พูดง่าย ๆ ครับ อะไรที่จะทำให้โลกนี้ หรือประเทศต่าง ๆ พัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน ก็ต้องปฏิบัติตามเรื่องเหล่านี้นั่นเองครับ
Source: UN
ในส่วนของกรอบใหญ่แง่มุมในการลงทุนก็คือ หาบริษัทที่มี ESG หรือมองหาบริษัทที่มีการจัดการที่ดีใน 3 เรื่องนี้ คือ 1.มี Environmental ที่ดี เป็นบริษัทที่มีการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี เช่น เป็นบริษัทที่สามารถลดมลพิษในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ได้ ใช้พลังานอย่างคุ้มค่า ฯลฯ 2.มี Social ที่ดี ซึ่งไม่ได้หมายถึงการทำความดีเฉพาะกับพนักงานของบริษัทเอง หรือการทำ CSR เพียงอย่างเดียว แต่เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ยกตัวอย่างเช่น เป็นบริษัทที่มีการจ้างงานทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ ผู้สูงอายุตามสัดส่วน ไม่กีดกันคนด้วยความอาวุโส หรือเพศสภาพแต่ดูที่ความสามารถ และให้พนักงานได้ช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส มีการจูงใจให้พนักงานทำความดีต่อสังคม หรือให้คนในสังคมรอบ ๆ โรงงานต่าง ๆ มาช่วยงานในโรงงานนั้น และ ให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สังคม และการทำงานของพนักงานดีขึ้น 3.มี Governance คือ เป็นบริษัทที่มีการจัดการที่ดี และ มีธรรมาภิบาล เช่น มีการจัดโครงสร้างของบริษัทที่ดีเพื่อลดการขัดผลประโยชน์ หรือ Conflict of interest ของผู้บริหาร มีคนคอยตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารอย่างถูกต้อง มีกระบวนการตรวจขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ เพื่อลดการคอร์รัปชันของบริษัทลง ฯลฯ ซึ่งถ้าหากบริษัทไหนที่เข้าเกณฑ์ใน 3 ข้อนี้ แล้วละก็บริษัทนั้นจะมีโอกาสมีความยั่งยืนในด้านธุรกิจ ด้านการเงินของบริษัท และเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโต รวมไปถึงได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจนั้น ๆ มีความยั่งยืนนั่นเองครับ (Sustainability) พูดง่าย ๆ ครับ การลงทุนกับบริษัทที่มี ESG นั้น จะทำให้โอกาสที่บริษัทจะถูกฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายแพงก็น้อยลงไป แน่นอนว่าความเสี่ยงด้านอื่น ๆ ก็น้อยลงไปด้วยครับ ทำให้ความเสี่ยงขาลง หรือ Downside risk นั้นน้อยลงไป ไม่ว่าเราจะลงทุนกับ หุ้น หรือว่าตราสารหนี้ก็ตามครับ ส่วนเรื่องของผลตอบแทนก็ไม่ได้แย่เลยนะครับ หลาย ๆ สำนักก็ออกมาชี้แจงว่า การลงทุนภายใต้กรอบ ESG และกรอบ SDG เหล่านี้ ก็สามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้เช่นกัน เช่น MorningStar เองก็ออกมาบอกว่ากองทุนที่ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเล่านี้มักจะทำให้กองทุนมีโอกาสได้ Rating 5 ดาวจาก MorningStar เพิ่มมากขึ้นไปได้วยครับSource: Robeco. February 2021
ภาพการลงทุนใน High Yield Bond ที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากลงทุนในบริษัทที่มี SDGs ก็จะทำให้ความเสี่ยงลดลง และมีโอกาสได้ผลตอบแทนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน มีนักลงทุนสถาบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการลงทุนภายใต้กรอบ ESG และ SDG เพิ่มขึ้นมากดังนั้นการลงทุนผ่านสินทรัพย์ SDGs เหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะเติบโตได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นหุ้น รวมไปถึงตราสารหนี้เองก็มีความน่าสนใจอย่างมากครับ แต่เนื่องจากกองทุนหุ้นที่ลงทุนภายใต้ตีม ESG มีมากมายอยู่พอสมควรแล้ว ผมจึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนกับบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกที่เน้นลงทุนตามเป้าหมาย SDGs กองทุนแรกในประเทศไทยกันบ้างครับ กองทุนตราสารหนี้ที่เป็นพระเอกในครั้งนี้ก็คือ กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ซัสเทนเนเบิล เครดิต อินคัม ฟันด์ หรือชื่อย่อ USI จาก บลจ. UOBAM นั่นเองครับ กองทุนความเสี่ยงระดับ 5 ป้องกันความเสี่ยงไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ RobecoSAM SDG Credit Income IH USD (กองทุนหลัก) เพียงกองทุนเดียว ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งและบริหารจัดการโดย Robeco Institutional Asset Management B.V. ที่มีทีมงานที่มีประสบการณ์การลงทุนทั่วโลก โดยที่ทีมงานมีประสบการณ์ในการลงทุนผ่านตราสารหนี้เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10-15 ปี บางท่านก็มีประสบการณ์มากกว่า 35 ปีเลยทีเดียวครับSource: Robeco. February 2021
โดยกองทุนหลักนี้จะลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสินทรัพย์ทั้งหมด โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในอุตสาหกรรม ซึ่งมีอายุของตราสารแตกต่างกัน ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ และ/หรือภาคเอกชน โดยจะพิจารณาลงทุนในบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ที่มีส่วนร่วมในหลักการ UN Sustainable Development Goals (SDGs) (เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่จัดทำขึ้นโดยองค์กรสหประชาชาติ) นั่นเองครับ ซึ่งผมต้องบอกว่ากองทุนหลักนี้เป็นกองทุนที่ค่อนข้างจะ Active พอสมควรเลยครับ คือมีการปรับพอร์ตอยู่เรื่อย ๆ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจของโลก และ ตามตลาดตราสารหนี้มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาครับSource: Robeco. RobecoSAM SDG Credit Income. Data end of February 2021
Remark : ตัวอย่างเหล่านี้แสดงเพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้น และไม่ได้มุ่งหวังให้ถือเป็นการให้คำแนะนำในการลงทุนไม่ว่ากรณีใดๆ มูลค่าการลงทุนของท่านอาจมีความผันผวน ผลตอบแทนที่ได้รับในอดีตไม่ได้เป็นการรับประกันผลตอบแทนในอนาคต แน่นอนครับ การที่กองทุน Active แบบนี้สินทรัพย์ที่ลงทุนก็ค่อนข้างจะหลากหลาย มีทั้งตราสารหนี้ที่เป็น Investment Grade และ High Yield Bond รวมอยู่ด้วยครับ เพื่อให้มีการสับเปลี่ยนตราสารหนี้ได้ตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจ หรือ ตามลักษณะของอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้น ๆ ลง ๆ นั่นเองครับ นอกจากนี้การลงทุนยังเน้นสไตล์แบบ Bottom-up research for credit selection พูดง่าย ๆ ว่ามีทีมงาน Credit analyst ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทำการวิเคราะห์ผู้ออกตราสารหนี้ในเชิงลึก ดูฐานะทางการเงิน ทิศทางการดำเนินธุรกิจ รวมถึงนำปัจจัยด้าน ESG มาพิจารณาเชิงลึกรายบริษัทอีกครั้ง เพื่อให้ได้ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพตามหลักการ SDGs จะเห็นว่ากระบวนการคัดกรองตราสารหนี้ของกองทุนนี้มีความเข้มข้น โดยพิจารณาความเสี่ยงด้านเครดิต และ พิจารณาปัจจัยด้าน ESG ที่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน โดย Rating ของตราสารหนี้ในกองทุนนี้โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ BAA2/BAA3 ครับ แต่ในส่วนของผลตอบแทนนั้น กองทุนนี้ถือว่าทำได้ใกล้เคียงตราสารหนี้ High Yield ในขณะที่ระดับความเสี่ยงรวมในระดับ Investment Grade เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าความเสี่ยงไม่สูงอย่างที่คิดเลย source: Robeco. *RobecoSAM SDG Credit Income IH-USD share class, all figures in USD. **Bloomberg Barclays Global Aggregate Corporates Index (hedged into USD). ***Bloomberg Barclays US Corporate High Yield + Pan Euro HY ex Financials 2.5% Issuer Cap (hedged into USD) โดยที่กองทุนนี้มี อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้อยู่ที่ประมาณ 3.3 ปี จึงมีความผันผวนไม่สูงนัก และจากที่เห็นตัว Downside risk ของกองทุน ก็จะเห็นได้ว่าไม่มากเท่ากับลงทุนใน High Yield แบบนี้ ก็จะทำให้เราถือกองทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น และ ถ้าเราถือได้ยาวขึ้นตามไปด้วย RobecoSAM SDG Credit Income IH USD share class, gross of fees, based on gross asset value, all figures in USD. Source: Robeco. February 2021 เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนกับบริษัทที่ยั่งยืน ซึ่งผมก็เชื่อว่าการลงทุนแบบนี้ไม่เพียงแต่สงเสริมบริษัทที่ทำความดีให้โลกนี้เติบโตแบบยั่งยืนแล้ว ยังสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีแบบยั่งยืนไปด้วย และก็ไม่หวือหวาไปตามตลาดมากนัก ดังนั้นกองทุนนี้จึงเหมาะกับการถือยาว ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ 2-3 ปีขึ้นไป ก็จะทำให้เรามีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี และ เป็นการกระจายความเสี่ยงไปด้วย เพราะว่าการลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหุ้นกลุ่มอุตสาหรกรรมต่าง ๆ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ก็มีความผันผวนพอสมควรในช่วงเวลาแบบนี้ โดยสรุปคือ ส่วนสำคัญเพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเราเติบโตได้ในระยะยาวก็ควรที่จะมีการะจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ไม่ใช่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่งมากเกินไป และไม่ควรที่จะสลับสับเปลี่ยนไปมามากนัก เพราะว่าจะทำให้เรามีโอกาสผิดพลาดได้มากไปด้วยครับ การลงทุนในระยะยาวเราจึงต้องเน้นลงทุนแบบกระจายไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้เหมาะกับความเสี่ยงของเราเองครับ ซึ่งถ้านักลงทุนมองหากองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีโอกาสจะสร้างผลตอบแทนที่ดี ภายใต้ธีม ESG ในขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมลงได้ ผมคิดว่ากองทุน USI นี้ก็น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวครับ ถ้าสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.ยูโอบี 02 786 2222 หรือเข้าไปดูข้อมูลกองทุนได้ที่ https://www.uobam.co.th/th/mutual-fund/00717/USI และ สำหรับวันนี้ ผมคงต้องลาไปก่อน แล้วครั้งหน้าจะหยิบกองทุนดี ๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะกองทุน นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้ลงทุนในต่างประเทศ จึงมีความเสี่ยงที่ทางการของต่างประเทศอาจออกมาตรการในภาวะที่เกิดวิกฤตการณ์ที่ไม่ปกติ ทำให้กองทุนไม่สามารถนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับคืนเงินตามระยะเวลาที่กำหนด กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนรวมนี้กระจุกตัวในประเทศสหรัฐฯ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วยบทความนี้เป็น Advertorial