“หนี้ของผม มันเริ่มจาก...ความมั่นใจในตัวเองของผมที่มากเกินไป”

- คุณรุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร -

คุณรุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร เป็นบรรณาธิการข่าวของทีวีดิจิทัลช่องหนึ่ง เขาสามารถหารายได้เดือนละ 3-4 แสนบาท จากการรับจ้างทำงาน 3-4 งาน ด้วยความที่สามารถหารายได้ต่อเดือนได้สูงกว่ามนุษย์เงินเดือนธรรมดาทั่วไป ทำให้คุณรุ่งโรจน์มีความมั่นใจว่าจะทำงานทุกอย่างได้ โดยไร้อุปสรรค

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็พลาด....

วันนี้คอลัมน์ aomMONEY INSPIRED ขอนำเสนอเรื่องราวหนี้ 3 ล้าน และวิธีการปลดหนี้ของคุณรุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร ผ่านบทสัมภาษณ์นี้ครับ

รับงานครั้งแรกสู่การเป็นหนี้นอกระบบ

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : มีบริษัทหนึ่งที่เป็นรุ่นพี่ของผมไปประมูลงานผลิตสื่อให้กับทีวีราชการช่องหนึ่ง แล้วก็มาจ้างผมให้เป็นผู้ดำเนินการผลิต ผลิตข่าวหนึ่งชั่วโมง ผมรู้มาว่าเขาประมูลงานนี้มาประมาณ 5 ล้าน ผมก็มานั่งคิดว่าทำไมเราไม่ไปทำบ้างในเมื่อเราทำได้ แค่หาทีมงานเพิ่มที่เป็นช่างภาพ, นักข่าว ซึ่งจะมาทำบริษัทเอง แต่มันติดเงื่อนไขต่าง ๆ มากมาย เราเลยไปเช่าหัวบริษัทอื่นเพื่อมารับงานราชการ

พลาดเพราะเราไม่มีประสบการณ์ทำงานกับหน่วยงานราชการ

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : ตอนนั้นงานงบประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งเราไม่เคยรู้เลยว่าหน่วยงานราชการเบิกจ่ายงบประมาณช้ามาก ตอนเริ่มทำเราก็คิดว่า ทำไปหนึ่งเดือนเขาจะจ่ายเงินให้เรา ซึ่งค่าใช้จ่ายตก 2-3 แสนบาทต่อเดือน เราก็ไม่มีเงินทุนเลย จึงเริ่มยืมจากเพื่อนก่อนแล้วจะคืนอีกเดือน จนหมดเดือนเงินก็ยังไม่ได้ เราก็เลยเดินทางผิด ไปยืมเงินหนี้นอกระบบ

เป็นหนี้นอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 20

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : ผมยืมมา 4 แสนบาท เพื่อที่จะมาหมุนเวียนในธุรกิจ โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือ 8 หมื่นบาท จนถึงอีกเดือนหนึ่งเงินที่รอการเบิกจ่ายงบประมาณก็ยังไม่ได้ ผมไปหากู้หนี้อีกเจ้าหนึ่งเพื่อมาใช้ก้อนแรก 5 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 คิดเป็นเงินต้นและเงินดอกจำนวน 6 แสนบาท

หนี้เพิ่มสะสมจากธุรกิจใหม่

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร :ผมเห็นช่องทางในการที่จะไปเปิดธุรกิจร้านเหล้า  ก็เลยร่วมลงหุ้นกับเพื่อน  เปิดได้ประมาณ 1 เดือน ตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ในหลวงรัชการที่ 9  เสด็จสวรรณคตพอดี คนไทยทุกคนก็อยู่ในอารมณ์ที่โศกเศร้า ทำให้เป็นช่วงที่ผมขาดทุนสะสมจากร้านเหล้าด้วย และมีคนเข้ามาเจรจาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าไปรับงานหน่วยงานราชการนี้ได้ โดนหลอกโดนค่าดำเนินการไปหลายบาท ตอนนั้นรวม ๆ กัน มีหนี้ประมาณเกือบ 2 ล้านบาทได้ครับ

ลองเล่นพนันบอลเพื่อปลดหนี้

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : ถ้าเราไม่ใช้เงินก้อนนั้นดอกเบี้ยมันก็จะเพิ่มไปเรื่อย ๆ ทุกเดือน ซึ่งเท่ากับว่าต้องเสียดอกเบี้ยเดือนละแสนบาททุกเดือน เงินเก็บหรือเงินอะไรที่เรามีอยู่ก็หมด เราขายรถดูคาติเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเราให้น้อยลง เรามีภาวะกดดันจนหลงผิดคิดว่าไปเล่นพนันบอลเพื่อที่มาใช้หนี้ เพราะคิดว่ามันสามารถหาเงินได้เร็ว จนมีหนี้เพิ่มไปอีกเกือบ 4 ล้านบาท

งานจบแต่หนี้ไม่หมด

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : เมื่องานผลิตสื่อให้กับหน่วยงานราชการเสร็จแล้ว จึงนำเงินที่เราได้ส่วนไปใช้หนี้ จนหนี้เหลืออยู่ประมาณ 3 ล้านบาท ตอนนั้นทำงานประจำแค่ที่เดียว มีรายได้เดือนละ 4 หมื่นบาท ซึ่งมันก็ไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้ เราเป็นหนี้อยู่ประมาณเกือบ 20 คน ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ทุกคนก็กดดัน เราเครียดมาก แต่เราไม่มีความรุู้สึกว่าอยากฆ่าตัวตายเลย เพราะเราจะทิ้งทุกอย่างให้กับคนข้างหลัง ให้กับลูกต้องมาชดใช้หนี้แทนพ่อ คิดอย่างเดียวตอนนั้น คือ เราจะทำอย่างไรให้เราสามารถใช้หนี้  3 ล้าน ให้หมดโดยเร็วที่สุด

ทุบกระปุกเงินมีอยู่ 20 บาท

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : ช่วง 5 วัน สุดท้ายก่อนสิ้นเดือน เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่เงินไม่มีเลย ไปแงะกระปุกไปกินข้าว มันมีเงินอยู่ 20 บาท ข้าวอย่างเดียวที่ซื้อได้ตอนนั้นคือข้าวไข่เจียว เราก็ซื้อมาแบ่งกันกิน วันนั้นผมน้ำตาไหลเลยครับ ร้องไห้  คือปฏิญาณกับตัวเองว่า ผมต้องทำให้ชีวิตผมดีขึ้นกว่านี้ ผมต้องดูแลคนที่มานั่งกินข้าวกับผม ให้อนาคตภายภาคหน้ามันมีความสุขมากกว่านี้

ตั้งเป้าหมายแล้วใช้หนี้จากจำนวนที่น้อยก่อน

รุ่งโรจน์ อรุณเจริญพร : ต้องขอบคุณโอกาสที่ทำให้ผมสามารถทำงานประจำได้ 2 ที่ มีเงินใช้จ่ายตอนนั้น แค่วันละ 150 บาท กับค่าข้าวค่าเดินทาง 2 ที่ ที่มันอยู่ไกลกัน ผมจึงขับมอเตอร์ไซค์ไปทำงาน จากนั้นเราเริ่มตั้งเป้าหมายว่า ภายใน 3-4 ปี ผมต้อใช้หนี้ปีละเท่าไหร่ ผมถึงจะปลดหนี้ได้ ผมเริ่มจากการใช้หนี้คนที่มีจำนวนหนี้น้อยก่อน เพื่อให้จำนวนคนที่ผมติดหนี้ลดลงเรื่อย ๆ ส่วนหนี้หลักแสนจะผ่อนจ่ายรายเดือน คนละ 5 พันบ้าง 1 หมื่นบ้าง ผมเริ่มหางานที่เป็นฟรีแลนซ์ต่าง ๆ ทำงานเขียน ทำให้รายได้ของผมเดือนละ 1 แสนบาท ใช้หนี้เฉลี่ยแล้วเดือนละ 8 หมื่นบาท เหลือเงิน 2 หมื่นบาท เราต้องขอบคุณแฟนที่อยู่ด้วยตอนนั้น มาให้กำลังใจมาช่วยในบริหารจัดการ มาช่วยในการลำดับการใช้เงิน ซึ่งแค่เป็นกำลังใจให้ มันก็ทำให้เรามีแรงในการทำงาน มีแรงในการที่เราจะใช้หนี้ไปทุก ๆ เดือน

กลับไปแก้มือหน่วยราชการ

เข้าสู่ปีที่ 3 ผมเหลือหนี้อยู่ประมาณ 1.5 ล้านบาท ผมเริ่มมองหาโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้มากกว่านี้ คือการทำสิ่งที่ผมถนัดอย่างการผลิตสื่อให้กับหน่วยงานราชการ ซึ่งผมเคยล้มและมีบทเรียนกับเรื่องนี้แล้ว ตอนนั้นมีผู้ใหญ่ใจดีออกทุนให้ในการทำงาน ผมจึงมีรายได้เพิ่มขึ้นเดือนละเกือบ 2 แสนบาท จากเดิมตั้งเป้าว่าจะใช้หนี้หมดภายใน 4 ปี จนต้นเดือนที่แล้วผมสามารถใช้หนี้ทุกอย่างได้หมดในเวลา 3 ปี

ฝากแนวคิดเรื่องการใช้เงิน

เราเป็นมนุษย์เงินเดือน เทคนิคเดียวของผมเลยคือ “สติ” ผมบอกตรง ๆ ตอนแรกก็สติหลุดครับ มันกระเจิง  เพราะว่าเราก็ไม่เคยเป็นหนี้เยอะขนาดนี้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะมาบริหารจัดการยังไง ผมถอยหลังกลับมา 3 ก้าว ผมถอยหลังกลับมามองปัญหาให้มันกว้างขึ้น  ทุกอย่างมันมีทางออก การแก้ปัญหาด้วยการกู้หนี้นอกระบบ ไปเล่นพนันฟุตบอล มันใช่ทางออกของปัญหา แต่มันยิ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับชีวิต และสิ่งสำคัญคืออย่าแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ผมมีหนี้ 3 ล้าน แต่ผมก็สามารถดำเนินการใช้หนี้ได้ ซึ่งทุกคนก็สามารถดำเนินการใช้หนี้สินและฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างได้เช่นกัน

เพื่อน ๆ ท่านใดอ่านบทความของทางทีม aomMONEY Inspired  แล้วชื่นชอบ อย่าลืมช่วยแชร์กันนะครับ ส่วนใครที่อยากดูรายการสัมภาษณ์แบบวีดีโอ สามารถคลิกเข้าไปชมได้ที่วีดีโอด้านล่าง สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนครับ

รฐาพัชร ตุลยพิทักษ์ (บรรณาธิการ)

ทีมงาน aomMONEY Inspired