ถ้ามีคอนโดสักห้องที่ติดรถไฟฟ้า คงทำให้ชีวิตดีขึ้นแน่ ไม่ต้องลำบากรถติดนานๆ นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานได้สะดวก มีปาร์ตี้ก็กลับมานอนได้ง่าย

ซึ่งในปัจจุบันคอนโดก็มีเต็มไปหมด แถมยังมีราคาถูกๆ เพียบเลย ให้เจ้าพวกมะนุดเงินเดือนน้อยๆ ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของกันด้วย 

หลังจากที่ ถุงเงินลองหาข้อมูลดูแล้ว ถ้าพวกคอนโดที่ติดแนวรถไฟฟ้าที่ไม่ใจกลางเมืองมากนัก ก็จะมีราคาเฉลี่ยประมาณ 2 ล้านบาท ดูเป็นราคาที่พอจะเอื้อมถึงใช่มั้ยล้า แล้วเรื่องการเงินหละ จะต้องเตรียมวางแผนเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?? ไปดูกันเลยดีกว่าาาาา 


"เงินเดือนขั้นต่ำที่ควรมี"

ถ้าจะซื้อคอนโดราคา 2 ล้าน เจ้ามะนุดควรมีเงินเดือนหรือรายได้คงที่สัก 1 ใน 60 ของราคาคอนโด
หรือตามสูตรก็


ราคาคอนโด = เงินเดือน x 60

เพราะหลังจากที่เราได้เป็นเจ้าของคอนโดแล้ว ก็ยังต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ อยู่อีกเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็น และมีค่าส่วนกลาง ค่าน้ำค่าไฟอีก ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ยังอยู่ ค่าข้าว ค่าเดินทาง ค่าออกทริปกับเพื่อนๆ

ถ้ามีรายรับที่น้อยเกินไป แล้วผ่อนคอนโดในราคาเกินตัว ก็อาจจะลำบากได้นะเจ้ามะนุดดด


"ค่าผ่อนต่อเดือน"

ถ้าไม่ได้รวยขนาดซื้อเงินสดทีเดียวเลย ก็ต้องมีค่าผ่อนต่อเดือนใช่ม้า ยิ่งผ่อนเยอะ ก็ยิ่งหมดหนี้เร็ว แต่ถ้าผ่อนมากไป แล้วค่าใช้จ่ายต่อวันจะพอหรอ ??

ถุงเงินว่าควรกำหนดค่าผ่อนให้พอดีๆ กับรายได้ของเรา ในกรณีที่ไม่มีภาระทางหนี้สินอื่นๆ นะ

ค่าผ่อนต่อเดือนไม่ควรเกิน 40 % ขอเงินเดือนหรือรายได้ประจำ

ถ้ามีก็ต้องหักให้น้อยลงไปอีก ให้ภาระหนี้สินโดยรวมของเรา ไม่เกิน 40% ถ้าเจ้ามะนุดคนไหนมีภาระหนี้สินอย่างอื่นเยอะอยู่แล้ว ถุงเงินก็แนะนำว่า ไปเคลียหนี้เก่าให้หมดก่อนจะมาสร้างหนี้ใหม่นะ

โดยเหตุผลของตัวเลข 40% นี้ ก็เป็นตัวเลขที่ถุงเงินประมาณการมาจากหลายปัจจัย เช่นการแบ่งไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน 40-50 % และที่ขาดไม่ได้คือการออมเงินอีกสัก 10-20% ด้วย เพื่อใช้ในยามเกษียณหรือการลงทุนเพื่อต่อยอดให้มี passive income มีเงินใช้ในอนาคตด้วย

สำหรับคนที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ ก็จะเสี่ยงหน่อย เพราะถ้าเดือนไหนเราขาดรายได้ ก็จะไม่มีเงินผ่อนใช่มั้ยหละ  ถุงเงินแนะนำให้เก็บเงินแล้วเอาไปวางเงินดาวน์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ได้

วางแผนทางการผ่อนชำระหนี้ดีๆล่ะ เพราะถ้าวันไหนรายได้เราหายไป ไม่มีเงินผ่อนชำระ นอกจากคอนโดอาจจะโดนยึดแล้ว ยังทำให้เสียเครดิตดีๆ ไปอีก ต่อไปจะกู้อะไรก็ยากเลยนะ

"ลงเงินดาวน์เท่าไหร่ดี"

ถ้าเงินดาวน์มาก ก็จะผ่อนน้อยลง ผ่อนหมดเร็วขึ้น ก็ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมาก ประหยัดไปได้เยอะเลยแหละ
แต่ถ้ามัวแต่เก็บเงินดาวน์นานไป ระวังจะแก่ก่อนได้อยู่เด้อ

ถ้าคิดแบบง่ายๆ ถุงเงินว่าเราควรเก็บเงินให้ได้สัก 10% ของราคาเต็ม แล้วก็เอาไปวางดาวน์เลย

ถ้าจะซื้อคอนโด 2 ล้าน เก็บเงินเพื่อดาวน์ให้ได้สัก 2 แสน ก็น่าจะกำลังโอเคนะ

แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขของคอนโดหรือธนาคารด้วย ว่ามีบังคับขั้นต่ำเท่าไหร่ ถ้าลงเงินดาวน์เพิ่มจะได้ดอกเบี้ยลดไปอีกมากแค่ไหน ลองเจรจากับเขาดูก่อนด้วยนะเจ้ามะนุดดด


"ระยะเวลาการผ่อน"

จริงๆ แล้วการผ่อนด้วยระยะเวลายิ่งสั้นก็จะยิ่งดีใช่มั้ยหละ ยิ่งผ่อนนาน ดอกเบี้ยก็จะยิ่งบาน บางคนผ่อนกันไป 30 ปี ดอกเบี้ยดันแพงกว่าตัวคอนโดซะแล้ว แต่การผ่อนให้หนี้ยิ่งหมดเร็ว ค่าผ่อนต่องวดเราก็จะยิ่งเยอะขึ้น อาจจะต้องกินแกลบทุกเดือน

แล้วจะเลือกผ่อนนานเท่าไหร่ดีเนี้ยยย ?!?!!

ใจเย็นๆๆ จริงๆ มันก็ไม่ได้อะไรแน่นอนหรอกว่าเราควรผ่อนนานเท่าไหร่ แต่ก้พยายามผ่อนให้หมดไวๆ โดยไม่ได้ไปลำให้ตัวเองลำบากในชีวิตประจำวันก็พอแล้ว ในช่วงที่เรามีภาระหนี้สินอยู่นี้ ยังไงก็ต้องพยายามลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นไว้ก่อน เก็บเงินได้ให้มากขึ้นในแต่ละเดือน แล้วก็นำมาโปะหนี้ตรงนี้ซะ

จากที่ถุงได้ลองคำนวนดู ถ้าราคาคอนโด 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี

การจ่ายเงินต่องวด เดือนละ 10,000 บาท
เราต้องจ่ายเป็นเวลาประมาณ 28 ปี

แต่ถ้าเราเพิ่มค่างวดแค่เดือนละ 3,000 บาท
จะลดเวลาในการผ่อนเหลือแค่ 18 ปี !!!

โหววว ถุงเงินเองก็ตกใจเหมือนกัน แค่เพิ่มเงินไปเดือนละแค่ 3,000 บาท เราจะสามารถลดเวลาในการผ่อนลงได้ถึง 10 ปี และถ้ามองในมุมของดอกเบี้ยด้วยแล้ว จะประหยัดไปได้อีกประมาณ 5 แสนบาทเลยทีเดียว


"รู้จักการรีไฟแนนซ์"

ถ้าพูดง่ายๆ การรีไฟแนนซ์คือการกู้ยืมสินเชื่อจากเจ้าหนี้รายใหม่ มาโปะหนี้ของเจ้าหนี้รายเก่

ฟังดูก็เหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรใช่มั้ยหละ แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ทางธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ มักจะให้ดอกเบี้ยในอัตราต่ำเพียงแค่ 3-4 ปีแรกเท่านั้น เมื่อพ้นจากช่วงแรกไปแล้ว อัตราดอกเบี้ยก็จะมหาโหด ปรับขึ้นมาถึงเท่าตัวเลย

เช่น ถ้าเรากู้คอนโด ราคา 2 ล้าน ในระยะเวลา 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ก็จะเสียค่าดอกเบี้ยประมาณ 400,000 กว่าบาท แต่ถ้าเราไม่รีไฟแนนซ์เลย เมื่อหมดช่วงโปรโมชั่น อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จะทำให้เราต้องเสียดอกเบี้ยรวมๆ ประมาณ 700,000 บาท

เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณเกือบเท่าตัวเลยใช่มั้ยล่ะ และถ้าใครผ่อนคอนโดนานกว่านั้น ซัก 20 ปี 30 ปี แล้วไม่คิดจะรีไฟแนนซ์เลย ดอกเบี้ยคอนโดแพงกว่าราคาคอนโดแน่นอน

แต่บางทีการรีไฟแนนซ์ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายธนาคารเสมอไปนะ เมื่อครบสัญญาระยะเวลากู้ยืมขั้นต่ำแล้ว (โดยส่วนใหญ่ประมาณ 3-5 ปี) ธนาคารเดิมของเราก็ไม่อยากเสียลูกค้าหรอก อาจจะยื่นข้อเสนอหรือเรารีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิมก็ได้ ถ้าเราเป็นลูกหนี้ชั้นดียังไงธนาคารก็ไม่อยากเสียลูกค้าดีๆ แบบเราไปหรอกเน้าะ


หนี้บ้านหนี้คอนโดนี่เป็นเรื่องใหญ่นะ คิดให้ดีก่อนจะซื้อ เป็นหนี้ก้อนใหญ่แล้วทำอะไรก็ลำบาก

นอกจากเรื่องการเงินแล้ว ก็อย่าลืมดูอย่างอื่นด้วยล่ะ ทำเล คุณภาพ สภาพแวดล้อมต่างๆ ถ้ายังไม่แน่นใจ ก็ลองดูไปหลายๆ ที่ก่อน เงินตั้งเป็นล้าน ค่อยๆ ตัดสินใจก็ได้ ถ้าเสียเครดิตการขอสินเชื่อไปแล้ว จะทำอะไรก็ลำบาก

เป็นห่วงน้าเจ้ามะนุดดดด