สวัสดีครับนักลงทุนในกองทุนรวมทุกท่าน กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับกับผมหมอนัทคลินิกกองทุนคนดีคนเดิมเองครับ ในช่วงเวลาแบบนี้ที่การลงทุนค่อนข้างผันผวนจากวิกฤตโควิด-19 นั้นก็ทำให้ทิศทางการลงทุนเปลี่ยนไปมาก ๆ เช่น คนเราต้องปรับตัวเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น หรือ ใส่ใจสุขภาพมากกว่าแต่ก่อน แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลต่อธีมการลงทุนในปีนี้ เช่น คนลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี และ หุ้นกลุ่มสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้แนวทางการลงทุนหลายอย่างก็เปลี่ยนไปพอสมควรเลยครับ

ซึ่งถ้าหากพูดถึงแนวโน้ม หรือ แนวทางการลงทุนในบ้านเรานั้น ตอนนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นพอสมควรเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณคนที่เปิดบัญชีหุ้นที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ซึ่งผมคาดว่าเกิดจากที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ทำให้หลายคนคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนก็เป็นไปได้ครับ

นอกจากนี้คนที่เปิดบัญชีนั้นก็มีอายุที่ไม่มาก โดยเป็นนักศึกษา และ/หรือ คนที่เพิ่งจะเริ่มทำงานใหม่ ๆ ทั้งนี้ผมคิดว่าเรื่องการเงิน การลงทุนเริ่มจะขยับขยายไปหาคนที่ใช้ Social Media รวมถึงการหาข้อมูลที่ง่ายมากขึ้นในยุคสมัยนี้

แต่ทว่าการเปิดบัญชีหุ้น หรือการลงทุนในหุ้นเองก็ตาม ก็ถือว่าผู้ลงทุนต้องใช้ทักษะในการลงทุนค่อนข้างมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านงบการเงิน การประเมินมูลค่าหุ้น วิธีการจัดพอร์ต และ บริหารเงิน ก็ต้องเข้าใจ รวมไปถึงบางคนอาจจะใช้กราฟเทคนิคเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการลงทุนในหุ้นเองก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่เพิ่งจะเริ่มลงทุนก็มักจะหันหน้าไปเลือกลงทุนผ่าน “กองทุนรวม” มากขึ้น ซึ่งผมคิดว่าอัตราการเปิดบัญชีกองทุนรวมในช่วงเวลานี้น่าจะมีมากกว่าการเปิดบัญชีหุ้นอย่างแน่นอน

ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวนี้ก็ไม่ได้เป็นแค่ในบ้านเรานะครับ ในหลายประเทศแนวโน้มการลงทุนผ่านกองทุน ETF และ กองทุนรวมก็สูงมากขึ้นครับ

ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าการลงทุนผ่านกองทุนนั้นค่อนข้างจะสะดวกรวดเร็ว เข้าใจง่าย กระจายความเสี่ยงได้เนื่องจากมีสินทรัพย์ให้เลือกลงทุนได้หลากหลาย มีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันให้นักลงทุนได้เลือก ที่สำคัญมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแลการลงทุนของเราอีกด้วย ซึ่งก็นำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดี

พอตลาดกองทุนรวมเริ่มใหญ่มากขึ้น บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ก็เติบโตเช่นกัน แต่ไม่ได้เติบโตในแง่ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพียงอย่างเดียว แต่ผมหมายถึงเริ่มมีบลจ. ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกด้วยครับ ซึ่งเริ่มมีให้เห็นมาประมาณ 2-3 ปีนี้หลังจากที่ไม่ได้มี บลจ. ใหม่ ๆ เข้ามาจดทะเบียนกับทาง ก.ล.ต. มาหลายปีมากแล้วครับ

คราวนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ บลจ. น้องใหม่ นั่นก็คือ “AIAIMT” หรือ AIA Investment Management Thailand (บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด) ที่เปิดตัวมาถึงก็ขึ้นแท่นเป็นอันดับที่ 3* ของบลจ. ที่มี AUM (Asset Under Management) หรือ มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารงานกว่า 8.47 แสนล้านบาท และได้มีการออกกองทุนใหม่มาทันที 5 กองทุนเลยครับ

โดยวัตถุประสงค์ของการตั้ง AIAIMT ขึ้นมาก็เพื่อที่จะเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ Unit Linked ที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในบ้านเรา และผมคิดว่าทาง AIAIMT ก็อยากที่จะสร้างสินค้าใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ให้กับลูกค้าของ AIA อย่างแน่นอนครับ

เพราะว่าทาง AIA เองก็พัฒนาการให้บริการมาตลอดเป็นเวลาถึง 82 ปี ซึ่งได้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ของประเทศ โดยปัจจุบันกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นของ AIA** (แน่นอนว่าเป็นเจ้าตลาดกรมธรรม์ Unit Link ด้วยเช่นกัน)

แน่นอนครับว่าถ้าต้องบริหารเงินที่มากขนาดนี้ ก็ย่อมที่จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์อย่างยาวนาน รวมถึงพันธมิตรที่มีความน่าเชื่อถือระดับสากลเข้ามาร่วมบริหารกองทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ซึ่ง AIAIMT ก็เรียกได้ว่ามีความแข็งแกร่งในด้านบุคลากรผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการกองทุนด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า 30 ปี และมีพันธมิตรที่มีชื่อเสียงยาวนานร่วม 100 ปี เช่น BlackRock, Wellington Management และ Baillie Grifford ซึ่งผมคิดว่าน่าจะได้เห็นความร่วมมือกันอย่างแน่นอนโดยเฉพาะการออกกองทุน FIF หรือ Foreign Investment Fund หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศครับ

ผมได้ข่าวมาอีกว่าทาง AIAIMT นั้นจะนำเทคโนโลยีขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้งาน และเพิ่มผลตอบแทนที่ดีขึ้น พร้อมกับมุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน และ ประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ที่กำลังเป็นที่นิยม และเป็นหลักปฏิบัติที่ทั่วโลกให้การยอมรับครับ

ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ AIAIMT ได้มีการจัดตั้งกองทุนรวมจำนวน 12 กองทุน ประกอบด้วยกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ 5 กองทุนและกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 7 กองทุน

แน่นอนครับว่าเดี๋ยวผมจะมาเล่าให้ฟังในส่วนของกองทุน 5 กองทุนกันแบบคร่าว ๆ แต่สำหรับกองทุนรวมต่างประเทศอีก 7 กองทุนนั้น เอาไว้คราวหน้าหลังจากที่มีการเปิดตัวกองทุนต่างประเทศแล้ว ผมจะมาเล่าให้ฟังกันอีกทีครับ

คราวนี้เรามารู้จักกองทุนของ บลจ. AIAIMT น้องใหม่กันสักเล็กน้อยครับ ซึ่งกองทุนที่เปิดตัวมามีดังนี้ครับ

เรามาดูรายละเอียดทีละกองทุนกันครับ

กองทุน AIA Enhanced SET50 หรือ AIA-ES50

กองทุนนี้ดูผ่านๆ เหมือนจะเป็นกองทุนหุ้นที่อ้างอิงดัชนี หรือ Passive Fund แต่จริงๆ แล้วกองทุนนี้เป็นกองทุน Active Fund นะครับ แต่ว่าจะเลือกหุ้นในกลุ่ม SET50 มาบริหารจัดการเพื่อให้เอาชนะ Benchmark SET50 ให้ได้ หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่า Enhance Fund นั่นเองครับ

การลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ 50 ตัวแรก แบบนี้ก็เหมือนได้บริษัทที่มั่นคง และ มีศักยภาพในการแข่งขันเพราะว่าใน SET50 นี้มีบริษัทจดทะเบียนประมาณ 39 บริษัทที่สามารถไปลงทุนในต่างประเทศ หรือมีสาขาในต่างประเทศได้ เติบโตได้ แข่งกับต่างชาติได้ ดังนั้นการลงทุนกับกองทุนแบบนี้ก็มีความน่าสนใจมากๆ ครับ

ซึ่งในอดีตหลายๆ กองทุนที่มีนโยบายคล้าย ๆ กันนี้ ส่วนใหญ่จะบริหารจัดการได้ดี

และได้ผลตอบแทนที่เอาชนะตลาดได้อยู่พอสมควรเลยทีเดียวครับ แถมค่าธรรมเนียมกองทุนเองก็ไม่ได้แพงมากด้วยครับ

กองทุน AIA Thai Equity หรือ AIA-TEQ

กองทุนนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET100 หรือว่าหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด 100 อันดับแรกนั่นเองครับ แน่นอนว่าก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีทีเดียว และยังไม่ผันผวนมาก เนื่องจากมีการกระจายการลงทุนไปหลายมากขึ้นจาก SET50 ครับ และเท่าที่ผมเช็คมากองทุน Active Fund แบบนี้กลับมีค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการไม่แพงเลยครับ

คราวนี้เรามาดูกองทุนหุ้นอีกกองทุน ที่มีการกระจายความเสี่ยงมากกว่า 2 กองทุนแรกกันนะครับ นั่นก็คือ

กองทุน AIA Thai Equity Discovery หรือ AIA-THDIS

โดยกองทุนนี้จะกระจายลงทุนทั้งตลาด SET และ MAI ครับ นั่นก็หมายความว่ากองทุนนี้สามารถลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก และ ขนาดกลางได้ ซึ่งแน่นอนว่าพอมีการกระจายไปลงทุนในหุ้นเล็ก - กลางได้ ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตของหุ้นเหล่านี้

นอกจากนี้พอหุ้นที่มีให้เลือกมากขึ้นผู้จัดการกองทุนนี้ก็สามารถปรับพอร์ตหุ้นในกองทุนให้กระจายความเสี่ยงได้มากกว่า ช่วงไหนหุ้นเล็กไปได้ดีก็ทำการเลือกหุ้นเล็กมาลงทุน แต่ถ้าช่วงไหนที่หุ้นใหญ่ไปได้สวยก็จะทำการปรับพอร์ตไปทางหุ้นใหญ่ได้อีกด้วยครับ และแน่นอนว่าค่าธรรมเนียมในการจัดการก็ต้องบอกว่าไม่แพงอีกด้วย ถ้าหากเทียบกับกองทุนหุ้นจาก บลจ. อื่น ๆ ครับ

กองทุน AIA Income Fund หรือ AIA-IC

หลังจากที่เราคุยกันถึงกองทุนหุ้นกันไป 3 กองทุนแล้ว คราวนี้เรามารู้จักกองทุนที่มีความเสี่ยงไม่สูงมากเท่ากับกองทุนหุ้น พูดง่าย ๆ คือความเสี่ยงต่ำลงมาหน่อย นั่นก็คือกองทุนตราสารหนี้นั่นเองครับ

โดยที่กองทุน AIA-IC นี้จะเน้นไปที่ตราสารหนี้ชั้นดี หรือ Investment grade แต่ก็ไม่ทิ้งโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนดีไปด้วยการที่กองทุนนี้อาจจะมีการลงทุนผ่าน High Yield Bond ได้บางส่วนเพื่อช่วยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงมากขึ้นครับ และกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลคดวามเสี่ยงลง แต่ทั้งนี้นักลงทุนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนะครับ เนื่องจากกองทุนนี้มีการป้องกันความเสียงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วครับสบายใจได้

กองทุน AIA Short Term Fixed Income หรือ AIA-ST

สำหรับกองทุนสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด (เนื่องจากในอนาคตกองทุนจาก AIAIMT จะต้องมีออกมาอีกแน่ ๆ ) นั้นเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ไม่เกิน 1 ปี (ถ้านักลงทุนถือประมาณ 1 ปีโอกาสขาดทุนถือว่าน้อยมาก ๆๆๆๆๆ แล้วครับ) ซึ่งต้องบอกว่ากองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนที่ค่อนข้างจะมีความผันผวนต่ำมาก เพราะว่ากองทุนก็จะลงทุนแต่ตราสารหนี้ที่เป็น Investment grade เท่านั้น ไม่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง หรือความผันผวนมาก ๆ ครับ

เอาเป็นว่ากองทุนนี้เน้นลงทุนแบบปลอดภัย และเหมาะกับการกระจายความเสี่ยงเป็นอย่างดี และเนื่องจากอายุของตราสารเองก็ไม่ได้สั้นมากจนทำให้ผลตอบแทนที่จะได้รับนั้นต่ำเกินไปครับ

โดยสรุปผมคิดว่ากองทุนที่ออกมาใหม่นั้นมีความน่าสนใจ และ ในอนาคตนั้นก็จะมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากมีกองทุนต่างประเทศอีก 7 กองทุนมาร่วมด้วย ซึ่งถ้ามีกองทุนที่นโยบายหลากหลายก็สามารถเอามาไว้จัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างดีทีเดียวครับ

สำหรับผู้ที่สนใจกองทุนของ AIAIMT ก็สามารถติดต่อได้ที่ทาง AIA เลยนะครับ หรือสามารถสอบถามได้ที่โทร. 0-2353-8784 และเว็บไซต์ aiaim.co.th

แต่ทั้งนี้ก็ควรที่จะต้องอ่านนโยายการลงทุน และ กรมธรรม์ให้ดีก่อนจะซื้อทุกครั้งนะครับ ว่ามีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

วันนี้ผมหมอนัทประจำคลินิกกองทุนแห่งนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ

บทความนี้เป็น Advertorial