วันก่อนพรี่หนอมโพสลงเฟสบุ๊กส่วนตัวโดยตั้งคำถามว่า ถ้าเอาความรู้การเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปยังไง แบบไหนบ้าง?แล้วยกตัวอย่างเรื่องของการเลือกซื้อสกินแคร์ของคุณผู้หญิงให้ฟัง พอคิดๆไปคิดๆมา เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคน เลยตัดสินใจเอามาเขียนเจาะประเด็นแบบละเอียดให้อ่านกันครับ


ประเด็นแรก ก่อนที่จะซื้อสกินแคร์หรือเครื่องสำอางต่างๆของคุณผู้หญิง (หรือคุณผู้ชาย) นั้น เราต้องตั้งคำถามก่อนว่า เอ๊ะ นี่มันเป็นรายจ่ายจำเป็นหรือสิ้นเปลืองกันแน่นะ ซึ่งถ้าเราตัดสินใจได้ว่า มันจำเป็นและต้องใช้ เราค่อยมาคิดต่อยังไงว่าจะทำให้มันประหยัดที่สุดและคุ้มค่าที่เราจ่ายไป

อ่อ พรี่หนอมลืมบอกไปว่าตรงนี้คิดดีๆนะครับ การตัดสินใจว่าอะไรเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือสิ้นเปลืองนั้น ควรมองจาก สถานะการเงิน (ความสามารถในการจ่าย) และ คุณค่าทางจิตใจ (ซึ่งแต่ละคนมองไม่เหมือนกัน) ดังนั้นเราไม่ควรเหมารวมว่า การจ่ายเงินของใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่โง่เง่า ตราบเท่าที่เขาจ่ายไหว ไม่ลำบาก และไม่เอาเงินของเรามาจ่ายน่ะครับ (ฮ่าๆ)

ทีนี้พอตัดสินใจว่าจะซื้อแล้ว ประเด็นที่สองคือ ไอ้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางที่เราจะซื้อนั้น มันมีโอกาสจะ “แพ้” ไหม ควรไปทดลองใช้ก่อนที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอาง (บางเจ้าสามารถไปขอตัวอย่างทดลองฟรีได้เลย เช่น Kiehls หรือถ้าไม่มีก็อาจจะต้องเลือกซื้อตัวอย่างขนาดทดลองมาใช้ก่อน) ถ้าไม่เคยใช้ รี่หนอมไม่แนะนำให้ซื้อขนาดใหญ่มาเลยนะครับ (นี่เอ็งเป็นบีเอกับเขาด้วยเหรอ?) เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาแปลว่า เงินที่เราจ่ายไปทั้งหมดนั้นมันสูญเปล่า หน้าและผิวไม่ดีขึ้นยังไม่พอ แถมยังต้องมาเสียเงินอีกต่อหนึ่งด้วย โอ้ว เรื่องมันเศร้าชัดๆ 

ถ้าผ่านทั้งสองประเด็นที่ว่าไป นั่นคือ เรามีปัญญาซื้อและไม่มีอาการแพ้ สิ่งที่ต้องมาดูต่อคือ แล้วไอ้ตัวสกินแคร์ที่เราเลือกไว้น่ะ จะซื้อที่ไหนดีเพื่อให้คุ้มค่าเงินในกระเป๋าที่สุด 

เราใช้ความรู้การเงินมาช่วยเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างไร?

ลองยกมาตัวอย่างการซื้อสกินแคร์สักยี่ห้อหนึ่งเอาเป็น น้ำตบ SK-II ยอดฮิตละกันครับ เนื่องจากมีชื่ออยู่ในตลาดมาระยะหนึ่งจนเชื่อได้ว่ามีการขายมากมายตั้งแต่เวปหลักของแบรนด์และเวปอื่นๆ ที่เป็นของหิ้วหรือของลดราคาจากเคานเตอร์อะไรก็ว่าไป 

เราใช้ความรู้การเงินมาช่วยเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างไร?*ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต (ตกลงแกขายเองใช่ไหม - -“)

จากข้อมูลจะเห็นว่าเวปตรงแพงกว่าในระดับหลักหลายร้อยไปจนถึงพัน แต่ข้อดีของการซื้อจากเวปไซด์โดยตรงคือมั่นใจว่าเป็นของแท้ มีการสะสมแต้ม (แล้วแต่แบรนด์) มีโปรพิเศษ คอร์สพิเศษ ของแถมเยอะฝุดๆ (ตามโอกาส) ถ้าลองดูดีๆ บางแบรนด์เรียกได้ว่าแถมคุ้มเลยทีเดียวครับ อันนี้ต้องรอดูตามแต่ละเทศกาลและโอกาสของเราครับ

เราใช้ความรู้การเงินมาช่วยเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างไร?

แต่สำหรับคนที่เลือกซื้อเวปอื่นๆ ก็อาจจะมองว่า แม้ว่าจะอยากได้ของแถมก็ตาม แต่งบไม่พอ จะให้ถ่อซื้อไปถึงหลักหลายพันหลายหมื่นก็ไม่ไหว ซึ่งปัญหาของการเลือกซื้อเวปต่างๆ เหล่านี้นั้น เราต้องมั่นใจก่อนว่ามันเป็นของแท้ เพราะถ้าซื้อมาเป็นของปลอมแล้วล่ะก็บอกได้เลยว่าชีวิตจบแน่นอนครับ ทั้งได้ของปลอม มีโอกาสแพ้ และเสียเงินไปฟรีๆจนรู้สึกแย่กับชีวิตไปเลยทีเดียว 

สรุปจากประสบการณ์ตรง พรี่หนมอมองว่าคนที่มีการใช้แบรนด์ไหนแบรนด์หนึ่งเป็นประจำจะได้เปรียบกว่าครับ เพราะว่าส่วนใหญ่เวปแบรนด์โดยตรงมักจะมีโปรโมชั่นในการซื้อเป็นเซ็ทหรือชุดร่วมกันหลายตัว ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับคนที่ภักดีและชอบแบรนด์นั้นๆกว่าการซื้อจากเวปอื่นๆอีกทางหนึ่งครับ

เราใช้ความรู้การเงินมาช่วยเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างไร?

อย่าให้ขนาดและราคามาหลอกเรา

เรื่องทั้งหมดนั้นน่าจะจบที่ตรงนี้ใช่ไหมครับ แต่สิ่งที่พรี่หนอมยังสงสัยอยู่ คือ ถ้าหากเราลองมาคำนวณเปรียบเทียบสัดส่วนปริมาณของสกินแคร์ (ML) ในจำนวนที่เท่าๆกัน ราคาที่ได้นั้นมันจะต่างกันหรือเปล่านะ หรือวาซื้อขนาดใหญ่น่าจะประหยัดกว่า

เราใช้ความรู้การเงินมาช่วยเลือกซื้อสกินแคร์ได้อย่างไร?

*ลองคิดราคาโดยแปลงสัดส่วน 30ML เป็น 75ML = โดยการคูณด้วย x 2.5 และลองคิดสัดส่วน 30ML เป็น 160ML = โดยการคูณด้วย x 5.33

จากข้อมูลจะเห็นว่า ถ้าเราซื้อขนาดเล็กสุด (30ML) จะมีความคุ้มค่าในเรื่องของราคามากกว่า เพราะว่าถูกกว่าขนาดใหญ่เสียด้วยซ้ำ (อาจจะมีการเสียค่าส่งเพิ่มเติมในแต่ละกรณี ต้องเช็คดีๆนะครับ) และที่สำคัญเราการเปลี่ยนสกินแคร์ใหม่ๆ จะได้ความคุ้มในแง่ของการเสื่อมสภาพหรือหมดอายุมากกว่า (โดนอากาศน้อยกว่าตอนเปิดใช้ มีโอกาสได้ของใหม่กว่าเพราะกลุ่มนี้จะมีคนซื้อเยอะ ทำให้มีการหมุนเวียนที่เร็วกว่าของชิ้นใหญ่) 

สำหรับคนที่ตัดสินใจซื้อเวปอื่นๆที่ไม่ใช่ของแบรนด์ แนะนำให้ลองเปรียบเทียบโปรโมชั่นต่างๆ การสะสมแต้มแลกส่วนลด จ่ายบัตรเครดิตไม่ชาร์ต % เพิ่ม คูปองลดราคา หรือราคาโปรโมชั่น Clearance Sale ประกอบกันครับ

เดี๋ยวนะ... เราจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ?

ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะมีคำถามว่า เราจะต้องทำขนาดนี้เลยเหรอในการซื้ออะไรสักชิ้นหนึ่ง อันนี้ก็ต้องบอกว่าถ้ารู้สึกว่าราคาไม่ต่างกันมาก (จ่ายไหว) ความสบายใจที่ได้มา (ของแท้) และเวลาที่เสียไป ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นก็เลือกตามที่สบายใจได้เลยครับ 

บทความทั้งหมดพรี่หนอมนี้เขียนขึ้นมาเพื่อจะบอกว่า ถ้าหากคุณเอาเรื่องการเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน มันจะช่วยให้คุณประหยัดได้มากขึ้นไม่มากก็น้อยสำหรับการใช้จ่าย แม้แต่เรื่องของการใช้สกินแคร์หรือเครื่องสำอางก็ตาม หรือบางทีอาจจะกลายเป็นว่าทำให้คุณเป็นคนคิดมากเรื่องเงินมากเกินไปจนไม่มีความสุขก็ได้นะครับ

สุดท้ายแล้ว... การเลือกใช้เงินแบบที่ถูกจริตกับชีวิตเราและไม่ลำบากใครนี่แหละ พรี่หนอมว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วล่ะครับ :)