บทความครั้งก่อน ผมบอกถึงวิธีการดูว่าเมื่อไหร่มีสัญญาณว่าดอกเบี้ยจะขึ้นนะครับ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) มีประชุมนโยบายการเงิน ก็ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ 1.50% นักวิเคราะห์หลายฝ่ายก็เริ่มเชื่อลึกๆแล้วว่า หลังจากนี้ กนง.อาจจะไม่ใช้ดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือในการบริหารและกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งที่ผ่านมา แทบจะไม่มีผลอะไรให้เศรษฐกิจไทยดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และอีกเรื่องก็คือ ราคาน้ำมันเริ่มปรับขึ้นจากจุดต่ำสุด ทำให้ราคาสินค้าอื่นๆในประเทศปรับสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และปีหน้า กนง. จึงมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย เพื่อปรับสมดุลระหว่างอุปสงค์-อุปทานในตลาด ดังนั้น เรามาว่ากันต่อว่า สมมติ ถ้าเราใกล้จะเจอดอกเบี้ยขาขึ้นจริงๆ แล้วเราควรจะลงทุนอะไรกันดี?

และนี่คือ  3 กลยุทธ์การลงทุนที่คุณควรจับตามองไว้ในครึ่งปีหลังครับ

หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)

Cyclical Stock คือ หุ้นที่ได้รับอิทธิพลจากวัฏจักรเศรษฐกิจโดยตรง (Economic Cycles) กลุ่มธุรกิจนี้ยอดขายและกำไรจะเติบโตและหดตัวไปพร้อมกับวงจรเศรษฐกิจในภาพใหญ่ พูดง่ายๆก็คือ ถ้าเศรษฐกิจดี ยอดขายและกำไรก็เพิ่มมากขึ้น หากเศรษฐกิจแย่ กำไรก็ลดลงตาม หรือขาดทุน ก็เป็นไปได้ กลุ่มธุรกิจที่ว่านี้ ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มสายการบิน วัสดุก่อสร้าง เครื่องประดับ ท่องเที่ยว รวมถึง ร้านค้า ร้านอาหาร

ถ้าถามว่า แล้วหุ้นพวกนี้ ดียังไงถ้าดอกเบี้ยขึ้น?

คำตอบคือ ถ้าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ ธนาคารกลางของประเทศไหนๆ กล้าเริ่มขึ้นดอกเบี้ย ในภาวะที่มีอัตราเงินเฟ้ออ่อนๆ นั่นแปลว่า ต้องมั่นใจในเศรษฐกิจตัวเองว่าฟื้นได้แน่ครับ และเมื่อเศรษฐกิจฟื้น กำลังฟื้นของผู้บริโภคจะกลับมา ดังนั้น Cyclical Stock จะได้รับประโยชน์แน่นอน

หุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน (Financial Stocks)

จริงๆ กลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยเต็มๆครับ เพราะพอร์ตสินเชื่อของธนาคารที่เป็นระยะยาว ส่วนใหญ่จะปล่อยกู้เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) ในขณะที่ฝั่งเงินฝาก เราจะเห็นว่า ดอกเบี้ยเงินฝากจะถูกกำหนดระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยชัดเจน นั้นแปลว่า สมมติดอกเบี้ยในตลาดขึ้นปั๊บ ดอกเบี้ยเงินกู้จะขึ้นตามทันที ในขณะที่ขาเงินฝากซึ่งเป็นต้นทุนของธนาคารนั้นยังไม่ปรับตัวขึ้นตามจนกว่าเงินฝากประจำนั้นๆจะครบกำหนด รวมถึงหุ้นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ก็จะดีตาม เพราะการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงแรกๆของรอบการขึ้น นักลงทุนมักจะตีความว่า เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวพอที่จะรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแล้ว ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นจะกลับมาคึกคัก และมีมูลค่าการซื้อขายในตลาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงแรกของการขึ้นดอกเบี้ยครับ

ตราสารหนี้จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate Bond/ Floating Rate Note หรือ FRN)

FRN นั้น ชื่อก็บอกแล้วว่า อัตราดอกเบี้ยลอยตัว คำว่าลอยตัวนี่หมายถึง ขึ้นก็ได้ ลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในตลาด โดยจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในวันที่กำหนดดอกเบี้ยใหม่ ซึ่งแล้วแต่ว่า ผู้ออก จะกำหนดระยะเวลาอย่างไร เช่น ทุกๆ 3 เดือน หรือ 6 เดือน ก็ว่ากันไป การลงทุนใน FRN นี่นักลงทุนสถาบันนิยมกันมากนะครับ เพราะไม่ต้องไปต่อตั๋ว หรือไม่ประมูลตั๋วเงินคลังระยะสั้นบ่อยๆ ดังนั้นถ้าดอกเบี้ยในตลาดเป็นขาขึ้น แน่นอนว่า FRN หรือ ตราสารหนี้่จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว ก็จะให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินเยอะ และไม่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงครับ

ถ้าดูหุ้น 2 กลุ่ม (Cyclical Stock และ Financial Stock) ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง เป็นที่หนักใจกับแมงเม่าตัวน้อยๆที่ถือติดพอร์ตไว้ หรือบางคนก็เพิ่งเข้าไปช้อนในตอนที่เห็นว่ามันถูก (แต่ก็ถูกกว่าไปเรื่อยๆ) ไม่เป็นไรครับ ผิดแล้วก็แล้วไป มาเริ่มกันใหม่ ถ้าใครเข้าลงทุนเพราะศึกษาพื้นฐานมาดี มั่นใจในหุ้นที่เราลงทุนว่าฝากผีฝากไข้ได้ในระยะยาว ผมก็แนะนำว่า ถือไปเถอะครับ มีเงินก็ทยอยทำ DCA หรือวิธีการทะยอยซื้อหุ้น ไปเรื่อยๆ ถึงเราเลือกหุ้นผิดเวลา แต่ถ้าถูกตัว (หมายถึงเป็นหุ้นดีจริงๆ) ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

ใครยังไม่ได้คิดถึง 3 กลยุทธ์ที่ให้ในวันนี้ ถ้าดอกเบี้ยสหรัฐฯขึ้นจริงปลายปีนี้ แล้วทั่วโลกต้องขึ้นดอกเบี้ยตามจริงๆละก็ ลองไปชำเลือกมองกันไว้หน่อยก็ดีนะครับ