แอดมินเป็นคนหนึ่งที่ลาออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ 100% ผ่านมาเกือบ 5 ปีแล้ว มีทั้งช่วงที่มีเงินก้อนใหญ่เข้ามากับช่วงที่ไม่มีรายได้เข้ามาหลายเดือนติดกัน แต่ก็รอดมาได้เพราะแนวทางจัดการเงินที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้

เรื่องรายได้ : เพิ่มช่องทางใหม่ตลอดเวลา

เพจอภินิหารเงินออมมีรายได้หลักจากการเขียนบทความและรับงานเขียนโฆษณาเกี่ยวกับเรื่องการเงิน แต่สภาพเศรษฐกิจช่วงที่ผ่านมารายได้ลดลงชัดเจน จึงต้องขยายไปทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีงานสัมมนาที่เชียงใหม่ ก็ต้องปรับเป็นรูปแบบ Workshop แบบออนไลน์และการขาย E-Book วิธีจัดการเงินขั้นเทพ ฉบับลงมือทำ

สารบัญหนังสือวิธีจัดการเงินขั้นเทพ อ่านได้ที่ลิงค์ https://bit.ly/3eeO33Q

นอกจากเขียนเรื่องความรู้ทางการเงินแล้วก็ต้องบอกได้ว่าควรนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ทำให้เหมือนสถาปนิกที่รับออกแบบบ้านและมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นของตัวเอง ช่วงที่ผ่านมาทำให้หลายๆคนเริ่มต้นซื้อกองทุนรวมเองได้ แต่ไม่ได้แนะนำชื่อกองทุนรวม เพราะมีนักวิเคราะห์จัดการเรื่องนี้อยู่แล้วจ้า

ช่วงที่ผ่านมาโชคดีมีหุ้นส่วนที่ช่วยแนะนำประกันชีวิตได้หลายบริษัท ทั้งแบบประกันเดี่ยว ประกันสุขภาพและประกันกลุ่ม เพราะแต่ละบริษัทประกันมีจุดแข็งแตกต่างกัน การรู้จักหลายบริษัททำให้เปรียบเทียบแบบประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนได้ เช่น เมืองไทย , AXA ,  ฟิลลิปประกันชีวิต , อาคเนย์ , ซัมซุง , โตเกียว , กรุงเทพประกันชีวิต , AIA , LUMA , LMG , Pacific Cross , วิระยะประกันภัย ในอนาคตน่าจะมีเพิ่มเข้ามามากขึ้น

อ่อ!! มาถึงขนาดนี้แล้ว ขอฝากคอร์สใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จนะคะ ^^

คอร์สสอนเขียนเรื่องการเงิน สร้างรายได้จากการเขียน 

https://www.skilllane.com/courses/facebook-post-content-formula

แอดมินกำลังจะบอกว่า....

คนที่ทำงานฟรีแลนซ์  รายได้ไม่สม่ำเสมอ มากน้อยแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญ คือ ต้องปรับตัวตลอดเวลา วันนี้เรามีชื่อเสียงมีรายได้ดี วันต่อมามีคนอื่นวิ่งแซง ทำให้รายได้ของเราหายไปก็ได้ ควรเพิ่มความรู้เพื่อขยายงานให้กว้างมากขึ้น หากทำเองคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องหาหุ้นส่วนเพิ่มเพื่อทำให้งานของเราง่ายขึ้น

เรื่องวิธีจัดการเงินกับรายจ่ายต่างๆ

แนวคิด คือ ออมก่อนใช้ เมื่อมีเงินก้อนเข้ามาจะเติมเงินสำรองฉุกเฉินให้เต็มก่อน ให้เงินแม่และพยายามใช้จ่ายส่วนตัวไม่ให้เกินเดือนละ 10,000 บาท เงินส่วนอื่นๆที่เข้ามาก็จะเอาไปลงทุนเกือบทั้งหมดทั้งในกองทุนรวม หุ้น คริปโทเคอร์เรนซี ฯลฯ

=> บัตรเครดิต

แนวคิดเหมือนการเติมน้ำมันก่อนรถยนต์ถึงจะวิ่งได้ การใช้บัตรเครดิตก็จะออมเงินก่อนรูดบัตรเครดิต เรามีบัญชีธนาคารที่ลิงค์กับบัตรเครดิต จะฝากเงินไว้ที่บัญชีธนาคารก่อนรูดบัตรเครดิต เช่น ฝากเงินออมทรัพย์ 5,000 บาท เวลารูดบัตรเครดิตก็จะพยายามไม่เกินเงินที่อยู่ในออมทรัพย์ สิ่งที่จะได้รับ คือ ดอกเบี้ยเงินฝาก Cashback และไม่เป็นหนี้จากการใช้บัตรเครดิต

อ่านบทความรีวิวใช้บัตรเครดิตแบบไร้หนี้ได้ที่ลิงค์นี้นะคะ https://www.facebook.com/miracleofsaving/photos/3370160556354871

=> ประกันชีวิต

แอดมินเป็นห่วงแม่กับน้องชาย ถ้าเราอายุยืนหาเงินได้อีกเยอะ แต่ถ้าอายุสั้นก็อยากมีเงินก้อนหนึ่งฝากให้คนอื่นมาดูแลแม่ของเรา ถ้าให้แม่ 10,000,000 บาท น่าจะอยู่ได้อีกหลายปี แต่กลัวตัวเองตายก่อนที่จะหาเงินครบก็เลยใช้ทางลัด ทำประกันชีวิตทุนประกัน 10,000,000 บาท เบี้ยประกันปีละ 55,000 บาท

ที่เคยรีวิว https://www.facebook.com/miracleofsaving/photos/3440550169315909

ถ้ารวมกับเล่มอื่นๆที่ทำมาก่อนหน้านี้ที่เป็นประกันสะสมทรัพย์ ประกันบำนาญ ประกันสุขภาพ รวมแล้วต้องจ่ายเบี้ยประกันปีละ 100,000 กว่าบาท แอดมินเลือกใช้วิธีเก็บเงินล่วงหน้า สะสมเงินก้อนที่จะต้องจ่ายประกันชีวิตไว้ที่กองทุนรวมตราสารหนี้

พอใกล้ครบกำหนดปีต่อไปก็จะทยอยขายกองทุนรวมตราสารหนี้มาจ่ายเบี้ยประกัน ได้รับผลตอบแทนกลับมาบ้างนิดหน่อย หลังจากที่มีเงินก้อนใหม่เข้ามาก็จะซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อรอจ่ายเบี้ยประกันปีต่อไป ทำแบบนี้วนไปทุกปี

=> เงินใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน

แอดมินจะมีบัญชีธนาคาร 1 แห่งเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ใช้กดเงินสดหรือว่าสแกนจ่ายเงิน มีเงินติดไว้เท่าที่ใช้ ถ้าบัญชีนี้เป็นอะไรหรือเราไปกดอะไรผิดพลาด มันจะได้ไม่เสียหายหนัก ช่วงต้นเดือนจะใส่เงินเข้าไปในบัญชีนี้ประมาณ 10,000 บาท ต้องใช้ให้ถึงสิ้นเดือน ถ้าเงินเหลือก็เก็บไว้ใช้เดือนต่อไป 

=> การลงทุนและเก็งกำไร

อดีตแอดมินเคยทำงานเป็นโบรกเกอร์หุ้น จึงคุ้นเคยกับความตื่นเต้นของการเก็งกำไรเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันเงินทั้งหมดเสียหาย จึงแบ่งเงินลงทุนระยะยาวและเก็งกำไรระยะสั้นออกจากกัน ซึ่งเงินลงทุนระยะยาวจะเก็บไว้ที่กองทุนรวมและหุ้น ส่วนการเก็งกำไรจะใช้เงินก้อนที่รับความเสี่ยงได้ ใช้เงินน้อยเพื่อจำกัดความเสียหาย  เทรด DW กับคริปโทเคอร์เรนซี  เน้นการอ่านกราฟเทคนิค มีวินัยการตัดขาดทุน 

=> เงินช้อปปิ้งซื้อของที่อยากได้

“เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า” ชอบซื้อครั้งเดียวให้จบ เช่น ตั้งใจจะซื้อเสื้อผ้า ตั้งงบไว้ 5,000 บาท ถ้าใช้ครบตามงบแล้วก็กลับบ้าน ไม่เดินเที่ยวต่อให้เกิดกิเลสอยากได้เพิ่ม ส่วนเครื่องสำอาง ถ้าใช้ของเก่าใกล้หมดแล้วค่อยซื้อใหม่ เพราะเคยซื้อหลายแบบมาผสมกันแล้วใช้ไม่หมด มันหมดอายุก็รู้สึกเสียดายของ  หนังสือซื้อบ่อยมากจนอ่านไม่หมด ตั้งใจไว้ว่าจะอ่านเล่มเก่าๆให้จบก่อนแล้วค่อยซื้อใหม่ ทำให้ช่วงหลังๆ เข้าร้านหนังสือน้อยลงเพราะเดินเข้าไปแล้วได้เล่มใหม่กลับมาทุกที

สรุปว่า...

เราควรพัฒนาตัวเองเพื่อสร้างรายได้หลายทาง ส่วนเรื่องวิธีจัดการว่าจะนำเงินแต่ละก้อนไปไว้ที่ไหน เราจะต้องชัดเจนว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วค่อยเลือกจับคู่สินค้าการเงินให้เหมาะกับแต่ละความต้องการของเรา ทั้งหมดนี้น่าจะมีประโยชน์กับอีกหลายๆคน อ่านแล้วไม่ควรทำตามเป๊ะๆ เพราะชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน ควรเลือกมาเฉพาะบางเรื่องแล้วมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวเองนะคะ

เพจอภินิหารเงินออม