หลังจากแนะนำโมเดลที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเงินต้นไปในบทความที่แล้ว มีเพื่อนๆหลายคนที่ให้ความสนใจในโมเดล พอร์ต 7 สี มณี 7 แสง และถามรายละเอียดเข้ามากันมากมาย ซึ่งขอสารภาพว่าผมตอบรายละเอียดได้ไม่ทันจริงๆ เลยขออนุญาตเขียนเป็นบทความเพื่ออธิบายแนวความคิดของแต่ละโมเดลออกมาเรื่อยๆก็แล้วกันครับ อดใจรอกันหน่อยน้า... (ใครที่ยังไม่ได้อ่านแนวความคิดของสองโมเดลรักษาเงินต้น >> คลิกอ่านที่นี่)

ในครั้งนี้เราขอพูดถึงแนวความคิดของการจัดพอร์ตการลงทุนที่เน้นรูปแบบของผลตอบแทนมากขึ้น แต่ผลตอบแทนอาจจะไม่สูงมาก เพราะยังเน้นเรื่องความมั่นคงอยู่ ซึ่งรูปแบบผลตอบแทนของโมเดลทั้งสองชนิดนี้คือ “INCOME MODEL” และ “EQUITY INCOME MODEL”  จะเป็นแบบคงที่ (Fixed income) และเงินปันผลรับ (Dividend) รายปี

ถ้าลงทุนไปเรื่อยๆจนสินทรัพย์มีมูลค่ามากขึ้น เงินลงทุนก็สามารถจ่ายผลตอบแทนรายปีที่มากพอ จนนักลงทุนสามารถใช้ผลตอบแทนเหล่านั้นกินอยู่ได้ทั้งปี ส่วนตัวเงินที่ได้รับนั้นจะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการลงทุนของแต่ละคนนะฮะ

ใครที่อยากมีรายรับจากการลงทุนในรูปแบบคล้ายๆการจ่ายเงินเดือนของบริษัท ลองพิจารณาโมเดลการจัดพอร์ตฯทั้งสองโมเดลนี้ก็ได้ แล้วจะรออะไรกันล่ะ!? ไปดูแนวคิดและวิธีการจัดสรรสินทรัพย์ของทั้งสองโมเดลนี้กันเลย !!!

INCOME MODEL

แนวความคิดของ Asset Model

INCOME MODEL ชื่อก็บอกอยู่ว่า เป็นโมเดลสำหรับการสร้างรายได้ รายได้ที่เหมือนกับเงินเดือนหรือค่าจ้างแบบคงที่ นั่นเอง เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างรายได้จากเงินลงทุนแบบ Passive Income พร้อมกับต้องการความมั่นใจว่า เราลงทุนแล้วจะได้รับผลตอบแทนแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในระยะเวลายาว

แล้วผลตอบแทนแบบงานประจำนี้มาจากไหน?

ผลตอบแทนของโมเดลเหล่านี้จะมาจาก ดอกเบี้ยรับของตราสารหนี้ และเงินปันผลจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นหลัก

ซึ่งความเสี่ยงจากการลงทุนจะมีมากขึ้น มากกว่าการฝากเงินในธนาคาร แต่ก็ไม่ได้เสี่ยงมากเพราะสินทรัพย์ที่ผมเลือกใช้จัดพอร์ตฯนั้นส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนในรูปแบบ Fixed Income อยู่แล้ว โมเดลนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่แสวงหารายได้ประจำจากเงินลงทุน โดยแลกความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้นั่นเอง

การจัดสรรสินทรัพย์ของ Asset Model

สัดส่วนใหญ่ 55% ของพอร์ต ผมเลือกใช้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงไม่เกินระดับ 4 ใน RISK SPECTRUM ซึ่งจะจ่ายรายได้เป็นดอกเบี้ยแบบ Fixed income ให้กับนักลงทุน อีก 35% ลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีอัตราการจ่ายปันผล แต่มีความผันผวนตามช่วงเวลาบ้าง

-เงินฝากออมทรัพย์ / กองทุนรวมตลาดเงิน สัดส่วน  10%

-พันธบัตรรัฐบาล / กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล สัดส่วน 25%

-หุ้นกู้ภาคเอกชน / กองทุนรวมตราสารหนี้ สัดส่วน 20%

-กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สัดส่วน 35%

-กองทุนรวมในตราสารแห่งทุน (เน้นการปันผล) สัดส่วน 10%

จะเห็นว่าสัดส่วนสินทรัพย์ที่เยอะที่สุดของโมเดลนี้  35% จะอยู่ในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ จัดอยู่ในความเสี่ยงระดับ 7 ซึ่งเป็นการลงทุนในอุตสาหากรรมพิเศษ มีความเสี่ยงเฉพาะตัวของมันอยู่ ผลตอบแทนจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ถือว่าไม่น้อย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5-7% ต่อปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง แต่ลักษณะการจ่ายผลตอบแทนของมันค่อนข้างจะคงที่

เรียกได้ว่า มีความผันผวนของอัตราผลตอบแทนอยู่ในการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ ส่วนจะได้อัตราผลตอบแทนเท่าไหร่นั้น นักลงทุนต้องคอยศึกษาและติดตามอย่างสม่ำเสมอนะครับ

ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่สามชนิดรวมกัน 55% ทั้ง กองทุนรวมตลาดเงิน ตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน ขอให้เน้นในกองทุนรวมตราสารหนี้ ที่มีนโยบายลงทุนกับตราสารที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่เลือก Junk bond หรือตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตสูง อย่างเช่น Non-rated B/E เข้ามาอยู่ในพอร์ตลงทุน

ถึงแม้จะได้ผลตอบแทนน้อยแต่สม่ำเสมอ เราก็อุ่นใจกว่าเห็นๆ

อีก 10% ที่เหลือ ให้เลือกลงทุนในกองทุนรวมในหุ้น ที่มีนโยบายปันผลอย่างต่อเนื่อง โมเดลนี้ไม่ต้องการการเติบโตของ NAV มากนัก (แต่ถ้าโตได้ด้วยก็ดีนะ 55555) เน้นการรับรายได้จากเงินปันผลมากกว่า

เป้าหมายและผลตอบแทนของ Asset Model

เมื่อคำนวณผลตอบแทนที่คาดหวังของโมเดลนี้ออกมา Base Case ที่น่าจะได้ก็คือ 5.45% ต่อปีโดยเฉลี่ย ส่วนกรอบความผันผวนจะอยู่ระหว่าง 0.51% ถึง 10.40% ต่อปี มีโอกาสขาดทุนอยู่พอสมควร เพราะลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างกองทุนรวมในหุ้น และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมกันเป็นสัดส่วน 45% ของพอร์ตฯ

ถ้านำเงิน 1 ล้านบาท ไปลงทุนด้วยโมเดลนี้ ในเดือนมีนาคม 2007 จนถึงเดือน มีนาคม 2017 (ระยะเวลา 10ปี) เงิน 1 ล้านบาทจะกลายเป็น 1,753,887 บาท หรือได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.53% ต่อปี ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในกรอบที่คาดไว้ และได้ผลตอบแทนมากกว่า Base Case ที่คาดไว้ 2% ต่อปี

แต่นั่นเป็นเพียงข้อมูลในอดีต และผลตอบแทนทั้งหมด ผมคิดจาก Benchmark ของสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งจะรวมทั้งเงินปันผล อัตราดอกเบี้ยรับ และ Capital Gain ด้วย

ผมอยากให้เพื่อนๆเข้าใจแนวความคิดว่า โมเดลนี้เราออกแบบมาเพื่อ “รายรับประจำ” เป็นหลัก โฟกัสไปที่กระแสเงินสดที่เข้ามาในแต่ละปีจะดีกว่า สมมติลงทุน 1 ล้านบาท ได้รายรับจากดอกเบี้ยและเงินปันผล 5% ต่อปี แปลว่าได้รายรับเข้ามาปีละ 50,000 บาท ตกเดือนละ 4,167 บาท

ถ้าใครอยากมีรายรับมากกว่านี้ ให้ลงทุนสะสมไปเรื่อยๆนะ ใช้เวลากันหน่อย แล้ววันนึงเราจะได้เครื่องจักรผลิตเงินแบบมั่นคงจากการลงทุนในพอร์ตนี้นี่เองงงง !!!

EQUITY INCOME MODEL

แนวความคิดของ Asset Model

ถ้าโมเดลที่พูดถึงข้างต้น ยังให้ผลตอบแทนไม่สะใจพอ ลองมาดูโมเดล EQUITY INCOME ที่จะช่วยสร้างรายรับจากผลตอบแทนได้สูงกว่าแบบแรก เพราะเน้นเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นเน้นๆ!!! ส่วนรายรับแบบ Fixed income ที่เป็นดอกเบี้ย ใส่เข้ามาในพอร์ตเพื่อไม่ให้ผลตอบแทนของมันผันผวนมากจนเกินไป