“พี่มาจากครอบครัวที่ยากจน บ้านอยู่สลัมซอยนานา ใช้ชีวิตแบบเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เสิร์ฟอาหาร , ขายไม้ขีด , รับจ้าง กระเป๋ารถเมล์ก็เคยเป็น ทำทุกอย่าง"

บทสัมภาษณ์หนึ่ง จาก คุณพชร์ อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

ในรายการ aomMONEY Inpired


ถ้าพูดถึงชื่อ "พชร์ อานนท์" เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเจ้าของชื่อนี้กันเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่ผลงานอย่างต่อเนื่องมายาวนานเกือบ 30 ปี และสร้างผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น หอแต๋วแตก , หลวงพี่แจ๊ส 4G , สตรีเหล็ก และอื่นๆ อีกมากมาย คุณพชร์ ก็อาจจะเป็นผู้กำกับหนังไทยคนแรกและคนเดียวที่มีกระแสคนด่าหรือแอนตี้มากที่สุดเมื่อขยับตัวในโลกโซเชียล แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะยังมีอีกมุมหนึ่ง ที่หลายคนอาจจะมองข้ามชีวิตของผู้กำกับหนังไทยคนนี้

พชร์ อานนท์ มีชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

เคยบ้านจน อยู่ในสลัม ทำงานหนัก ก่อนที่จะก้าวมาถึงจุดนี้

และนี่คือบทสัมภาษณ์เรื่องราวเส้นทางชีวิตทั้งเรื่องเงิน งาน และแนวคิดของ พชร์ อานนท์ ที่ทีม aomMONEY Inspired นำมาฝากเพื่อนๆ ครับ

ชีวิตก่อนจะมาเป็นผู้กำกับหนังร้อยล้านทำอะไรมาบ้าง?

พชร์ อานนท์ :พี่มาจากครอบครัวที่ยากจน บ้านอยู่สลัมซอยนานา ใช้ชีวิตแบบเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เสิร์ฟอาหาร , ขายไม้ขีด , รับจ้าง กระเป๋ารถเมล์ก็เคยเป็น ทำทุกอย่าง ได้เงิน เดือนละ 600 ถึง 800 บาท พอจบ ม.6 เราจะเรียนมหาลัย เราไม่มีตังค์ ก็เลยเลือกเรียนที่รามคำแหง จากนั้นก็มีคนชวนเราไปถ่ายแบบ ชีวิตเราก็เลยเริ่มเปลี่ยนไป พอทำไปสักพัก รู้สึกว่าเราไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ เลยขอเขาทำงานอื่นได้ทำเป็น Fashion Stylist ถ่ายโฆษณาลงหนังสือ ทำอยู่ 2 ปี ตอนนั้นบก.บริหารลาออกพอดี ทางเจ้านายก็เลยให้เราขึ้นเป็นบก.แทน ตอนนั่นก็อายุ 19 ก็ได้เป็นบรรณาธิการบริหารของนิตยสารเธอกับฉัน เงินเดือน 14,000 บาท ทำหนังสือพจน์ อานนท์ คือทำทั้งหมด 7 หัวหนังสือ ไปๆ มาๆ ก็เลยกลายเป็นที่มาของชื่อที่ทุกคนเรียกกัน “พจน์ อานนท์”

เลื่อนขั้นสู่การเป็นผู้กำกับหนังได้อย่างไร?

พชร์ อานนท์ :  ประมาณ พ.ศ.2535-2536 พี่ก็เริ่มมีเด็กในสังกัด ที่ดังๆ ในตอนนั้นก็มี “มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์” กับ “เต๋า สมชาย เข็มกลัด” เขามาขอเด็กเราไปเล่นหนัง เราก็ให้ไปเล่น พี่ก็ไปเยี่ยมที่กองถ่าย ไปดูว่าเขาถ่ายยังไง จัดแสง วางกล้องกันยังไง  พี่เป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่มัธยมดูมาทุกเรื่อง เพราะบ้านอยู่แถวพระโขนงเธียเตอร์ , พระโขนงรามา พี่รู้สึกว่าพี่ไม่ได้ไปดูเพื่อความสนุก พี่ไปดูเพื่อเรียนรู้ว่าเขาทำกันยังไง พอมีโอกาสได้ไปข้างหลังกองถ่าย ระหว่างที่เขาถ่ายกัน พี่ก็ไปดูว่าเขาถ่ายกันยังไง เรียนรู้อยู่ 2 ปี พ.ศ.2537 ทางค่าย Five Star คุณเชนกับคุณอ้วนก็เรียนเข้าไปคุยว่า สนใจอยากเป็นผู้กำกับไหม? เราก็ถามทำไมกล้าให้เราทำ เขาตอบว่าเราเป็นผู้กำกับได้ ตอนนั้นผู้กำกับเก่าๆ ต่อต้านมาก แต่เจ้าของบริษัทเขาให้ทำ ลองไปหาเรื่องดูอยากทำเรื่องไหนบอกเขาช่วยเต็มที่ ก็เลยเป็นผู้กำกับ เรื่องแรกที่เริ่มถ่ายคือเรื่อง “สติแตกสุดขั้วโลก”

หนังเรื่องแรกที่ทำรายได้เท่าไหร่?

พชร์ อานนท์ :  สติแตกสุดขั้วโลก ตอนนั้นมันก็จะเป็นหนังที่แปลกแหวกแนว พอฉายน่าจะปี พ.ศ. 2538 ตอนนั้นกลายเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดของปีนั้น น่าจะเกือบ 50 ล้านบาท 50 ล้านในปี 2538 นี่เกือบ 100 ล้านสมัยนี้เลยนะ

ทำหนังเรื่องแรกก็ประสบความสำเร็จเลย รู้สึกอย่างไร?

พชร์ อานนท์ :  เราก็รู้สึกดีใจที่หนังเรื่องแรกเราประสบความสำเร็จ การเป็นผู้กำกับของเรา เราใช้วิธีศึกษาเลย ไปเรียนหนังสือเราก็จะอยู่แต่ในห้อง จะรู้แต่ทฤษฎี แต่ปฎิบัติเราไม่รู้ ถ้าเราไปอยู่กับกองถ่ายเนี่ยเราจะรู้ว่าปฎิบัติทำยังไง ช่วงแรกๆ เสียงวิจารณ์ด่ากันเยอะ แต่เราก็ไม่ได้สนใจ หนังไทยถ้าจะเป็นหนังดีนะ ต้องเป็นหนังทำเงิน คือหนังดีแต่ไม่สร้างเงิน เขาไม่ค่อยพูดถึงกัน หนังที่ทำเงินสูงสุดยอดเยี่ยมเขามีรางวัลให้ หนังดีเนี่ยก็ให้รางวัล แต่มันไม่มีคนดู

แล้วอาชีพผู้กำกับหนัง "พชร์ อานนท์" มองว่ารวยไหม?

พชร์ อานนท์ :  ถ้าเราทำแล้วรู้จักใช้เงิน เซฟเงิน มันก็รวยนะ เราทำงานมาเกือบ 32 - 33 ปี เราก็มองว่ามันก็รวยได้ถ้ารู้จักประหยัด แต่ผู้กำกับจริงๆ ส่วนใหญ่จะไส้แห้ง อย่างของพี่เนี่ย พี่ไม่ได้เป็นผู้กำกับอย่างเดียวไง พี่เป็นบรรณาธิการนิตยสารเธอกับฉันด้วย ก็เลยมีเงินเก็บ ตอนหลังมาเป็นพิธีกรอีก เลยมีเงินเก็บมาเรื่อยๆ รวมๆ แล้วถ้าถามว่าอาชีพผู้กำกับทำเป็นอาชีพได้ไหม ก็ทำได้ แต่ถามว่ารวยไหม มันก็แล้วแต่คน

อยากรู้ตัวเลขรายได้ผู้กำกับหนังไทย

พชร์ อานนท์ :  หนังเรื่องแรกพี่ได้ประมาณ 3-4 แสน ถ้าดังหน่อยจะ 5-6 แสน มันจะไม่มากไปกว่านั้นแล้ว แต่เขาจะมีเปอร์เซ็นให้เรา พี่ก็ได้เยอะอยู่เหมือนกัน เพราะหนังพี่ทำเงินเกือบทุกเรื่อง

หนังตลก คือ หนังทำเงิน?

พชร์ อานนท์ : ทุกคนชอบหนังตลก แต่จริงๆ พี่เป็นผู้กำกับหนังดราม่า แต่ด้วยรายได้ที่ได้มา นายทุนเลยให้พี่ทำแต่หนังตลกเรื่อยๆ แล้วคนที่ทำให้พี่เป็นผู้กำกับหนังกะเทยก็คือคนดู เพราะทำหนังดราม่ามาก็ไม่ดูกัน แต่ทำหนังตลกดู พี่ก็เคยทำหนังดราม่าหนักๆ ได้รางวัลก็มีแล้ว แต่พอมานั่งคิดดู รางวัลก็เอาไปทำอะไรไม่ได้ งั้นเอาเงินดีกว่า เราก็มาจับจุด “หอแต๋วแตก” ก็เลยเกิดขึ้น ประสบความสำเร็จ 60 ล้านในสมัยนั้นมันก็เยอะ นายทุนเขาเอาเงินมาให้เรา 20 ล้าน เขาก็อยากได้กำไรไง ใครเขาจะอยากขาดทุน เสนอหนังดราม่าไปไม่ผ่าน พอเสนอหนังตลกไป อ้าวผ่าน.. ทำไงได้เรามีลูกน้องต้องเลี้ยงไง

หนังที่สร้างรายได้มากสุด

พชร์ อานนท์ : ก็หลวงพี่แจ๊ส 4G ทำได้เยอะที่สุด รวมทั้งประเทศก็ 500 กว่าล้าน ตระกูลหอแต๋วแตกก็รองลงมา

ทำอย่างไรถึงอยู่ในวงการหนังไทยได้เกือบ 30 ปี

พชร์ อานนท์ : ทำไมพี่ถึงอยู่ทำหนังได้นานขนาดนี้  เพราะพี่เอานายทุนเป็นหลัก แล้วตอบโจทย์นายทุน นายทุนอยากได้หนัง เราก็ทำให้ พอหนังมันได้เงิน เราก็ได้ทำหนังต่อ ผู้กำกับหนังไทยคนไหนทำหนังเจ๊งก็จะไม่ได้ทำหนังต่อ ผู้กำกับมันถึงได้หายไปเรื่อยๆ ไง เพราะเขาเอาแต่ความคิดของเขาเป็นหลัก เราทำหนังเนี่ย เราต้องเอาคนดูเป็นหลักว่าเขาอยากได้อะไร แล้วเอามาใส่ในหนัง

เวลาเสนอหนังให้นายทุน พชร์ อานนท์ ทำอย่างไร?

พชร์ อานนท์ : เราก็ไปเสนอนายทุนเลยว่าอยากทำเรื่องนี้ แบบนี้ๆ เอาไหม เราพูดปากเปล่านี่แหละ คือเราเป็นคนที่พูดแล้วทำตามที่เราพูดได้ไง ที่คนมันมีปัญหากัน คือ พูดฟุ้งแล้วทำตามที่พูดกันไม่ได้ แต่พี่ทำได้พี่เป็นคนพูดตรงๆ ถ้าเขาไม่เอาเราก็คิดเรื่องใหม่แค่นั้น

สร้างการตลาดด้วยการใช้คนเป็นกระแสมาแสดงหนัง จริงไหม?

พชร์ อานนท์ :  ไม่ใช่น้อง พี่สงสารเขา ถึงเอามาเล่นให้เขาได้มีเงิน แล้วมันอยู่ที่เจตนาพี่ด้วยไง ยกตัวอย่างเรื่องหลวงพี่แจ๊สเนี่ย ทุกคนก็ยังด่าพี่อยู่ทำไมถึงเอาน้องปืนมาเล่น ที่พี่คิดก็คือเอาเขามารับเชิญให้คนชมได้รับรู้ว่า เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงในสังคมไทย แล้วเราก็เอาพระเข้ามาสอน เจตนาของเราจริงๆ คือต้องการอย่างนี้ และถ้าเราเอาคนอื่นมาเล่นมันก็ไม่น่าสนใจเท่ากับเอาตัวเขามา

คนไม่ชอบเยอะ?

พชร์ อานนท์ :  เราก็ทำงานของเราไป เขาจะด่า มันก็เป็นสิทธิ์ของเขา อยู่ดีๆ คุณมาด่าผม รู้ไหมกว่าจะได้หนังมาเรื่องหนึ่งมันไม่ใช่ง่ายๆ

ช่วงชีวิตที่ยากที่สุด

พชร์ อานนท์ :มันหนักมาตลอดทั้งชีวิตแหละ ตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยหยุดเลย ตั้งแต่อายุ 19 จนถึงปัจจุบันเนี่ย เราก็รู้สึกว่าเราก็ต้องสู้ต่อไป แล้วเราก็จะไม่ยอมลำบากอีกแล้ว

อยากให้คนจำ “พชร์ อานนท์” แบบไหน?

พชร์ อานนท์ : ถ้านึกถึงพชร์ อานนท์ มันก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบพี่ การที่หนังเราได้เงิน 50 ล้าน 100 ล้านเนี่ย มันไม่ใช่ใช้คนแค่สิบยี่สิบคน แล้วแต่เลยว่าเขาจะนึกถึงยังไง แต่พี่ก็คือผู้กำกับที่ทำมาหากิน เลี้ยงดูลูกน้อง 30-40 ชีวิตคนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้วิเศษวิโสไปกว่าคนอื่น ถ้าถามว่าทำไมถึงมีงานกำกับหนังเยอะ ก็เพราะว่าเราสื่อสัตย์ต่อหนังของเรา มันก็เลยมีคนจ้างเราทำหนังบ่อยๆ มันก็คือ “พชร์ อานนท์” นี่แหละ


และนี่คือเรื่องราวชีวิตเรื่องเงินและงานของ "พชร์ อานนท์"ผู้กำกับหนังที่อยู่คู่กับวงการภาพยนตร์ของไทยเรามาเกือบ 30 ปี เห็นมั้ยครับ แม้แต่คนที่อยู่ในวงการก็เคยมีชีวิตที่ลำบากมาก่อน คนที่จะประสบความสำเร็จได้ คือ คนที่ต่อสู้และไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิต

ถ้าเพื่อนๆ อ่านบทความนี้แล้วชื่นชอบ อย่าลืมช่วยแชร์กันนะครับ ส่วนใครที่อยากดูรายการสัมภาษณ์แบบวีดีโอ สามารถคลิกเข้าไปชมได้ที่ด้านล่าง 

รฐาพัชร์ ตุลยพิทักษ์ (บรรณาธิการ)

ทีม aomMONEY Inspired

https://youtube.com/watch?v=Hu79HZhduQM%3Fwmode%3Dopaque

คลิกชมวีดีโอ

ช่องทางติดตาม aomMONEY INSPIRED

Facebook : คลิก

Youtube : คลิก

Twitter : คลิก

Instagram : คลิก