การกระจายความเสี่ยงคือเรื่องสำคัญมากในปัจจุบัน

ยิ่งสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดไปทั่วโลก ก็ยิ่งทำให้นักลงทุนเห็นถึงความสำคัญของการกระจายความเสี่ยงมากเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าใครที่ลงเงินทั้งหมดไปกับตลาดหุ้น จะต้องพบเจอกับช่วงเวลาอันโหดร้ายที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงไปสูงสุดถึงกว่า 30% เลยทีเดียว

ลองคิดเล่น ๆ ว่า แทนที่นักลงทุนจะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งแล้วเจอความเสี่ยงแบบเต็ม ๆ มันน่าจะดีกว่าถ้าได้จัดสรรเงินออกเป็นส่วน ๆ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงต่อสินทรัพย์ใดมากเกินไปนัก และถ้าจะให้ดีที่สุด การกระจายความเสี่ยงเหล่านั้นควรจะปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วย

หรือจะเรียกว่า "ลงทุนถูกที่ สร้างโอกาสที่ดีเสมอ" ก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม การกระจายความเสี่ยงมันก็มีข้อจำกัดของมันอยู่ ปัจจัยสำคัญคือถ้าเงินทุนของนักลงทุนไม่ได้สูงนัก การจะกระจายเงินลงทุนไปใส่ในหลาย ๆ สินทรัพย์จึงอาจเป็นเรื่องยุ่งยากไม่น้อย และยิ่งยากเข้าไปใหญ่ถ้าจะปรับพอร์ตบ่อย ๆ ให้ทันต่อสภาวการณ์ลงทุนอันผันผวน

แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นจะหมดไป เพราะตอนนี้ธนาคารเกียรตินาคินภัทร หรือ KKP มีตัวช่วยในการ Optimise ให้กับนักลงทุนแล้ว

นักลงทุนหลายคนอาจคุ้นเคยกับชื่อของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) อยู่บ้าง ในฐานะที่บริษัททั้งสองนี้เป็นสถาบันการเงินชั้นนำของไทย ก่อนที่จะร่วมกิจการกันในปี 2555 และเปลี่ยนชื่อเป็น ธนาคารเกียรตินาคินภัทร เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา

หลังจากที่ร่วมกิจการกันแล้ว เกียรตินาคินภัทรจึงกลายเป็นสถาบันการเงินที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก และยังคงความเชี่ยวชาญในสองธุรกิจ ทั้งบริการทางการเงินของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน เชี่ยวชาญในการพาบริษัทขนาดใหญ่เข้าไปจดทะเบียนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และนำเสนอบริการทางด้านการลงทุนเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละราย ผลจากการร่วมกิจการครั้งนั้น ทำให้เกียรตินาคินภัทรมีเครื่องมือทางการลงทุนไว้ตอบสนองลูกค้าอย่างหลากหลาย และพร้อมในทุกสภาวะการลงทุน

จุดเด่นนี้เอง ทำให้เราอยากแนะนำพอร์ตการลงทุนในกลุ่ม PHATRA SG-AA ด้วยจุดเด่นสำคัญคือ เป็นพอร์ตการลงทุนที่ "ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสภาวการณ์ลงทุน โดยทีมที่ปรึกษาการลงทุนมืออาชีพ ของ บลจ.เกียรตินาคินภัทร" ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ให้กับนักลงทุนที่ไม่ได้ติดตามข้อมูลสม่ำเสมอ

PHATRA SG-AA จะมีพอร์ตการลงทุนในกลุ่มนี้แบ่งออกเป็น 4 พอร์ตด้วยกัน ได้แก่

1) PHATRA SG-AA ULTRA LIGHT

พอร์ตนี้จะเป็นพอร์ตการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่ตราสารทุน ตราสารหนี้ ตลอดจนสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ

โดยพอร์ต PHATRA SG-AA ULTRA LIGHT เพิ่งเปิดขายเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2563 ที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นคือการกระจายความเสี่ยงที่หลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง

2) PHATRA SG-AA LIGHT

พอร์ตนี้จะคล้ายคลึงกับ PHATRA SG-AA LIGHT แต่จุดที่ต่างออกไปคือ เรื่องนโยบายการลงทุนที่เน้นตราสารหนี้ประมาณ 51% ตราสารทุนในประเทศและต่างประเทศรวมประมาณ 24% ตราสารทางเลือกประมาณ 10% เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัยพ์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ น้ำมัน และที่เหลือเป็นส่วนของเงินสดเพื่อสภาพคล่องของกองทุน โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงค่อนข้างสูง

3) PHATRA SG-AA

พอร์ตการลงทุนที่ลงทุนต่อในพอร์ตการลงทุนที่ชื่อ PHATRA SG-AA อีกต่อหนึ่ง พอร์ตดังกล่าว ตราสารหนี้ประมาณ 30% ตราสารทนในประเทศและต่างประเทศรวมประมาณ 50% ตราสารทางเลือกประมาณ 15% เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นญาน ทองคำ น้ำมัน และที่เหลือเป็นส่วของเงินสดเพื่อสภาพคล่องของกองทุน โดยในปีที่แล้วพอร์ตการลงทุนนี้ให้ผลตอบแทนที่ 8.25%

4) PHATRA SG-AA Extra

พอร์ตนี้มีการจัดสรรเงินลงทุนคล้ายกับพอร์ต PHATRA SG-AA Extra เน้นลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 5% ตราสารทุนในประเทศและต่างประเทศรวมประมาณ 76% ส่วนที่เหลือเป็นตราสารทางเลือกประมาณ 15% เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทองคำ น้ำมัน และที่เหลือเป็นส่วนของเงินสดเพื่อสภาพคล่องของกองทุน โดยกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงมาก

เรียกได้ว่า พอร์ตการลงทุนทั้ง 45 แบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนแต่ละกลุ่มได้อย่างน่าสนใจ มีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทที่แตกต่างกัน ภายใต้การแนะนำและดูจากผู้เชี่ยวชาญ ตามความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจอีกด้วย

หรือถ้านักลงทุนท่านใดสนใจลงทุนกับพอร์ตเหล่านี้เป็นเงินลงทุนเริ่ม เริ่มต้นที่ 500,000 บาทขึ้นไป ทางเกียรตินาคินภัทรยังมีบริการทางด้านการเงินพิเศษให้อีกด้วย คือบัญชีออมทรัพย์ KKP Smart Growth ช่วยต่อยอดความมั่งคั่งให้กับคุณ พร้อมรับดอกเบี้ยอัตราพิเศษสูงสุด 1.20% ต่อปี รับข้อมูลข่าวสารการลงทุนแบบ Exclusive รวมถึงการเข้าร่วมสัมมนาทางการเงินหลักสูตรพิเศษได้ก่อนใคร

ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ใครที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://kkpbank.com/heZZn หรือสอบถาม KKP Contact Center โทร 02-165-5555 

ลงทุนศาสตร์

บทความนี้เป็น Advertorial