เวลาพูดถึงคำว่า “ลดภาษี” สิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดถึงก่อน คือ ค่าลดหย่อน เพราะถือเป็นตัวช่วยที่ดีตัวหนึ่งในการลดหย่อนภาษี ซึ่งจะมีคำถามตามมาทันทีว่า แล้วซื้อตัวไหน อะไร แบบไหน เท่าไรดี ? ถึงจะลดหย่อนภาษีได้สูงสุด
แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมไป คือ ค่าลดหย่อนนั้นเป็นตัวช่วยในการลดภาษีได้ก็จริง แต่ไม่ได้แปลว่าจะลดภาษีได้ทั้งหมดจากเงินที่เราจ่ายไปเพื่อลดหย่อนภาษี เพราะที่จริงแล้ว มันคือการลดเงินได้สุทธิที่ใช้ในการคำนวณภาษีต่างหาก
ซึ่งเงินได้สุทธิที่ว่านั้น มันมาจากสมการ เงินได้ – ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน นั่นแปลว่ายิ่งค่าลดหย่อนมากแค่ไหน เราก็จะยิ่งลดเงินได้สุทธิมากเท่านั้น แต่มันไม่ได้แปลว่าลดภาษีได้กี่บาท เพราะสิ่งที่เราต้องรู้ต่อก็คือ เราต้องรู้ว่าเราเสียภาษีในฐานไหน อัตราเท่าไร ถึงจะลดภาษีได้ตาม % ของเงินได้สุทธิที่อยู่ในฐานนั้น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น นายบักหนอมมีเงินได้สุทธิจำนวน 600,000 บาท และตัดสินใจซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีจำนวน 100,000 บาท จะประหยัดภาษีได้เท่าไร
คำตอบก็คือ 100,000 บาทที่จ่ายไป จะลดหย่อนภาษีได้ 15% หรือ 15,000 บาทเท่านั้น เพราะเงินได้สุทธิที่หายไปอยู่ในฐานอัตราสูงสุดคือ 15% นั่นเอง (100,000 x 15%) ซึ่งทำให้ภาษีที่นายบักหนอมคำนวณได้ลดลงจากเดิม คือ 42,500 บาท เหลือเพียง 27,500 บาทเท่านั้น
แต่ถ้าหากเรามีเงินได้สุทธิจำนวนมาก นั่นแปลว่าย่อมต้องเสียภาษีเป็นจำนวนมาก และในอัตราที่สูงกว่า เช่น ถ้าหากในปีนี้นายบักหนอมมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 6,000,000 บาทต่อปี แบบนี้ก็จะเห็นว่ายิ่งนายบักหนอมตัดสินใจซื้อประกันหรือกองทุนลดหย่อนภาษีเต็มสิทธิ์ ก็จะช่วยประหยัดภาษีได้มากกว่าถึง 35% ของเงินที่จ่ายไป ซึ่งเป็นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สูงสุดนั่นเอง
มาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะพอเห็นภาพแล้วว่า หากเราบริหารจัดการการเงินได้ดีเราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้เต็มที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เช่น ประกัน กองทุนต่างๆ ฯลฯ เพื่อให้เงินที่เรามีได้ทั้งประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี และตอบโจทย์การเงินที่เราต้องการ รวมถึงอาจจะต่อยอดด้านการลงทุนในมุมอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน
โดยปีนี้สำหรับคนที่ต้องการลงทุนในกองทุนรวม ทาง KRUNGSRI EXCLUSIVE เขามีตัวเลือกดีๆที่น่าสนใจมาฝากกัน ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้มีแค่กองทุนที่ลดหย่อนภาษีเท่านั้น แต่ยังมีกองทุนหลักที่เป็นกองทุนเปิดให้เราซื้อได้ขายคล่องกันอีกด้วย
โดยแบ่งออกเป็น 3 ธีมการลงทุนเด่นเพื่อจัดพอร์ตระยะยาว คือ
1. Defensive เป็นการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่ผลประกอบการค่อนข้างเสถียร หุ้นกลุ่มนี้จะเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง ความเสี่ยงต่ำ และมีการจ่ายเงินปันผลค่อนข้างสม่ำเสมอ ไม่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ทนทุกสภาพตลาด เช่น กลุ่ม Healthcare, Consumer Staples, Software & IT Services ทาง Krungsri Exclusive ก็จะมีกองที่น่าสนใจอย่าง KFGBRAND กองหลักและ SSF หรือ RMF
ที่เหมาะอย่างยิ่งที่นักลงทุนจะลงทุนในช่วงที่ตลาดกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลงแบบนี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มั่นคง ราคาลดลงน้อยกว่าตลาด
2. Long-Term Transformation กลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค มีโอกาสในการเติบโตในระยะยาวทั่วโลก เช่น EV อย่างรถไฟฟ้า, ระบบ AI หรือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ อย่างกอง KFGG-A หรือจะเป็น KFGGGSSF และ KFGGRMF ซึ่งกองหลักคือ Baillie Gifford Worldwide Long Term Global Growth Fund (LTGG) ที่เหมาะจะถือกันในระยะยาว เนื่องจากเป็นธีมที่กำลังเติบโตและมาแรง
3. ESG เป็นกลุ่มการลงทุนในบริษัทที่มี ปัจจัยส่งเสริมด้าน Environmental Social and Governance เมื่อทั่วโลกให้ความสำคัญกับปัจเหล่านี้มากขึ้น ทำให้สินทรัพย์ในกลุ่มนี้มีการเติบโตและให้ผลตอบแทนที่ดี อย่างกอง KFESG-A หรือจะเป็นกอง SSFและRMFก็ดี ซึ่งมีกองหลักเป็น AB Sustainable Global Thematic Portfolio เน้นลงทุนใน 3 ธีมหลัก คือ สภาวะอากาศ สุขภาพ และความเท่าเทียม
จากรูปข้างต้น เชื่อว่าใครหลายคนคงตอบตัวเองได้แล้วว่า ถ้าเราสนใจลงทุนในกองทุนรวมเพื่อประหยัดภาษี เราจำเป็นต้องเลือกสินทรัพย์ที่ดีที่เราเข้าใจ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโต และเหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ เพื่อให้เงินที่เรามีได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ที่สุด ทั้งโอกาสในการรับผลตอบแทน และสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ
และแน่นอนว่าถ้าหากเราลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเรียบร้อยแล้วมีเงินเหลือ ก็สามารถนำไปต่อยอดวางแผนในการลงทุนรูปแบบอื่นๆที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน
ซึ่งสำหรับ KRUNGSRI EXCLUSIVE นั้น อยู่ภายใต้การบริหารงานของ วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ
โดยเน้นการพัฒนาและยกระดับบริการสำหรับลูกค้า โดยได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank ที่คอยดูแลและให้คำแนะนำการลงทุน นอกเหนือจากการลดหย่อนภาษี ยังช่วยให้นักลงทุนสามารถพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ในการลงทุนของตัวเอง โดยได้รับคำปรึกษาจากทางผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินฝาก กองทุน หุ้นกู้ ประกันชีวิต ที่สามารถปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของชีวิต ผนวกกับไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองมีเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ประโยชน์ที่มากกว่าเช่นกัน
สำหรับใครที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.krungsri.com/th/wealth/krungsri-exclusive/homeโดยลูกค้า KRUNGSRI EXCLUSIVE จะต้องมีเงินฝากหรือลงทุนขั้นต่ำ 5 ล้านบาทขึ้นไป
สุดท้าย สิ่งที่อยากฝากไว้ คือ การวางแผนลดหย่อนภาษีที่ดี ต้องตอบโจทย์เป้าหมายการเงินที่เหมาะสมกับชีวิตเป็นหลัก และยังมีการประหยัดภาษีเป็นของแถมอีกต่อหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราวางแผนภาษีได้ครบทุกมุมที่เราต้องการได้เป็นอย่างดี
และท้ายที่สุด นอกจากวางแผนภาษีแล้ว เรายังต้องวางแผนการเงินของเราให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิตที่เราต้องการ นั่นจึงจะเรียกได้ว่าเป็นการวางแผนการเงินที่สมบูรณ์ที่สุดนั่นเองครับ
คำเตือน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต • SSF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออม และ RMF ลงทุนเพื่อเกษียณอายุ ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน • KFGBRAND/ KFGBRANSSF/ KFGBRANRMF ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

บทความนี้เป็น Advertorial