“หุ้น” คือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง ดีกว่าสินทรัพย์ลงทุนอื่น

“หุ้น” เป็นสินทรัพย์ ที่เศรษฐีส่วนใหญ่มีในพอร์ตลงทุน

“หุ้น” ใช้เงินลงทุนน้อย และมีสภาพคล่องสูง

“หุ้น” จึงเป็นที่นิยมของคนที่คิดจะลงทุน

แต่ในความจริง คนที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น มีเพียง 20% ที่อยู่รอด ส่วนอีก 80% ขาดทุน และออกจากตลาดไป ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ขาดทุน ก็เพราะขาดความรู้ ความเข้าใจ และลงทุนด้วยความโลภ

มักจะเริ่มลงทุนง่ายๆ ด้วยการลอกหุ้นตามห้องไลน์ ตามเพจดัง หรือลงทุนตามเพื่อน เชื่อตามมาร์ซึ่งจริงๆแล้ว สิ่งแรกที่คุณต้องเริ่มลงทุน ก่อนจะลงทุนในหุ้น ก็คือการ “ลงทุนในตัวเอง”

ปัจจุบัน ความรู้ในการลงทุนหุ้นมีมากมาย ทั้งในอินเตอร์เน็ต ในโซเชียลมีเดีย  แต่การหาความรู้ผ่านช่องทางเหล่านี้ ความยากของมือใหม่ คือ การที่ต้องเสพให้เยอะ วิเคราะห์แยกแยะข้อมูล และความน่าเชื่อถือได้ แล้วนำมาปะติดปะต่อ เรียบเรียง เพื่อนำไปปรับใช้จริง

วันนี้เราจึงมีช่องทางหาความรู้ ที่น่าเชื่อถือ มาแนะนำมือใหม่ นั่นคือ

1. หนังสือ
ซึ่งเป็นช่องทางที่หาง่าย ราคาไม่สูง  โดยเรามีหนังสือหุ้นที่น่าอ่านสำหรับมือใหม่ 3 เล่มมาแนะนำ

“สร้างภูมิคุ้มกัน” ในตลาดหุ้นก่อนลงทุนจริง!!

1.1 ตีแตก โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์มานานมาก  แต่มีความคลาสสิค และเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มเข้าสู่ตลาดหุ้น โดยหนังสือ พูดถึงเรื่องการที่เราจะเข้าไปในตลาดหุ้นต้องศึกษาอะไร แล้วเวลาที่เกิดวิกฤติ จะเป็นโอกาสในการลงทุนอย่างไร ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าศึกษาอย่างมาก

1.2  เหนือกว่าวอลสตรีท โดย Peter Lynch & John Rothchild
หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นคัมภีร์ของนักลงทุนหุ้น มีฉบับแปลเป็นภาษาไทยด้วย โดยมีเนื้อหาให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดเกี่ยวกับการลงทุน วิธีการเลือกหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนได้ดี และการดูปัจจัยพื้นฐาน แม้ว่าจะอ่านยากสักหน่อย แต่เชื่อว่าได้อะไรมาไม่น้อยเลยล่ะ

1.3 100 คำตอบต้องรู้ดูหุ้นพื้นฐาน (Fundamental) โดยคุณนิ้วโป้ง นักลงทุนแนว VI
เล่มนี้มีเนื้อหาไม่ซับซ้อน อ่านง่าย  เป็นการรวบรวมคำถาม ที่นักลงทุนหุ้นส่วนใหญ่เจอ มาร้อยเรียงผ่านการตอบคำถามจากประสบการณ์และมุมมองของผู้เขียน

แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบอ่าน หรือมีข้อจำกัดทางด้านเวลา ไม่มีเวลามากนักในการค่อยๆศึกษา ค้นคว้าด้วยตนเอง  อีกหนึ่งช่องทางในการเรียนรู้ ก็คือ

2. หลักสูตรอบรม
ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเวลา ย่นระยะเวลาในการเรียนรู้ได้มาก
ที่สำคัญคือ เป็นความรู้ที่ถูกคัดกรอง ออกแบบ และจัดเรียงอย่างเป็นระบบมาให้แล้ว ซึ่งทำให้เราทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น 

แล้วเรายังสามารถซักถามพูดคุยกับผู้สอนได้ 
ได้แลกเปลี่ยนความรู้ กับคนที่มาอบรมด้วยกัน ทำให้เรามีเพื่อน มีสังคมคนที่ลงทุนเหมือนกัน 
ซึ่งกลุ่มก้อนแบบนี้ จะช่วยทำให้เราอยู่ในตลาดได้นานขึ้น ไม่ล้มเลิกไปกลางคัน 

โดยถ้าสนใจศึกษาด้วยวิธีการนี้ เราก็มีที่อบรมมาแนะนำมือใหม่ 2 ที่ แบ่งเป็นของภาครัฐ และ ภาคเอกชน คือ

2.1 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 
เป็นหน่วยงานหลักของภาครัฐ ที่มีหน้าที่ดูแลตลาดหุ้น และให้ความรู้แก่นักลงทุน 
ดังนั้นจึงมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก โดยมีความรู้ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูง 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.set.or.th/set/education/home.do?language=th&country=TH 
หรือ https://elearning.set.or.th/ 


2.2 สต็อคทูมอร์โรว์ (stock2morrow)

มาที่ฝั่งภาคเอกชน หลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของ stock2morrow 
เป็นสถาบันสอนการลงทุนชื่อแรกๆที่คนนึกถึง
เปิดมากว่า 14 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในสถาบันอบรมที่ยืนระยะมาเป็นเวลานาน
โดดเด่น และมีชื่อเสียง ด้วยการให้ความรู้การลงทุน จาก “นักลงทุนจริง”
จึงถ่ายทอดได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ ที่ผ่านสนามมาจริง
พร้อมมีระบบการสอนและดูแลผู้เรียนอย่างใกล้ชิด

ใครสนใจหลักสูตรต่าง ๆ ของทาง Stock2morrow สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.stock2morrow.com/course/


ดังนั้น สำหรับคนที่กำลังสับสน ไม่รู้จะเริ่มยังไง หรือลงทุนมั่วๆ ลงทุนตามคนอื่นมาตลอด
อยากจะให้ค่อยๆเริ่มต้นลงทุนในความรู้ก่อน แล้วความรู้ที่ถูก mind set ที่ใช่ จะทำให้คุณเป็น 20% ที่อยู่รอด ทำกำไรได้ในตลาดหุ้นอย่างแน่นอน 


บทความนี้เป็น Advertorial