ใกล้สิ้นปีหลายคนอยากเอาเงินไปเก็บไปลงทุนและประหยัดภาษี
แต่หลายคนก็ยังรู้อะไรน้อยมากเกี่ยวกับกองทุน วันนี้มาดามจะอธิบายให้เข้าใจ
แบบง่ายที่สุดใน 3 โลก มาดูกัน!
1) รู้ว่ากองทุนรวมคืออะไร? เค้าเอาเงินเราไปไหน?
กองทุนรวม คือ การที่คนหลายคนเอาเงินมากองรวมกัน
แล้วมอบให้ผู้เชี่ยวชาญเค้าเอาเงินกองนี้ไปลงทุนให้ค่ะ กองทุนรวมจึงเหมาะสำหรับคนที่
- ไม่มีเวลาไปเลือกสิ่งที่จะลงทุนเอง ผู้เชี่ยวชาญเลือกให้ว่าลงทุนในอะไร
- ไม่มีความรู้ในเรื่องการเงินมากนักเพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้
เค้าเอาเงินเราไปลงทุนในหลายอย่าง เธอต้องอ่านสิ่งนี้ “หนังสือชี้ชวน”
มันจะบอกว่าเค้าเอาเงินเราไปลงทุนในอะไร ซึ่งมีทั้งหุ้น (บางกองก็ระบุประเภทธุรกิจได้ด้วย) ไหนจะตราสารหนี้, พันธบัตร, อสังหาริมทรัพย์ก็มี
ผู้เชี่ยวชาญเค้าจะเลือกลงทุนในสิ่งที่เค้าเขียนบอกไว้ในเจ้าหนังสือชี้ชวนนั้นแหละ เพราะเป็นความตั้งใจของกองทุนนั้นๆ
ดังนั้น เธอต้องเลือกก่อนว่า ปลายทางอยากให้เขาเอาเงินเธอไปลงทุนในอะไร
เลือกปลายทางคือประเภทของสิ่งที่เอาไปลงทุนก่อน แล้วค่อยไปเลือกกองทุนที่ดูดีที่สุดในประเภทเดียวกัน ไม่ใช่เอากองทุนหุ้นไปเทียบกองทุนอสังหาฯ มันเหมือนเอากล้วยไปเทียบกับแอ๊ปเปิ้ล!
2) รู้ว่าที่ซื้อนี่คือเธออยากประหยัดภาษีด้วยใช่ไหม?
ถ้าใช่ มันก็ต้องเป็น LTF, RMF
ซึ่งทั้งสองแบบมีข้อกำหนดในเรื่องเวลา ว่าต้องถือนานแค่ไหน ขายได้เมื่อไหร่
ถ้าตุกติกขายก่อน เธอจะโดนปรับย้อนหลัง เอาเงินที่ประหยัดภาษีได้คืนพร้อมเบี้ยปรับ!!!
แต่ถ้าไม่คิดประหยัดภาษี ก็ไม่ต้องเป็น LTF, RMF
ก็ซื้อกองทุนอะไรก็ได้ จะขายเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เธอ แล้วแต่ข้อกำหนดกองทุน
แนะนำให้อ่านอันนี้..
สรุปเทคนิคลงทุน LTF RMF ง่ายๆ ในบทความเดียว
3) รู้ว่าผลประโยชน์ที่เธอจะได้คืออะไร?
หลักๆ คือ "มูลค่าของเงินที่เธอเอาไปกองจะเพิ่มขึ้น"
คือตอนซื้อ เธอซื้อเป็นหน่วยลงทุน เช่น
ซื้อกองทุน 10,000 บาท ตอนซื้อราคาหน่วยละ 10 บาท เธอก็ได้มา 1,000 หน่วย
(1,000 หน่วย x 10 บาท = 10,000)
เมื่อเวลาผ่านไปสมมติผลประกอบการเจริญงอกงาม
มูลค่าของหน่วยลงทุนจะเพิ่มขึ้นค่ะ จาก 10 บาท สมมติเป็น 12 บาท
ดังนั้นมูลค่าเงินลงทุนในมือเธอก็จะกลายเป็น 1,000 หน่วยเท่าเดิม
แต่คูณด้วย 12 บาท เท่ากับ 12,000 บาท
ผลตอบแทนก็คือส่วนต่างตรงนี้ 12,000 – 10,000 = 2,000 บาทไง
แต่ถ้าเป็นการลงทุนที่ขึ้นได้ลงได้อย่างกองทุนหุ้น มันก็เป็นไปได้เช่นกันว่ามูลค่ากองทุนจะลด ถ้าหุ้นตก เข้าใจยัง?
ผลตอบแทนอีกส่วนนึง คือ บางกองเค้าจะจ่ายเงินปันผล อันนั้นก็ได้เป็นครั้งคราวตามที่เค้าประกาศ จ่ายเฉพาะดอกผลออกมา
4) รู้ว่าผู้เชี่ยวชาญที่เค้าช่วยจัดการเงินเรา เค้าได้อะไรตอบแทน?
กองทุนเค้าต้องจ้างคน ต้องจ่ายเงินเดือน ซึ่งเค้าก็จ่ายจากกองเงินที่เอามารวมๆกันนั่นแหละ โดยกำหนดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเงินลงทุนกองนั้น
ไม่ว่าการลงทุนจะกำไรหรือขาดทุนก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบริหารจัดการนะจ๊ะ
ดังนั้น มาดามบอกเลยว่าเธอ อย่าโฟกัสเฉพาะผลตอบแทน
จงสังเกตค่าธรรมเนียมบริหารจัดการกองทุนด้วย! มันมีข้อมูลอยู่ในหนังสือชี้ชวนนั่นแหละ
ถ้าผลตอบแทนสูงแต่ค่าธรรมเนียมสูงกว่า สรุปว่าเธออาจขาดทุนในระยะยาวก็ได้ เพราะผลตอบแทนจะออกหัวออกก้อยก็ได้ แต่ค่าธรรมเนียมนั้น ค่อนข้างแน่นอน
5) รู้ว่าจะเลือกกองไหน ดูที่อะไรคะมาดาม?
มาดามก็แนะนำให้ดูเจ้าปลายทางที่ไปของเงิน
กับว่าผลตอบแทนย้อนหลัง ผลงานของกองทุนแต่ละอันนั้นเป็นยังไง
ซึ่งเธอดูได้ทั้งระยะยาวกลางสั้น เอาให้เหมาะกับระยะเวลาที่เธอจะเอาเงินไปกอง
แล้วก็อย่าลืมค่าธรรมเนียมบริหารจัดการที่บอกไป
แต่..อย่าลืมว่า
สถิติผลการดำเนินงานทั้งหมดเป็นผลของอดีต เราไม่มีวันรู้อนาคต
ทำได้แค่คาดการณ์
ดังนั้นมาดามอยากให้ดูปลายทางของเงินที่เค้าเอาไปลงทุนเป็นหลัก ว่ามันใช่สิ่งที่เธอต้องการมั้ย แล้วเธอก็คอยส่องดูผลประกอบการเป็นระยะ
สุดท้ายมาดามขอฝากไว้ ประโยคคลาสสิค
"ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง" แต่ความเสี่ยงจัดการได้ด้วยความรู้
มาดามแนะนำให้เธอคอยดูคอยอ่านบทความใน Aommoney นี่แหละ
ที่สำคัญ วันจันทร์หน้า 28 พฤศจิกายน มี Live เรื่องกองทุนโดยเฉพาะ
รายการ “กองทุนไหนดี?” มาดามแนะนำเลย เพราะคนที่มาคุยให้ฟัง มีทั้ง
หมอนัทกูรูกองทุนโดยเฉพาะ กับพี่หนอม กูรูด้านภาษี
ผนึกกำลังกันให้ความรู้เธอแบบเน้นๆ ห้ามพลาดเด็ดขาด มาดามก็จะรอดู
กดไปดูที่เพจนี้ กดไลค์ติดดาว เกาะติดไว้นะ
โอเคนะ
มาดามฟินนี่