เปิดพอร์ตกองทุนสุดฮิต “KFLTFDIV”
สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ การลงทุนในช่วงนี้ถือว่าไม่ง่ายเลย เนื่องจากว่ามีปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ย การเลือกตั้งของสหรัฐ ฯ ทำให้เราเลือกสินทรัพย์เพื่อที่จะลงทุนได้ยากมากขึ้น แต่มีสินทรัพย์หนึ่งที่ไม่ว่าตลาดหุ้น ตลาดการลงทุนจะเป็นอย่างไร เราก็ควรจะลงทุน เพราะว่านอกจากจะได้ลงทุนระยะยาวแล้ว เมื่อลงทุนก็จะได้สิทธิในการลดภาษีไปด้วยนั่นก็คือ “LTF” นั่นเอง
ใกล้ ๆ ช่วงปลายปีแบบนี้ ผมมักจะได้รับคำถามเกี่ยวกับกองทุน LTF เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะถามว่า ซื้อกองทุนได้หรือยัง หรือว่าจะรอให้ถึงปลายปี ซึ่งถ้าเคยอ่านบทความของผม หลาย ๆ ท่านก็พอจะทราบดีว่า ส่วนใหญ่แล้ว ผมจะแนะนำให้ซื้อแบบถัวเฉลี่ยแบบทั้งปีไปเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่การซื้อแบบถัวเฉลี่ยทั้งปีนั้น (11 ปีใน 15 ปี) จะดีกว่าการซื้อกองทุนปลายปีครับ
ส่วนคำถามที่ผมได้รับบ่อยไม่แพ้กันก็คือ จะเลือกกองทุน LTF แบบปันผลดี หรือ ไม่ปันผลดีกว่ากัน อันนี้ก็ไม่ยากเลยครับ ถ้านักลงทุนท่านไหนต้องการลงทุนระยะยาว และต้องการให้เงินงอกเงยขึ้นแบบทบต้น และไม่ได้มีเหตุให้ต้องใช้เงิน ไม่ซีเรียสว่าจะได้ต้องได้เงินระหว่างการลงทุนแล้วละก็ “กองทุนแบบไม่ปันผล” จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดครับ
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่นักลงทุนเป็นคนที่ชอบที่จะเห็นเงินจากที่เราลงทุนไปแล้ว ทยอยคืนกลับมา เหมือนได้น้ำหล่อเลี้ยงหัวใจ และต้องการได้เงินกลับมาใช้จ่ายแล้วละก็ แน่นอนว่า “กองทุนปันผล” จะเป็นคำตอบสุดท้ายของท่านครับ
ถ้าใครที่ชื่นชอบกองทุนปันผลนั้น นักลงทุนเองก่อนที่จะลงทุนกับกองทุนแบบนี้ ก็ควรที่จะเข้าใจถึงวิธีการ และ แนวคิดที่ถูกต้องในการลงทุนกับกองทุนปันผลเสียก่อน รวมถึง แนวคิดของกองทุนที่ตนเองกำลังจะลงทุนด้วยครับ เพื่อที่ว่าเวลาที่ถือกองทุนปันผลไปแล้ว จะได้ไม่เกิดอาการไม่แน่ใจ หรือว่า อาการถือแล้วไม่มั่นใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือ เกิดคำถามขึ้นบ่อย ๆ
ก่อนอื่น เรามาดูวิธีคิด หรือ แนวคิดการลงทุนกับกองทุนปันผลกันก่อนนะครับ
ประการแรกเลย คือ หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า
“ในกองทุนหุ้นปันผลมีแต่หุ้นปันผลอยู่ในกองทุน”
ในกองทุนหุ้นปันผลนั้นอาจจะมีหุ้นที่ไม่ได้มีการปันผลอยู่ก็เป็นไปได้ครับ แต่เงินปันผลที่เราได้รับจากกองทุนนั้น อาจจะมาจากการขายหุ้นที่มีกำไรออกมา จากนั้นจึงนำเงินที่ได้มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยครับ ดังนั้น ก็ไม่แปลกนะครับ ถ้าเราไปเห็นกองทุนปันผลแต่มีหุ้นที่เน้นการเติบโตของหุ้นอยู่ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนอาจจะมองว่า ถ้าหุ้นเติบโตได้ในอีก 5 ปี หรือมากกว่านั้น กองทุนเองก็อาจจะเลือกหุ้นมาไว้ในกองทุนก็ได้ครับ เพื่อที่ในอีก 5 ปีข้างหน้า เมื่อขายหุ้นตัวนั้นไปก็อาจจะได้ผลตอบแทนมาจ่ายให้กับนักลงทุนครับ
ประการที่สอง และผมคิดว่าคนมักจะเข้าใจบ่อย ๆ ก็คือ
“กองทุนหุ้นปันผลมีความเสี่ยงที่น้อยกว่า” กองทุนไม่ปันผล
ซึ่งผมคงต้องบอกว่า “ไม่ใช่” เพราะว่า กองทุนทั้ง 2 แบบนั้น มีความเสี่ยงที่เท่า ๆ กัน เนื่องจากว่า เป็นกองทุนที่ลงทุนใน “หุ้น” เหมือนกันครับ เพียงแค่ความรู้สึกของการที่ได้เงินลงทุนกลับมาบ้างของกองทุนปันผล จะทำให้เรารู้สึกว่าได้ผลตอบแทน หรือว่าได้เงินกลับมาไว้ในมือก่อนนั่นเองครับ ดังนั้นในยามที่หุ้นผันผวนขึ้นลงบ่อย ๆ กองทุนปันผลจะทำให้เรารู้สึกว่า ปลอดภัยกว่านั่นเอง
แต่ในความเป็นจริง ถ้าในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือในภาวะที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น แนวโน้มของผลตอบแทนของกองทุนไม่ปันผลนั้นอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากเงิน หรือ ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในกองทุนนั้น จะสามารถทบต้นขึ้นไปได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่า หากตลาดหุ้นเป็นขาลงแล้วละก็ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นที่ปันผลหรือไม่ปันผลก็คงเห็นมูลค่าหน่วยลงทุนลดลงไม่ต่างกันครับ เพราะว่าถ้าหากกองทุนไม่สามารถที่จะสร้างผลงานที่ดี จนมีกำไรส่วนเกินแล้วละก็อาจจะไม่มีเงินปันผลออกมาได้เหมือนกันครับ อย่าคิดว่า เป็นกองทุนปันผลแล้วจะได้เงินปันผลเรื่อย ๆ นะครับ
ดังนั้นเราต้องคอยติดตามผลตอบแทนของกองทุน เข้าใจแนวทางการลงทุน สไตล์การลงทุนว่าเหมาะกับเราหรือไม่ และหากองทุนที่ทำผลตอบแทนได้สม่ำเสมอด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ที่กองทุนจะจ่ายเงินปันผลให้กับเรานั่นเองครับ
คราวนี้เรามาดูกองทุนปันผลตัวอย่างกันครับ ว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และมีแนวคิดการลงทุนเป็นอย่างไร
กองทุนที่เป็นพระเอกวันนี้ ก็คือ กองทุนสุดฮิตอย่าง “กองทุน KFLTFDIV” นั่นเองครับ
เชื่อว่าใครที่ลงทุนกับกองทุน LTF เป็นประจำ หรือ ชอบกองทุน LTF ที่มีปันผลก็น่าจะคุ้นเคยกันดี เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะเคยซื้อติดไม้ติดมือกันแน่ ๆ กับ กองทุนของ บลจ. กรุงศรี กองทุนนี้ครับ
โดยกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนสไตล์ Buy and Hold (โดยจะมีอัตราการปรับเปลี่ยนสินทรัพย์ในกองทุนจะไม่เกิน 100%) ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีแบบ Bottom up หรือว่าเข้าไปดูกิจการของบริษัท ฯ ต่าง ๆ เป็นหลัก เพื่อหาราคาพื้นฐานของกิจการ จากนั้นก็จะหาจังหวะ เมื่ออยู่ในภาวะที่หุ้นมีราคาไม่แพงก็จะเข้าซื้อ รวมถึงดูว่าเงินปันผลที่ได้นั้นมีความสม่ำเสมอหรือไม่ นอกจากนี้ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจในหลาย ๆ เรื่องครับ ซึ่งวันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ
จุดสนใจแรกก็คือ กองทุนนี้ จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอมาก ๆ คือ เป็นกองทุนจ่ายปันผลทุกปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน !! เป็นเวลา 11 ปีกว่า ๆ แล้วครับ ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางการลงทุนที่เน้นเลือกหุ้นที่มีปันผลสม่ำเสมอ ซึ่งในปีนี้ทางบลจ.กรุงศรี ได้กำหนดวันจ่า