“การลงทุนในความรู้นั้นถือเป็นเรื่องดี ... แต่ ‘ความรู้’ ก็ไม่ต่างจากทรัพย์สินอื่นใดในโลก

ที่จะมีแต่คนซึ่งลงทุนเป็นเท่านั้น ถึงจะได้ผลการลงทุนในแบบที่ต้องการ”

- THE MONEY COACH -

 

เห็นช่วงนี้คนส่วนใหญ่นิยมใช้เวลาในวันหยุดและวันว่างไปกับการสัมมนา จนกลายเป็นเทรนด์ เอะอะ งง สงสัยใคร่รู้ คิดอะไรไม่ออก ก็ไปสัมมนา

 

หัวข้อในการสัมมนาก็หลากหลาย มีตั้งแต่เรื่องที่ต้องรู้ น่ารู้ ควรรู้ไว้บ้าง และกูอยากให้มึงรู้ (555)  

 

และแน่นอน!! เกินกว่าครึ่งหนึ่งของคอร์สสัมมนาทั้งหลาย หนีไม่พ้นคอร์สฮอตฮิตติดดาวอย่างการสัมมนาการเงินการลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่มักตั้งชื่อให้รู้สึกว่า มันได้เงินกันง่ายๆ และรวยกันได้ง่ายๆ แทบทั้งสิ้น ฟังแล้วกระตุกต่อมโลภของคนเราดีชะมัด

 

สำหรับใครที่รักการสัมมนา (โดยเฉพาะสัมมนาการลงทุน) และหวังผลให้การสัมมมนาเปลี่ยนชีวิตคุณไปสู่ความร่ำรวยได้จริง วันนี้ผมจะมาแนะนำวิธีการที่ทำให้การเข้าสัมมนาของคุณ ส่งผลดังใจหวัง โดยไม่ต้องอาศัยพลังอธิษฐาน

 

หมายเหตุ:

บทความนี้ไม่เหมาะกับคนอยากรวยแต่ขี้เกียจ โลภแบบไร้สติ หวังพึ่งคนอื่นในการลงทุนของตัวเอง หรือชีวิตไม่เคยพยายามทำอะไรจริงจังได้นาน ฯลฯ ถ้าคุณเป็นคนประเภทใกล้เคียงกับที่ผมเอ่ยมาทั้งหมด กรุณาอย่าอ่านบทความนี้นะครับ รับประกันความผิดหวัง 100% เลยครับ


สัมนาอย่างไรให้รวย-resize-01

 

4 ข้อต้องทำเพื่อเข้าสัมมนา

 

1) ค้นคว้าด้วยตัวเองให้มากที่สุดก่อน

อันนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยครับ คือ เมื่อเราตั้งโจทย์ได้แล้วว่า สนใจจะลงทุนอะไร ก็ให้เริ่มจัดสรรเวลาหาความรู้ด้วยตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งจากหนังสือ บทความทางเว็บไซต์ Youtube รวมไปถึงกลุ่มหรือชมรมที่มีผู้คนสนใจในเรื่องเดียวกัน ฯลฯ

 

บอกเลยว่าคนประสบความสำเร็จในการลงทุนล้วนมีนิสัยการค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตัวเองเป็นพื้นฐานด้วยกันทั้งนั้นครับ ดังนั้นถ้าคุณอยากสำเร็จเหมือนกับเขาบ้าง ก็ไม่ควรทำอะไรแตกต่าง

 

ทีนี้ทำแค่ไหนถึงจะเรียกว่า ค้นคว้าด้วยตัวเองจนถึง “ที่สุด” แล้ว

 

คำตอบง่ายๆ ก็คือ เมื่อคุณตอบคำถามเบื้องต้นเหล่านี้ได้ และเริ่มต้นลงมือทำอะไรกับเขาบ้างแล้วนะสิ

 

เช่น ถ้าคุณสนใจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คุณก็ต้องอ่านหนังสือ อ่านบทความ ดูคลิปวิดีโอต่างๆ ของคนที่ตั้งตนเป็นกูรูทั้งหลาย จนตอบได้ว่า

 

  • การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีกี่ประเภท (ให้เช่า เก็งกำไร นายหน้า พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ) กี่ลักษณะ อะไรบ้าง (บ้าน คอนโด ตึกแถว หอพัก ที่ดินเปล่า ฯลฯ)
  • ความแตกต่างสำคัญในแง่หลักคิดของการลงทุนแต่ละประเภทคืออะไร ข้อดีข้อเสียของการลงทุนแต่ละแบบคืออะไร
  • คุณสนใจการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบไหน (อ่านแล้ว ศึกษาแล้ว รู้สึกว่าตรงจริต)
  • ถ้าเลือกได้แล้วว่าชอบลงทุนแนวไหน หลักคิดที่ทำให้การลงทุนแนวที่คุณเลือกนั้นประสบความสำเร็จ คือ อะไร
  • วิธีการที่คนสำเร็จทำกัน เขาทำอย่างไร (อ่านให้เยอะ ดูให้มาก เอามาวิเคราะห์)

และสุดท้าย คือ การขมวดปมทุกอย่างมาเป็นวิธีการลงทุนในแบบของตัวเอง เล่าออกมาเป็นขั้นตอนเป็น Step 1-2-3-4 (สังเคราะห์เป็นเครื่องมือของตัวเอง)

เมื่อได้แนวทางของตัวเองในเบื้องต้นแล้ว ก็ให้เริ่มลงมือทำได้เลย แต่เน้นว่าให้ลงมือทำในแบบที่ไม่ต้องเสี่ยงมาก หรือถ้าพลาดก็ให้สูญเสียน้อยๆ ในระดับที่รับมือได้

 

เช่น ถ้าเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผมแนะนำให้ออกไปดูทรัพย์สัก 10 แห่ง แบบยังไม่ต้องซื้อครับ (ย้ำ!ว่าไม่ต้องซื้อ) เก็บภาพ เก็บข้อมูล แล้วลองวิเคราะห์ตามที่ศึกษามาเองดู แล้วเก็บคำถามที่เกิดขึ้นจากการดูทรัพย์เอาไว้มาค้นคว้าต่อ (ปมปัญหา คือ จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ขั้นสูงขึ้น)

 

หรือถ้าเป็นการลงทุนในหุ้น อยากลงทุนแนว Value Investing ก็แค่ลองหยิบงบการเงินบริษัท ดูคลิปประชุม Opportunity Day มาลองแกะข้อมูลดูสัก 3 บริษัท ประเมินราคา ทำ Watch List แล้วก็เก็บคำถามข้อสงสัยของตัวเราเองเอาไว้หาคำตอบต่อไป

 

คีย์สำคัญของการเริ่มต้นลงมือทำด้วยตัวเอง คือไม่ต้องรอให้รู้ท้ังร้อยเปอร์เซ็นต์ถึงค่อยลงมือทำ แต่ให้ลงมือทำร้อยเปอร์เซ็นต์ในสิ่งที่รู้” อันนี้คือหัวใจเลยครับ เพราะคนเราเก่งขึ้นจากการลงมือทำ ไม่ใช่การนั่งสัมมนา ปัญหาของการรอให้รู้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์แล้วค่อยทำก็คือ ไม่มีใครรู้ว่า 100 เปอร์เซ็นต์ที่ว่านั้นอยู่ตรงไหน สุดท้ายก็เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที

 

มาถึงตรงนี้หลายคนอาจรู้สึกว่า เฮ้ย ... ฟังดูแล้วแทบจะรู้หมดแล้วนี่หว่า ไม่เห็นต้องไปสัมมนาเลย 555

 

อันนี้ก็แล้วแต่ครับ เพราะถ้าศึกษาเองแล้วลงทุนได้เลย (โดยอาจค่อยๆลงทุนไปทีละน้อย) ก็ไม่จำเป็นต้องไปเข้าสัมมนา แต่ถ้าคิดว่ายังอยากรู้เพิ่ม ที่ค้นคว้าเองมันยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมดที่ตั้งคำถามไว้ข้างต้น ก็ไปเข้าสัมมนาได้ครับ ไม่ว่ากัน

 

ทั้งนี้เพราะการเข้าสัมมนานอกจากคุณจะได้ความรู้ในสิ่งที่สนใจลงทุนแล้ว คุณอาจได้ทริคหรือเคล็ดลับที่มาจากการลงมือทำโดยตรงของผู้สอน (แต่แม่งต้องตัวจริงนะ) ได้มุมมองความคิดใหม่ที่ช่วยให้ง่ายและเร็วขึ้นได้ และอีกเรื่องที่เยี่ยมมากๆ ก็คือ การได้มีเพื่อนที่คิดคล้ายๆ กัน ไว้พูดคุยแลกเปลี่ยน

 

2) ค้นหาสัมมนาที่คิดว่า “ใช่”

 

แล้วไอ้สัมมนาที่ว่า “ใช่”​ หนะ มันดูกันยังไง?

 

ถึงตรงนี้ ถ้าคุณมีความรู้อยู่บ้าง ค้นคว้ามาพอสมควรตามคำแนะนำของผมในข้อที่หนึ่ง มันก็ไม่ยากครับ เพราะคุณพอมีพื้นฐานอยู่บ้างแล้ว และพร้อมที่จะเรียนรู้ต่อยอดในเชิงลึก ดังนั้นคุณอาจเลือกใช้วิธี

 

เลือกคอร์สสัมมนาจากผู้สอน จากหนังสือ หรือบทความต่างๆ ของวิทยากรท่านนั้น การที่คุณมีความรู้และได้ลงมือทำมาระดับหนึ่ง จะช่วยคุณกรองได้ว่า ผู้สอนท่านนั&#x