ตอนนี้กระแสการลงทุนกำลังเป็นที่นิยมของวัยทำงาน หรือแม้แต่ในวัยเกษียณ นอกจากการฝากเงินแบบประจำแล้ว การลงทุนใน LTF และ RMF เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่เรามักจะถูกเชิญชวนจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร บางท่านอาจจะยังสับสนและไม่เข้าใจว่าทั้งสองกองทุนรวมนี้ต่างกันยังไง และตัวเราเหมาะกับกองทุนไหน วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ ที่จะพานักลงทุนหน้าใหม่ไปรู้จักกับ LTF และ RMF ให้มากยิ่งขึ้น

 LTF (Long Term Equity Fund) คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมที่เน้นในการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก โดยจะนำเงินของเราที่ลงทุนไม่น้อยกว่า 65% ไปลงทุนในหุ้น ทำให้การลงทุนในกองทุนนี้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า ถ้าหุ้นตก หน่วยลงทุนก็ตกไปด้วย

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี หรือผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่ไม่มีความชำนาญ หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญสามารถยอมรับความเสี่ยงได้

ส่วน RMF (Retirement Mutual Fund) คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนรวมที่สนับสนุนให้ประชาชนออมเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ คล้ายกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของภาคเอกชน และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) โดยจะนำเงินที่ได้จากการซื้อกองทุนนี้ไปลงทุนหลายทาง เช่น ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล หุ้น ทองคำ จะมีความเสี่ยงตั้งแต่ต่ำไปจนถึงสูงตามนโยบายแต่ละกองทุน

เหมาะสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งไม่มีสวัสดิการออมเงิน ,ลูกจ้างที่นายจ้างยังไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้ ,ลูกจ้างหรือข้าราชการที่มีสวัสดิการออมเงินเพื่อวัยเกษียณอยู่แล้ว แต่ต้องการจะออมเพิ่มเติม หรือต้องการนำมาลดหย่อนภาษีเพิ่ม

 

LTF-RMF

 

ก่อนลงทุนใน LTF หรือ RMF ต้องดูอะไรบ้าง

อันดับแรกต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะลงทุนหรือไม่ นั่นคือ มีเงินเพียงพอหรือไม่ เพราะอย่างที่บอกว่าเมื่อลงทุนไปแล้วจะต้องอยู่ด้วยกันนานหลายปี ที่สำคัญต้องทำตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด เพราะบางกองทุนถ้าทำผิดเงื่อนไข ก็เท่ากับว่าเราลงทุนไปแล้วเสียเปล่า โดยไม่ได้ผลตอบแทนอะไรคืนมาเลย หรือเงินต้นอาจได้คืนมาไม่ครบจำนวนอีกด้วย

เมื่อตัดสินใจและได้คำตอบแล้วว่าจะลงทุนที่กองทุนใด ถัดมาก็ต้องถามตัวเองว่าชอบลงทุนแบบไหน ชอบเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ยิ่งถ้าเสี่ยงมากผลตอบแทนที่จะได้ก็จะสูงขึ้น เช่น บางคนไม่ชอบความเสี่ยงสูงๆ ก็ต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนกองทุนรวม LTF เพราะมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นทั้งหมด หรือบางคนมีสไตล์การลงทุนในตลาดหุ้นแบบสั้นๆ (ชอบเทรดดิ้ง) กองทุนรวม LTF ก็อาจไม่สอดคล้องกับสไตล์การลงทุนมากนัก

เช่นเดียวกันกับ RMF ที่มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย ดังนั้น ต้องเลือกลงทุนให้ดีๆ อย่างเช่น บางคนรับความเสี่ยงได้ต่ำๆ ก็ต้องเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนตราสารหนี้ แต่ถ้าชอบความเสี่ยงสูงๆ ก็ต้องเลือกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนตลาดหุ้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ

ควรเลือกลงทุนกับมืออาชีพ เชื่อถือได้

เมื่อเลือกว่าจะลงทุนกองทุนรวม LTF หรือ RMF ไหนได้แล้ว ที่นี้ต้องเลือกดูข้อมูลว่าแต่ละกองทุนนั้นมีนโยบายการลงทุนเป็นอย่างไรบ้าง เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นหรือตราสารหนี้ ก็จะมีความแตกต่างในรายละเอียด และเพื่อความรวดเร็วในการคัดเลือก ก่อนอื่นต้องเลือกว่าต้องการลงทุนอะไร ด้วยการเลือกผ่านนโยบายการลงทุนหลักๆ

ประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ กองทุนที่เราจะลงทุนนั้นมีการบริหารจัดการอย่างไร บริษัทหลักทรัพย์ที่จัดการกองทุนรวมมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน ใครเป็นผู้จัดการกองทุนนั้น เพราะถ้าผู้จัดการกองทุนฝีมือดี มีประสิทธิภาพ ติดตามการลงทุนอยู่ตลอดเวลา ย่อมสร้างผลงานให้กับกองทุนรวมด้วยผลตอบแทนที่น่าประทับใจกว่าการลงทุนในกองทุนรวมที่มีผู้จัดการกองทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ

อันดับต่อมาเราต้องดูนโยบายและสไตล์การบริหารกองทุนรวม เพราะบางกองทุนอาจจะมีนโยบายบริหารที่เน้นการซื้อๆ ขายๆ หรือทำเทรดดิง โดยให้ดูอัตรา Turnover Ratio ถ้าอยู่ในระดับสูง แสดงว่ามีการซื้อขายบ่อย แต่ถ้าอยู่ในระดับต่ำแสดงว่านโยบายบริหารกองทุนไม่เน้นซื้อขายบ่อยๆ

ผลงานในอดีตก็สำคัญ ไม่ควรมองข้าม

ประเด็นสำคัญ ต้องอย่าลืมดูผลการดำเนินงานในอดีตว่าเป็นอย่างไร ผลตอบแทนที่ได้เท่าไหร่ ทำไมถึงให้ผลตอบแทนนั้นได้ และได้มากด้วยวิธีใด ถึงแม้ว่าในการลงทุนทุกครั้งจะมีข้อความที่บอกว่าผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่ตัวชี้วัดของการดำเนินงานในอนาคต แต่อย่างน้อยเราจะได้มีข้อมูลเบื้องต้นเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

หากผลงานในอดีตทำได้ดี ในอนาคตก็น่าจะทำได้ดี หรือในอดีตทำได้แย่ ผู้ลงทุนต้องคิดแล้วว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร โดยเราควรดูผลประกอบการการลงทุนย้อนหลังไปถึง 3-5 ปี หรือตั้งแต่กองทุนก่อตั้ง  (ไม่ควรดูผลประกอบการย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน) เพราะการลงทุนกองทุนรวม LTF หรือ RMF เป็นการลงทุนระยะยาว ดังนั้นก่อนลงทุนต้องดูความสม่ำเสมอของผลประกอบการ

นอกเหนือจากนี้ เราควรดูที่สไตล์การลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมแต่ละแห่ง จะช่วยให้ลดขั้นตอนการตัดสินใจเลือกกองทุนรวม LTF หรือ RMF ลงได้ โดยเฉพาะกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น เพราะบางแห่งจะมีความโดดเด่นในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้น บางแห่งมีความโดดเด่นในช่วงตลาดขาลง

 

เก็บน้อย ลงต่อเนื่อง เพื่อความมั่งคงในระยะยาว

ส่วนช่วงเวลาในการลงทุนที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็น LTF หรือ RMF ก็ตาม ควรทยอยลงทุนเฉลี่ย เท่าๆ กันทุกเดือน ซึ่งจะเสี่ยงน้อยกว่าเอาเงินก้อนโตลงทีเดียว เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ยังไม่กล้าลงทุนด้วยจำนวนเงินมากๆ หรือค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุน และวิธีง่ายๆ ที่สุดก็คือ ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหักเงินเดือนในแต่ละเดือนไปเลย และถึงแม้ว่าการทยอยการลงทุนจะไม่สามารถบอกได้ว่าได้ผลตอบแทนที่ดีทุกครั้ง แต่อย่างน้อยบอกได้ว่าต้นทุนการลงทุนต่ำกว่าต้นทุนตลาด นั่นหมายความว่าโอกาสขาดทุนก็ลดน้อยลงไป

 

ลงทุนอย่างมัä