสมต่อไปได้ครับ 
  • ตลาดหุ้นเกิดใหม่ เนื่องจากตลาดหุ้นเกิดใหม่เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีขึ้น และเป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออก นอกจากนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังเป็นใจ ช่วยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหุ้นในตลาดเกิดใหม่ แถมอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังไม่มีสัญญาณเร่งตัว ทำให้ FED ไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ECB และ BOJ ยังจำเป็นต้องคงมาตรการ QE ต่อไป ทำให้ความเสี่ยงเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ยังไม่สูงนัก ดังนั้นทยอยสะสมได้เช่นเดียวกันครับ
  • หุ้นโกลบอลเทคโนโลยี กลุ่มนี้เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจครับ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปฏิรูปนโยบายภาษีสหรัฐฯ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง จากแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงรสนิยมของผู้บริโภคที่ใช้อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นแนะนำให้สะสมต่อไปครับ มีติดพอร์ทการลงทุนไว้น่าจะช่วยให้พอร์ทเราเติบโตได้ดียิ่งขึ้นครับ


สรุปคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : แนะนำให้สะสมเพิ่มอยู่ 3 กลุ่ม คือ ตลาดหุ้นไทย (ที่น่าจะไปต่อ) ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (ที่ยังมีโอกาสสดใส) และหุ้นโกลบอลเทคโนโลยี (ที่มีโอกาสเติบโตไวในช่วงนี้) นั่นเองครับ


กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้

  • ตราสารหนี้สหรัฐฯ ตอนนี้ผมแนะนำให้เลี่ยงลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยพิจารณาลงทุนในหุ้นกู้ high yield ที่ส่วนต่างดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง และอายุการลงทุนไม่ยาวมากนักจะดีกว่าครับ
  • ตราสารหนี้ไทย ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง หลังค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า หนุนเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทย ขณะที่ในครึ่งแรกของปีคาดว่าความผันผวนของตราสารหนี้จะไม่สูงมาก และ กนง. มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50%

สรุปคำแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้สัปดาห์นี้ : ตอนนี้แนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทยระยะกลาง และตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่มี high yield และ short duration เป็นหลักครับ

กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

  • ทองคำ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีสัญญาณเร่งตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังไม่ปรับตัวขึ้นรวดเร็ว ลดแรงกดดันต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ เกาหลีเหนือและการประท้วงในอิหร่าน จะทำให้ความต้องการถือทองคำเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรสะสมทองคำต่อไปครับ
  • น้ำมัน เนื่องจากความต้องการน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับกำลังการผลิตและปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ความตึงเครียดทางการเมืองในอิหร่าน จะช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสที่จะสะสมเพิ่มในตอนนี้เช่นกันครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกในสัปดาห์นี้ : แนะนำให้ยังสะสมต่อไปครับสำหรับทองคำและน้ำมัน


ภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้

จากสถานการณ์โดยรวมในช่วงต้นปีนี้ ผมคิดว่ากลยุทธ์ยังต่อเนื่องจากปีเก่า นั่นคือ

โอกาสจะอยู่ที่ตลาดเกิดใหม่ หรือตลาดหุ้นไทยมากขึ้น แถมมุมมองภาพใหญ่อย่างสหรัฐฯ นั้นดูเหมือนว่าจะมีโอกาสไปต่อได้อีกด้วย

ส่วนตราสารหนี้หรือสินทรัพย์ทางเลือกนั้นยังคงมีโอกาสอยู่เหมือนเดิมครับ

หวังว่าคำแนะนำแรกของปีนี้กับบทความของอัศวิินกองทุน จะช่วยให้เห็นภาพอะไรๆ มากขึ้นนะครับ อย่าลืมนำไปปรับใช้พิจารณาในการจัดพอร์ทของตัวเองอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับผม

สำหรับสัปดาห์นี้ต้องลากันไปก่อน สวัสดีครับ


หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่  4 มกราคม 2561 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ  จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง  ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง