สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน ในช่วงเวลาแบบนี้ ในจังหวะที่ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงจากเหตุการระบาดของโรค COVID-19 แบบนี้ ผมเชื่อว่าตอนนี้ใครหลาย ๆ คนที่ติดตามเพจคลินิกกองทุนแห่งนี้ ก็คงคันไม้คันมือเริ่มที่จะอยากลงทุนกันแล้วใช่ไหมครับ เพราะว่าช่วงหลัง ๆ ผมมักจะได้คำถามหลังไมค์มาว่า ตอนนี้ลงทุนได้รึยัง

        ผมคงต้องบอกว่าตามตรงว่า ไม่รู้เหมือนกันครับ ซึ่งถ้ารู้อนาคตได้ ผมคงไม่ได้มาเขียนเพจลงทุนอยู่อย่างนี้ครับ คงไปเป็นหมอดูแทนครับ

        แต่ผมต้องบอกว่าการลงทุนในช่วงวิกฤตแบบนี้ ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาวมากว่าขาดทุนแน่ ๆ เพราะว่าตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากครับ

        โดยถ้าพิจารณาถึงความถูก-แพงของตลาดหุ้นไทย โดยดูจากอัตราส่วน P/E ณ วันที่ 17 เมษายน ที่ตลาดหุ้นไทยปิดอยู่ที่ 1239.24 มี P/E อยู่ที่ประมาณ 13.5 ซึ่งตำ่กว่าค่า P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ P/E 15.6 (คล้าย ๆ กับว่า 5 ปีที่ผ่านมาเราซื้อหุ้นในราคา 15.6 บาท แต่ตอนนี้ราคาลงมาที่ 13.5 บาทซึ่งต่ำกว่าที่เคยซื้อมา) ซึ่งถือว่าน่าที่จะเริ่มทยอยลงทุนได้ และได้ราคาหุ้นไม่แพงครับ

        พอถึงตรงนี้คงมีคำถามแล้วว่าลงทุนในหุ้นตัวไหนดี ? เป็นคำถามที่ดีมากครับ เพราะว่าตลาดหุ้นไทยมีหุ้น 700-800 ตัว จะเลือกหุ้นที่ดีได้อย่างกัน บางครั้งผมเองก็ต้องใช้เวลานานมากในการหาหุ้นที่น่าสนใจ และก็มีหลายครั้งเลยครับที่มีอาการเสียดายหุ้นบางกลุ่ม บางตัวที่เราไม่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างลึกซึ้ง ข้อมูลไม่พอ อาจจะเพราะมีเวลาไม่พอ หรือลืมไปบ้าง มองไม่ทั่วถึงครับ

        ในช่วงที่ผมยังอยู่ในบริษัทหลักทรัพย์ ในบางครั้งก็มีผู้ช่วยในการหาข้อมูล ซึ่งก็ทำให้เราประหยัดเวลามากขึ้น ได้มุมมองที่หลากหลายมากขึ้นจากความเห็นของน้อง ๆ นักวิเคราะห์ครับ แต่ก็ต้องเอาข้อมูลมาตรวจสอบความถูกต้องอยู่ดี เพราะว่าน้อง ๆ เองก็ทำงานหนัก ข้อมูลที่ได้มาอาจจะต้องมีการแก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อมูลบางอย่างเพื่อให้ได้มุมมองที่ดีมากขึ้นครับ

        ทีมนักวิเคราะห์ในหลักทรัพย์เองก็ต้องมีทีมที่ใหญ่มากพอที่จะวิเคราะห์ข้อมูลที่หลากหลาย มากมายพร้อม ๆ กัน เพื่อให้ครอบคลุมหุ้นทุกตัวเผื่อว่ามีตัวไหนน่าสนใจ และโดดเด่นขึ้นมานั่นเองครับ

        ทุกอย่างที่ผมกล่าวมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้อจำกัดในการลงทุนของทั้งนักลงทุนรายย่อย และ นักลงทุนสถาบัน หรือฝั่งผู้จัดการกองทุนครับ

        แต่ในยุคสมัยนี้ มีพัฒนาการด้าน Machine Learning (ML) และ Artificial Intelligence (AI) ก็มีการพัฒนาไปมากขึ้น ทั้งนี้หลาย ๆ ที่ก็เริ่มมีการนำ ML และ AI มาใช้เพื่อการดูแลพอร์ตการลงทุน หรือเพื่อการวิเคราะห์หุ้น เพื่อคัดเลือกหุ้นมาลงทุนในแต่ละช่วงเวลาของการลงทุนครับ

        ซึ่งวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Deepscope Platform ซึ่งเป็นอีก Platform นึงที่จะช่วยทำให้การลงทุนในหุ้นง่ายมากขึ้นกว่าเดิมครับ

ลงทุนหุ้นยุคใหม่กับ AI ผู้ช่วยคนเก่ง


            Deepscope เป็น startup จากไทยที่มีการร่วมทุนจากทั้ง ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร , สิงคโปร์ และประเทศไทย เพื่อ สร้าง platform ที่วิเคราะห์หุ้นหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกตัวทั้งตลาดทุกวัน แบบอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AI และ Machine Learning เพื่อนำเสนอหุ้นหรือการลงทุนที่ดีที่ชนะตลาดให้กับ นักลงทุนรายย่อย, โบรกเกอร์, ผู้บริหารกองทุน และ ฝ่ายงานวิจัย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลตอบแทน

        ทีมงานของ Deepscope จะประกอบไปด้วยนักลงทุน, software engineer ที่ทำงานให้กับ worldclass financial platform มาทั่วโลกทั้ง Thomson Reuters และ DST system จึงสร้างระบบวิเคราะห์อัตโนมัตินี้ขึ้นมา

        โดยปกติแล้ว ML ที่มีอยูโดยทั่วไปจะมีมากมายหลายแบบเลยครับ ตั้งแต่ Neural Network Stock Market Prediction, Case based reasoning Stock Market Prediction, Fuzzy Logic Stock Market Prediction, Hybrid Learning Stock Market Prediction และ Genetic Algorithm Stock Market Prediction

        และ ML ที่ทาง Deepscope เลือกมาใช้คือ Genetic Algorithm (GA) โดยทางทีมงานของ Deepscope ได้ทำการทดลอง ML มาหลาย pattern เช่น Neural Network แต่พบว่าตัว Genetic Algorithm จะเหมาะกับการวิเคราะห์คุณภาพของสินทรัพย์ทางการเงินที่มีหลากหลายปัจจัยครับ

        โดยเจ้า GA เป็น algorithm ได้แรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีวิวัตนาการของ ชาร์ล ดาร์วิน คล้าย ๆ กับการจำลองการทำงานจากทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่จะพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าเสมอเพื่อให้อยู่รอดได้ ทำให้ GA เป็นอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพในการค้นหาคำตอบโดยมีการเรียนรู้ข้อมูลและปรับตัวเองอยู่ตลอดเวลา

        ให้ลองคิดถึงลักษณะการเจริญเติบโตของมนุษย์จะเข้าใจง่ายขึ้น จากรุ่นพ่อแม่เรา รุ่นเรา ไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลานเรา ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละรุ่นจะประกอบไปด้วยวิทยาการ เทคโนโลยี และข้อมูลที่ต่างกัน ทำให้ในแต่ละรุ่นจะมีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เกิดการปรับตัวเองในแต่ละรุ่น เพื่อให้สามารถอยู่รอดในแต่ละช่วงเวลาได้เสมอ

        Genetic Algorithm ได้มีการนำไปใช้ในงานหลากด้าน เช่น การค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งสินค้า การจัดตารางงาน การจัดการทรัพยากรในการทำงาน การพยากรณ์แนวโน้มได้ดีอันที่จริงยังสามารถไปประยุกต์ใช้ได้ในอีกหลายด้านเลยครับ


        สำหรับการลงทุนนั้น Deepscope จะให้ AI ทำการวิเคราะห์คุณภาพ หรือ quality เชิงลึกก่อน โดยวิเคราะห์สุขภาพทางการเงินของบริษัทเพื่อความมั่นคงอย่างน้อย ๆ 5 ปี แล้วก็ดูต่อด้วยประสิทธิภาพในการทำกำไรทีละไตรมาส จนเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่น รายได้กำไรโตขึ้นเรื่อยๆ กระแสเงินสดมากขึ้น หนี้น้อยลง ทำให้ไม่ใช่เพียงแค่รู้ว่าหุ้นนี้ปัจจุบันและอนาคตจะเป็นอย่างไร 

        ยังทำให้เราได้พบกับหุ้นเพชรในตม ที่คนในตลาดไม่เคยคาดการณ์ไว้และ AI จะวิเคราะห์หุ้นทั้งตลาดแบบ bottom up ไม่ตัดบางกลุ่มอุตสาหกรรมทิ้งไป เนื่องจากแม้บางช่วงที่บางกลุ่มอุตสาหกรรมไม่ดีดังเดิมก็อาจจะยังมีผู้ชนะของกลุ่มที่ทำได้ดีกว่าใครเพื่อนอยู่

        ด้วยการวิเคราะห์แบบเชิงคุณภาพแบบนี้ ผลก็คือหุ้นที่เลือกมานั้นมีทั้งแบบโตเร็ว, มั่นคง, ปันผลดี, turnaround, หรือ เพิ่งเข้าตลาดมาใหม่แต่มีแนวโน้มที่ดี ให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น

        หลังจากนั้นถึงจะมาวิเคราะห์จังหวะเข้าซื้อขาย แน่นอนว่าทาง Deepscope ได้แยกส่วนนี้ออกจากคุณภาพการเลือก ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการวิเคราะห์ทาง technical ด้วย indicator ต่างๆ รวมถึงการซื้อขายของผู้บริหาร กระแสข่าวในสังคม รวมไปถึงการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่าง ๆ อีกด้วยครับ โดยรวมแล้วก็คือวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและจังหวะเข้าซื้อรวมเป็นจำนวณ 70 ปัจจัย เรียกได้ว่าครบทุกมุมมองที่นักวิเคราะห์ทั่วไปจะใช้เวลานานมากกว่าจะทำได้ครบทั้งหมดนี้

        และจุดที่พีคที่สุดก็คือ ตัว AI จะปรับตัวของมันเองเหมือนมีชีวิตของตัวเองครับ เพื่อหาปัจจัยการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้าไปช่วยเลย ให้ลองจินตนาการว่า เมื่อ 10 ปีก่อน เรามองว่าหุ้นที่มีหนี้สูงค่อนข้างเสี่ยงมาก แต่พอมาตอนนี้บางบริษัทที่มีหนี้สูงแต่กลับมีความสามารถในการนำหนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ดีกลับเก่งยิ่งกว่า สิ่งเหล่านี้ AI จะปรับวิธีการคิดของตัวเองให้ได้เลยจากการทดสอบกับข้อมูลมากมาย โดยที่อาจจะทั่วถึงและรวดเร็วกว่าเราทำเองเสียด้วยซ้ำ

        ถ้าให้คนเลือกหุ้นด้วยวิธีการทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำอย่างมากก็ได้หุ้นแค่ 2-3 ตัวภายในเวลาประมาณ 2-3 วัน แต่ทาง Deepscope จำลองตัวเองเป็นนักวิเคราะห์ นักลงทุนมืออาชีพถึง 700-800 คน ในเวลาพร้อม ๆ กันครับ ถือว่าทุ่นแรงเราไปได้อย่างมากเลยครับ

        เครื่องมือดี ๆ แบบนี้ นอกจากนักลงทุนทั่วไปที่สามารถนำมาใช้ได้แล้ว การนำ AI จาก Deepscope มาช่วยเหลือ Fund Manager ในการบริหารกองทุนก็สามารถทำได้ด้วยครับ ซึ่งจากที่ต้องมี Fund management และ ทีมงานอย่างน้อย ๆ 5-7 คน ในการบริหารกองทุน 10 กองทุน ก็ทำให้เหลือเพียง Fund manager คนเดียวก็สามารถที่จะบริหารกองทุนเป็น 10 กองทุนได้พร้อม ๆ กันครับ

        คราวนี้มาพูดถึงเรื่องผลตอบแทนกันครับ โดยหลังจาการทดสอบ และ ทดลองใช้งานผลที่ได้ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงและชนะ benchmark อย่าง SET TRI ถึงเท่าตัวเลยทีเดียวครับ


ลงทุนหุ้นยุคใหม่กับ AI ผู้ช่วยคนเก่ง

ลงทุนหุ้นยุคใหม่กับ AI ผู้ช่วยคนเก่ง


        ผลตอบแทนจากการทดสอบของกองทุนแบบสมดุล หรือ Balance Fund ที่ Deepscope ทำกับ บล.พาร์ทเนอร์  โดยเทียบกับ SET TRI


ลงทุนหุ้นยุคใหม่กับ AI ผู้ช่วยคนเก่ง

ลงทุนหุ้นยุคใหม่กับ AI ผู้ช่วยคนเก่ง

        ผลตอบแทนจากการทดสอบของกองทุนแบบ High Growth ที่ Deepscope ทำกับ บล.พาร์ทเนอร์

        แต่บอกไว้ก่อนนะครับ AI ของทีมงานที่ Deepscope.com นั้นไม่ได้จัดการซื้อขายหุ้นให้นะครับ แต่ตัวระบบจะเน้นไปที่การวิเคราะห์หุ้นที่น่าสนใจ และ จังหวะของการลงทุน รวมถึงการบริหารพอร์ตให้กับนักลงทุน หรือ ผู้จัดการกองทุนเท่านั้นครับ

        ซึ่งถ้านักลงทุนอยากให้ AI แบบ Deepscope ลงทุนให้อัตโนมัติเลย โดยมีผู้จัดการกองทุนของ บล.ชื่อดังผู้มีประสบการณ์ช่วยติดตามดูอีกชั้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นแบบนี้แล้วละก็ ต้องบอกว่าความฝันไม่ไกลเกินจริงแล้วครับ

        เพราะว่าตอนนี้มีข่าวดี คือ มีบางกองทุนที่ใช้ AI มาวิเคราะห์คุณภาพของบริษัทที่ให้ผลการทดสอบดีดังรูปด้านบนจากทางทีม Deepscope ออกมาแล้วครับ

        โดยทาง Deepscope นั้นได้ทำงานร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ ฯ ต่างๆ เพื่อออกกองทุนแบบ AI นี้มาให้ลงทุนได้แล้ว ถ้าอยากลองก็สามารถติดต่อเปิดบัญชีกับ IC ผู้มีใบอนุญาติได้เลยครับ

        เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ AI ของทาง Deepscope นี้ น่าสนใจใช่ไหมครับ การลงทุนในยุคหน้า ผมว่านักลงทุนเองก็ต้องมีเพื่อน หรือ ผู้ช่วยที่มีความสามารถ เพื่อให้เราตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น เร็วขึ้น เหมือนกับ Superhero ส่วนใหญ่ที่ต้องมีคู่หู หรือเหมือนกับ แบทแมนที่ต้องมีโรบินนั่นแหละครับ

        สุดท้ายก่อนจะจากกันไป ผมอยากจะบอกว่าในวิกฤตแบบนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลงทุน แต่ถ้ารอให้ตลาดดีก่อน หรือมั่นคงมาก ๆ ผมคิดว่าก็อาจจะได้หุ้นที่แพงไปมากแล้วก็ได้ครับ

        ดังนั้น ถ้าเรามาเริ่มต้นลงทุนกันโดยมีผู้ช่วยดี ๆ แบบ Deepscope นี้ละก็ ผมเชื่อว่าก็น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีทีเดียวครับ นอกจากนี้ก็ยังได้ความสบายใจถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจะผันผวนระหว่างทาง เพราะอย่างน้อย ๆ ระบบ AI ก็จะเลือกหุ้นที่ดี และดูแลพอร์ตอย่างไม่หยุดพักผ่อนให้กับเรานั่นเองครับ

    วันนี้ผมหมอนัทต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

    สามารถเข้าไปใช้แพลตฟอร์ม AI ของ Deepscope ได้ฟรีที่: https://deepscope.com/th/

    หากสนใจในกองทุน AI อัตโนมัติ ที่ Deepscope มีส่วนเข้าไปพัฒนา ก็มาลงทะเบียนรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง: https://deepscope.com/questionnaire/


บทความนี้เป็น Advertorial