วันนี้วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นวันโกหกแห่งชาติ หลอกกันสนุกสนานเลยนะครับ
จากตอนที่แล้วผมได้พูดถึงเรื่องของผลตอบแทนในตลาดโดยยกตัวอย่างเงินปันผล
ซึ่งผมสรุปออกมาให้ทุกคนได้เห็นในตอนที่แล้วว่า....
ถ้าคุณจะออมหุ้นโดยหาหุ้นดีๆให้ปันผลเยอะๆในตลาดน่ะ...
"มันไม่มีให้คุณหรอก...."
ถ้าผมสมมติว่านักลงทุนทุกคนฉลาดเท่ากัน คำนวณทุกอย่างเป็นเหมือนกัน
หุ้นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเกิดมีตัวหนึ่งปันผลแรงๆขึ้นมา.... เมื่อเทียบกับตัวอื่น
ตลาดก็จะทำให้เกิดสมดุลราคาและเกิดเป็นเงินปันผลในระดับใกล้เคียงกัน...
ส่วนอะไรที่ตลาดไม่ให้สมดุลนั้นก็เพราะมันมีความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไป
[ จบทฤษฎี ฮาๆ ]
แล้วในทางปฏิบัติล่ะ... จะสร้างผลตอบแทนรูปแบบเงินปันผลอย่างไรได้บ้าง?
ซึ่งสูตรการลงทุนของผมก็ไม่ต่างกับการค้าขายหรือการทำกิจการทั่วไป
คือหาหุ้นที่มีกำไร มีการลงทุนเพิ่มอยู่ตลอดเวลา และมีการให้เงินปันผลเพิ่มขึ้น
ถ้าผมเจอหุ้นลักษณะนี้และพบว่ามันมีความสามารถในการแข่งขันด้วยนี่ผมชอบเลย
ก็จะทยอยซื้อเรื่อยๆ ซึ่งหลายๆคนถามว่า ผลตอบแทนจากการซื้อเฉลี่ยจะดีหรอ?
ทำไมผมไม่รอราคาต่ำทีเดียวแล้วซื้อล่?
ผมก็จะบอกว่าการออมหุ้นของผมนั้นไม่ได้สนใจเรื่องราคาตกมาก
และตัววัดผลของการลงทุนนั้นมันก็มีอยู่แค่ 2 อย่างก็คือ
1. ต้นทุนเทียบกับเงินปันผลควรจะต้องเยอะ
2. จำนวนเงินปันผลที่ได้รับควรจะมากขึ้นเรื่อยๆ
อันนี้เป็นตัวอย่างของเงินปันผลหุ้น BDMS นะครับ....
สังเกตดูสิ เงินปันผลมันให้มากขึ้นเรื่อยๆนะ....
แต่อย่างที่ผมบอกแหระ โลกเรามันมีราคาตลาด
และผลตอบแทนแม้จะเพิ่มขึ้นในแต่ละปี คุณก็ต้องซื้อในราคาที่แพงขึ้น
ตารางข้างล่างผมเปรียบเทียบให้ดูครับว่าถ้าเราซื้อก่อนขึ้น XD
มันจะได้ผลตอบแทนเงินปันผลแต่ละครั้ง ในอัตราผลตอบแทนเท่าไหร่
มันจะได้แถวๆ 1% มีบางช่วง 3% ก็มี แต่ก็เพราะมันเกิดวิกฤติสหรัฐนะครับ
เชื่อเลยว่าหลายคนพอมานั่งหาหุ้นปันผลสูงก็คงเกลียดตัวนี้ไปละ
ได้แค่ 1% เอง ดูไม่คุ้มเลย ถูกป่ะ?
ทีนี้ถ้าผมมองในมุมต่างนะ ผมลองเฉลี่ยซื้อหุ้นรายเดือนดู
ช่วงไหนหุ้นราคาลงต่ำกว่าต้นทุนเรามันก็จะถ่วงน้ำหนักไป
ช่วงไหนหุ้นราคาขึ้น เราก็ซื้อได้น้อยลงหน่อย แต่มันไม่ถ่วงน้ำหนักมาก
ต้นทุนของการลงทุนแบบ DCA จึงเป็นตารางข้างล่าง
จากตารางข้างบนจะเห็นได้ว่า หากการที่เราสะสมความมั่งคั่งไปเรื่อยๆ
ขึ้นก็ซื้อ ลงก็ซื้อ มันจะได้ต้นทุนเฉลี่ยออกมา (ไม่เหมือนกับการเล็งครั้งเดียวเอาปันผล)
แล้วพอต้นทุนเฉลี่ยมันไม่ได้ขึ้นไปมาก แต่อัตราปันผลมันสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อกิจการเติบโต
ผลตอบแทนก็ย่อมมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา ปีแรกๆอาจจะน้อยหน่ย...
แต่ปีต่อๆมามันจะสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครมาบอกว่า หุ้นที่ผมชอบปันผลน้อยแค่ 1% ผมจะรู้เลยว่า
เขาไม่มีหุ้นอยู่ และเขากำลังเล็งราคาในตลาด โดยหาดูว่าหุ้นในตลาดอันไหนปันผลดี
ในขณะที่วิธีของผมที่เสนอในบทความนี้จะทำให้คุณมี อัตราผลตอบแทนที่มากขึ้นได้
แต่ต้องอย่าลืมว่า เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ จำนวนเงินปันผลที่ได้รับควรมากขึ้น
สะสมเงินปันผลเป้าหมายคือความมั่งคั่งใช่ไหม ไม่ใช่แค่ผลตอบแทนเยอะ
ผมลองสมมตินะว่าผมจะลงทุนด้วย DCA ในหุ้นเดิม เดือนละแค่ 10,000 บาท
ผลออกมาจะได้เงินปันผลในแต่ละรอบเป็นจำนวนเงินกี่บาท
จากตารางก็คือเราจะได้ปันผลมากขึ้นเรื่อยๆไงครับ
เพราะกลยุทธ์การออมหุ้นแบบนี้มันแค่ให้เราทำตามวินัยในการซื้อหุ้นที่ดี
หุ้นดีมีการเติบโต = กำไรเพิ่ม = ปันผลเพิ่ม
ส่วนเราก็มีหน้าที่แค่...
สร้างพอร์ตให้เติบโต = ซื้ออย่างมีวินัย = ปันผลเพิ่ม เช่นกัน
มันก็คงตอบคำถามหลายๆคนได้แล้วใช่ไหมครับว่า....
1. จะทำอย่างไรให้เราได้ผลตอบแทนการลงทุนเยอะๆ
- ซื้อไว้อย่างต่อเนื่องในหุ้นที่เติบโตและให้ผลตอบแทนมากขึ้น
2. ควรจะเก็บเงินซื้อหุ้นตอนต่ำๆทีเดียวหรือทำ DCA ดีกว่า
- ถ้าเป็นผม ผมจะไม่เสียเวลานั่งเล็งราคาหุ้นด้วยการรอ
เพราะถ้าเรารอไปเรื่อยๆผลตอบแทนคือ ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร
แต่ถ้าเราลงทุนไปเลยมันก็จะค่อยๆขยายพอร์ตการลงทุนเราได้
มันก็เป็นที่มาละครับว่าทำไมผมถึงสะสมหุ้นด้วยวิธีนี้
ง่ายๆเลย ระยะยาวผมได้ผลตอบแทนเทียบกับต้นทุนน้อย
และยิ่งนานไปผมยิ่งได้ปันผลเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยละ
ปล. มีน้องถามว่าผมจะไปเซ็นชื่อหนังสือ ออมหุ้น ออมความสุข
ที่บูธ D18 ในช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ มีค 2558 อีกหรือเปล่า?
คือ... ผมอาจจะไม่ได้ไปแล้วนะคราบ งานยุ่งมากๆเลย ^_^
ต้าร์ กวิน สุวรรณตระกูล
เจ้าของผลงานหนังสือ ออมหุ้น ออมความสุข จากเวปไซต์ www.aomstock.com
และ หนังสือรวยได้จริงกับสิ่งที่เรียกว่าเงินเดือน
นักเขียนประจำเวปไซต์ www.aommoney.com/tarkawin