โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปแบบไม่คาดคิด จากผลกระทบของโควิดที่ผ่านมาทำให้เรารู้เลยว่าอะไรไม่แน่นอนเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป หลายคนต้องปรับมาทำงานแบบ Work From Home เป็นหลัก บางคนไม่คิดจะกลับไปออฟฟิศ ไปจนถึงบางคนต้องเปลี่ยนอาชีพและชีวิตไปเลย

ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงทำให้รู้ว่า ในมุมของการงาน ชีวิตต่าง ๆ เราต้องมีแผนการปรับตัวกันมากมาย เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในช่วงการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา และเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงข้างหน้าที่จะมาถึง

แต่ในมุมของการลงทุน เราอาจจะต้องปรับตัวตามสถานการณ์ให้ได้ด้วยเช่นกัน แต่ปัญหาที่หลายคนเจอในเรื่องนี้ ก็คือ แล้วจะปรับยังไงดี เพราะตอนนี้ก็เหนื่อยกับชีวิตเหมือนกัน ถ้าจะให้เราลงทุนแบบเรียนรู้ ติดตามทุกอย่าง จับตาสถานการณ์ทุกด้านอาจจะไม่ไหว

ดังนั้นสิ่งที่ต้องมองให้ออก คือ แนวโน้มของโลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงไป

ถ้าถามต่อว่า แล้วแนวโน้มอะไรที่กำลังจะมาในอนาคตบ้าง หลายคนอาจจะได้รับคำตอบแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้มักจะมีสิ่งที่หลายคนสังเกตเห็นร่วม ๆ กัน ว่าการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มนี้น่าจะเกิดขึ้น ซึ่งได้แก่

  • ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เพราะในอนาคตสิ่งแวดล้อมหรือธรรมาภิบาลจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องการรักษา รวมทั้งกิจการที่ดีที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก็จะถูกจับตา เพราะมาจากแนวคิดร่วมกันของบรรดาประชาคมโลก
  • ธุรกิจที่เป็นเทคโนโลยีและสุขภาพ อันนี้ก็คิดว่าเห็นกันแน่นอน จากโควิดที่ผ่านมา เทคโนโลยีกับสุขภาพมาคู่กันแน่ ๆ การเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่หลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ และยังมีโอกาสในการเติบโตระยะยาว
  • ธุรกิจที่เป็นมีพื้นฐานที่ดีและมีความแข็งแกร่ง เพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในทุกอุปสรรค และพร้อมรับการเติบโตในทุกโอกาส

หลายคนอาจจะนึกในใจว่า จะเปลี่ยนแปลงการลงทุนอะไรกันตลอด เหนื่อยเกินไปไหม แต่ถ้าเราลองจับ   เทรนด์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่คิดว่ามาแน่ ๆ และอยู่กับมันไปจนถึงเวลาที่สมควร และถ้าหากมีตัวช่วยอย่างการลดหย่อนภาษีไปด้วยกัน มันก็คงจะดีไม่ใช่น้อย เพราะได้ตั้งแต่การลงทุน ผลตอบแทน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบจบในตัวของมันเอง

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่าเราต้องวางแผนเกษียณเป็นแผนหลักในชีวิต และเรารู้แน่ ๆ ว่า วันเกษียณยังไงก็ต้องมาถึง วินัยในการเก็บเงินก็ต้องมี ถ้าอยากวางแผนลดหย่อนภาษีด้วย ก็ต้องนี่เลย กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

แต่สิ่งที่จำเป็นต้องตอบต่อ คือ แล้วแผนการลงทุนของเราเป็นแบบไหน ถ้าหากเราจะพาตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายและมีเวลาในระยะยาวพอ เราอาจจะหยิบแนวโน้มในอนาคตมาเป็นตัวช่วยในการวางแผนพอร์ตการลงทุนได้

อย่างทาง KTAM เอง เขาก็มีกองทุนที่ยึดตามแนวทางฮิต 3 ทางนี้ (ขอขายของหน่อยนะครับ) โดยจะเห็นว่ามีทั้ง กองทุน KT-ESG RMF (ธีมรักษ์โลกแบบยั่งยืนและธรรมาภิบาลที่ดี) กองทุน KT-HEALTHC RMF (ธีมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมด้านสุขภาพ) และ KT-WEQ RMF (ธีมการลงุทุนในหุ้นทั่วโลก) 

ดังนั้นถ้าใครมองว่าแนวโน้มของธุรกิจเหล่านี้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต และอยากการเตรียมแผนการลงทุนเพื่อรองรับการเกษียณไว้ล่วงหน้า เราสามารถเลือกลงทุนในกองทุนกลุ่มนี้ก็ได้ เพื่อตอบโจทย์ในการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ : ทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ความเสี่ยงจากการกระจุกตัวลงทุน และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ทั้ง 3 กองทุนมีนโนบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

แต่การลงทุนแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ในพอร์ตเดิมพอร์ตเดียวตลอดไป เพราะถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลง อะไรที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ เราก็พร้อมรับมือได้ โดยการใช้วิธีสับเปลี่ยนกอง RMF ที่ถืออยู่ เพื่อสร้างโอกาสการรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นได้เช่นเดียวกัน แต่ถ้าหากใครมั่นใจแนวทางอนาคตแบบนี้เป็นหลัก ก็จัดกันไปยาวๆ ได้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าสิ่งสำคัญ คือ การเรียนรู้ และปรับตัวเสมอ แม้ว่าเราจะไม่ใช่ผู้นำการเปลี่ยนแปลง แต่เราก็เตรียมพร้อมได้เช่นกัน โดยการทำความเข้าใจสิ่งที่เรากำลังลงทุน แนวโน้มต่างๆ ของโลกที่เปลี่ยนไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องกระโดดไปข้างหน้าให้ไกลกว่า ขอแค่เพียงมุ่งหน้าเดินไปด้วยกันก็พอแล้ว

ใครสนใจกองทุนทั้งหมดนี้ หรือ กองทุนอื่น ๆ ของทาง KTAM สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงไทย www.ktam.co.th หรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร 02 686 6100 กด 9

รายละเอียดเพิ่มเติม :

SSF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาวและ RMF เป็นกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ

สิ่งสำคัญที่นักลงทุนทุกท่านต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างแรกเลย ก็คือ

  • ความเข้าใจในลักษณะสินค้า
  • เงื่อนไขผลตอบแทน
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีรวมถึงการบริการ ที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน

หมายเหตุ :

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม/กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม

ส่วนนักลงทุนท่านไหนที่สนใจ เค้ามีให้ชำระผ่านบัตรเครดิต KTC หรือใช้คะแนน KTC FOREVER ทุกๆ 1,000 คะแนน แทนเงินลงทุน 100 บาท ได้ด้วยนะ โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ บลจ. กรุงไทยและบัตรเครดิต KTC กำหนด และยังสามารถลงทุนออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น KTAM Smart Trade ง่าย สะดวก ปลอดภัย อีกด้วย

ดาวน์โหลดเลยวันนี้ :

iOS: https://bit.ly/KTAMST

Android: https://bit.ly/KTST

บทความนี้เป็น Advertorial