ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่เราต้องเจอกับปัจจัยกดดันต่าง ๆ มากมายที่ทำให้สถานการณ์การลงทุนในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก แต่ไม่ใช่ว่าเราจะหมดหนทางในการลงทุนไปเลย เพราะในวันนี้ aomMONEY อยากพาทุกคนไปรู้จักกับ ‘การลงทุนในกลุ่ม Defensive’ ที่มีความสามารถในการต้านทานความผันผวนของตลาดลงทุนในช่วงนี้ และพร้อมเติบโตขึ้นอยู่เสมอไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้น หรือขาลงก็ตาม
รู้จักหุ้น ‘Defensive’ กลุ่มการลงทุนที่เติบโตขึ้นได้แม้มีปัจจัยลบรายล้อม
สำหรับหุ้นที่จะจัดอยู่ในกลุ่ม Defensive ได้ จะต้องเป็นหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาด แม้การเติบโตด้านผลตอบแทนจะไม่ได้พุ่งสูงมาก แต่ด้วยการเติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมอในทุกสถานการณ์ ทำให้การลงทุนกลุ่มนี้เป็นที่นิยมเมื่อสถานการณ์การลงทุนเริ่มไม่สวยนัก โดยมักจะเป็นหุ้นของกลุ่มบริษัทที่มีความต้องการในสินค้า และบริการอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มการแพทย์ หรือกลุ่มพลังงาน ที่ไม่ว่าสถานการณ์โลกจะเป็นอย่างไร ก็ยังมีฐานลูกค้า และฐานกำไรที่มั่นคงในระยะยาว
แล้วหุ้นแบบไหนที่เข้าข่าย ‘Defensive Stock’ ?
เชื่อว่าหลายคนคงจะเริ่มตั้งคำถามกันแล้วว่า แล้วหุ้นตัวไหนบ้างที่เข้าข่าย ‘Defensive’ วันนี้ aomMONEY ได้สรุปแนวทางการคัดเลือกหุ้นกลุ่มนี้แบบเข้าใจง่ายมากให้ดังนี้ครับ
1. เลือกจากขนาด
ไม่ควรเลือกหลักทรัพย์หรือกองทุนที่มีขนาดเล็กเกินไป เพราะอาจมีความผันผวนจากปริมาณซื้อขายในตลาดรอง ทำให้ผลตอบแทนไม่เป็นที่น่าพอใจนัก และอาจจะไม่มีความแข็งแรงพอเมื่อต้องเป็นเสาหลักของพอร์ตการลงทุน โดยเราจึงอาจพิจารณาปัจจัยนี้จากมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization)
2. ความผันผวนต่ำ
นับเป็นเอกลักษณ์ของหุ้นกลุ่มนี้เลยก็ว่าได้ เพราะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ความผันผวนของราคาก็จะต่ำกว่าหุ้นกลุ่มอื่น หรือ เรียกได้ว่าความผันผวนต่ำกว่าดัชนีราคาหุ้นของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั่นเอง
3. ภาระหนี้น้อย
เป็นอีกหนึ่งหัวข้อสำคัญที่สามารถบอกเราได้ว่าหุ้นกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่ำจริงหรือไม่ โดยควรเลือกหุ้นที่มีปริมาณหนี้สินไม่สูงกว่าทุน หรือมีอัตราส่วน D/E ต่ำกว่า 1
4. ผลประกอบการในอดีตดี และโตขึ้นสม่ำเสมอ
เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงความสามารถของบริษัทในการบริหารจัดการให้เกิดกำไรอยู่เสมอ ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบไหน
5. ราคาไม่แพง
นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวจากการลงทุนมักจะมองหาหุ้นที่มี Margin of Safety สูง ๆ โดยพิจารณาจากราคาหุ้นที่ยังไม่แพงเกินไปเพื่อเป็นพื้นที่ให้ได้เติบโตในอนาคต
เมื่อดูจากแนวทางนี้จะทำให้เราสามารถคัดเลือกหุ้นกลุ่ม Defensive Stock ได้ง่ายขึ้น แต่ในวันนี้ aomMONEY มีการลงทุนกลุ่ม Defensive ที่น่าสนใจมาแนะนำกัน นั่นคือ ‘กองทรัสต์ WHART’ ที่มีพื้นฐานธุรกิจแข็งแรงพอจะต้านทานสถานการณ์การเงินในปัจจุบันได้ และเติบโตขึ้นอย่างสม่ำเสมออีกด้วย
ชวนรู้จัก ‘กองทรัสต์ WHART’ ทางเลือกการลงทุนกลุ่ม Defensive เพราะอะไรกองนี้จึงน่าสนใจ ?
กองทรัสต์ WHART คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และทรัพย์สินประเภทคลังสินค้า รวมไปถึงโรงงานระดับพรีเมี่ยมมาตรฐานระดับสากล ในรูปแบบ Built-to-Suit และ Ready-Built บนทำเลยุทธศาสตร์ของประเทศไทย เช่น บางนา-ตราด EEC วังน้อย และสมุทรสาคร โดย WHART เป็น ผู้นำ REIT ในกลุ่มคลังสินค้า รวมไปถึงโรงงานที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมมากที่สุด อยู่ที่ 47,905.54 ล้านบาท โดย aomMONEY ขอสรุปจุดเด่นของกองทรัสต์ WHART มาให้แบบนี้ครับ
1. มีขนาดกองใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับกอง REIT ประเภทอุตสาหกรรมคลังสินค้า และโรงงานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2. ทรัพย์สินที่เข้าลงทุนตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์โลจิสติกส์สำคัญของประเทศไทย บนพื้นที่ทำเลทองอย่าง บางนาตราด อยุธยา-สระบุรี EEC และสมุทรสาคร ทำให้สามารถปล่อยเช่าทรัพย์สิน และสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง โดยอัตราการเช่าเฉลี่ยล่าสุดของกองทรัสต์WHART อยู่ที่ประมาณร้อยละ 92%
3. ผู้เช่าของกองทรัสต์ WHART อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แข็งแรง และมีโอกาสเติบโตได้สูง นอกจากนี้ยังมีผู้เช่าจากหลากหลายประเทศ และหลากหลายธุรกิจ เช่น กลุ่ม E-commerce กลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
4. มีสัญญาเช่าคลังสินค้าระยะยาว โดยมีอายุสัญญาเช่าคงเหลือเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 ปี สร้างความมั่นคงทางด้านการจัดหารายได้ของกองทรัสต์อย่างต่อเนื่อง
5. กอง WHART มีการจ่ายผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่จัดตั้งกอง กองทรัสต์ WHART ถือเป็นกองทรัสต์ที่มีการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ก็ไม่ได้จ่ายประโยชน์ตอบแทนลดลง
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่ากอง WHART มีคาแรคเตอร์ที่สอดคล้องกับการลงทุนประเภท Defensive กล่าวคือ
- กองมีขนาดใหญ่: โดยเป็นกองทรัสต์ขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มคลังสินค้าและโรงงาน
- ความผันผวนต่ำ: จากธุรกิจที่มีกลุ่มผู้เช่ามั่นคง ทรัพย์สินอยู่ในทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์
- ภาระหนี้น้อย: โดยกอง WHART มีหนี้สินในสัดส่วนเพียง 25.61% เมื่อเทียบกับขนาดทรัพย์สิน
- ผลประกอบการดี เติบโตสม่ำเสมอ: กอง WHART มีการจ่ายปันผลจากผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตของทรัพย์สินเกือบทุกปี
- ราคาไม่แพง: ราคากอง WHART ในปัจจุบันถือว่าสามารถลงทุนได้ในราคาที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา โดยหากเทียบบนราคาตลาดปัจจุบันที่ประมาณ 10 บาท เงินปันผลที่ได้อยู่ในอัตราประมาณ 7.5% เลยทีเดียว
‘กองทรัสต์ WHART’ เตรียมลงทุนเพิ่มใน 5 พื้นที่ เสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว
ในตอนนี้ทางกองทรัสต์ WHART เตรียมลงทุนเพิ่มเติมอีก 5 โครงการ บนทำเลยุทธศาสตร์ด้านโลจิสติกส์ด้านการขนส่งของประเทศไทย ได้แก่ โซนบางนา-ตราด วังน้อย และ EEC ซึ่งภายหลังการลงทุน สัญญาเฉลี่ยของกองทุนจะยาวขึ้นไปอีก เป็น 3.55 ปี ด้วยปัจจจัยด้านความแข็งแกร่ง และระยะสัญญาที่ยาวขึ้น ทำให้ประมาณการผลตอบแทนหลังการลงทุนเพิ่มขึ้นจาก 0.78 บาทต่อหน่วย เป็น 0.80 บาทต่อหน่วย (อ้างอิงจากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติ สำหรับปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีแล้ว)
จากปัจจัยข้างต้น จะเห็นว่า กองทรัสต์ WHART เป็นหนึ่งในการลงทุนในรูปแบบ Defensive Investment ที่น่าสนใจ และทนทานทุกภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้กับพอร์ตการลงทุนของเราได้เป็นอย่างดี
อยากลงทุนกับ ‘กองทรัสต์ WHART’ ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่
1. ผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 7-11 พฤศจิกายน 2565
2. ประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ สามารถจองซื้อได้ระหว่างวันที่ 15-18 พฤศจิกายน 2565
โดยผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิ์จะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดที่ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะมีการคืนส่วนต่างหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า และในส่วนของประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นบุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์จะจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย โดยราคาเสนอขายสุดท้ายกำหนดโดยกระบวนการ bookbuilding
นักลงทุนที่สนใจสามารถจองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของธนาคารกสิกรไทย
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ K-Contact Center 02-888-8888 กด 819
อย่างไรก็ดีการลงทุนมีความเสี่ยง เพื่อน ๆ สามารถศึกษาข้อมูลของ WHART รวมถึงความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทรัสต์ได้ในเว็บไซต์ www.whareit.com
หรือ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=441017&lang=th
คำเตือน: ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

บทความนี้เป็น Advertorial