สวัสดีครับ นักลงทุนทุกท่านครับ หลังจากที่สถาณการณ์โดยรวมของ COVID-19 ในบ้านเรานั้นกำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การลงทุนตลอดช่วงที่ผ่านมาก็ค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นมาได้บ้าง ตามความหวัง ความมั่นใจ และ เงินที่สะพัดจากทั่วโลกในขณะนี้แต่ก็แน่นอนครับว่าการปรับตัวขึ้นมาของตลาดหุ้นเองก็มีความผันผวนไม่น้อยเลยในระหว่างทางที่ผ่านมา

ในช่วงนี้จึงมีคำถามเข้ามาหลังไมค์ในเพจคลินิกกองทุนนี้เสมอ ๆ ว่า จะลงทุนในช่วงที่มีความผันผวนช่วงนี้ได้อย่างไรบ้าง ? หุ้นจะไปต่อไหม ? หรือว่าหยุดลงทุนไปก่อน ? ขายทำกำไรดีไหม ? หรือว่าให้ทยอยลงทุนได้ ? ซึ่งคำถามนี้ ผมคิดว่า ผมตอบได้ทันทีเลยครับว่า “ไม่รู้สิครับ !!” อ้าว….

ใช่ครับ ผมคิดว่ากูรูคนไหน ๆ เองก็ตอบไม่ได้อย่างชัดเจนหรอกครับว่า ภาวะตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต ถ้าตอบได้น่าจะเป็นหมอดูมากกว่ากูรู หรือนักลงทุนแน่ ๆ ครับ

แต่สิ่งที่นักลงทุนควรทำในช่วงเวลาแบบนี้ก็คือ การเข้าใจพื้นฐานของบริษัทที่เราลงทุน หรือ เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันให้ดี และมองให้เห็นเนื้อแท้ของการลงทุนหุ้นในระยะยาวมากกว่าไปเก็งว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เพราะว่าการลงทุนนั้นไม่ใช่การเกมส์ระยะสั้น แต่เป็นเกมส์ที่มีลักษณะเหมือนกับการวิ่งมาราธอน

ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุนระยะยาว ก็คือมูลค่าแท้จริงของกิจการนั่นเองครับ ต่อให้ระหว่างทางจะมีเงินมากจากต่างชาติ หรือมีแรงซื้อ แรงขายเข้ามามากเท่าไหร่ สุดท้ายแล้ว ราคาหุ้นก็จะค่อย ๆ ปรับตัวเข้าใกล้มูลค่าที่แท้จริงของกิจการนั้น ๆ ครับ

รวมไปถึง “คุณภาพ” ของหุ้น หรือของกิจการเองก็เป็นตัวแปรสำคัญ เนื่องจากบริษัทที่ดี มีคุณภาพนั้น ต่อให้เศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี แต่บริษัทมีผู้บริหารที่ดี และรวมถึงมีกลยุทธ์ที่ดี ก็สามารถที่จะเติบโตได้แม้ในยามที่เกิดวิกฤตนั่นเองครับ

พอพูดถึงเรื่องของ “คุณภาพ” ขึ้นมาทีไร ผมเชื่อว่านักลงทุนที่ติดตามเพจคลินิกกองทุน แห่งนี้จะนึกถึง บลจ. นึงอยู่เสมอ ๆ ครับนั่นก็คือ บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ที่มีปรัชญาในการลงทุน หรือ investment philosophy ที่หนักแน่นมาโดยตลอด คือการลงทุนที่เน้นเรื่องของ คุณภาพ ต้องมาก่อนเสมอ

โดยที่แนวทางการลงทุนของ บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด จะเน้นการเลือกหุ้นแบบ bottom up หรือ โดยจะทำการเข้าไปศึกษาบริษัท ฯ ที่น่าลงทุน ดูรายละเอียด งบการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน ภาพรวมธุรกิจ และเลือกหุ้นด้วยความมั่นใจว่าจะมีการเติบโตของตัวบริษัท ฯ พร้อมกับการทำกำไรที่แข็งแกร่งได้ในระยะยาว พยายามคัดเลือกบริษัท ที่หลาย ๆ คนยังไม่เห็นโอกาสการเติบโตในระยะยาวออกมาจากตลาดหุ้นที่มีความผันผวน

ส่วนสไตล์การซื้อหุ้น หรือ การปรับเปลี่ยนหุ้นเพื่อการลงทุน ก็จะเป็นแบบ Buy and Hold คือ เมื่อเลือกหุ้นที่น่าสนใจตามแบบฉบับ อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด เป็นที่เรียบร้อย ก็จะถือระยะยาว ไม่ค่อยขายปรับมีการปรับสัดส่วนหุ้นในกองทุน หากไม่จำเป็น หรือ พื้นฐานของหุ้นเปลี่ยนไป ถึงขนาดที่หุ้นบางตัว บลจ. นี้ถือกันเป็น 10 ปีเลย ส่วนผลตอบแทนในระยะยาวของการลงทุนในสไตล์แบบนี้ก็ทำได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ

และในลำดับถัดมาก็คือ การเน้นการลงทุนแบบที่มี “คุณธรรม” อีกด้วย หรือถ้าจะให้อธิบายอย่างละเอียดมากขึ้นก็คือ ทางบลจ. จะเน้นลงทุนในบริษัทที่มี ESG ครับ

บริษัทที่มี ESG ก็คือ กองทุนที่ไปลงทุนในบริษัทที่มีการจัดการที่ดีใน 3 เรื่องนี้ครับ คือ

  1. เป็นบริษัทที่มีการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี (Environmental) เช่นเป็นบริษัทที่สามารถลดมลพิษในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ได้ ใช้พลังานอย่างคุ้มค่า มีการกำจัดของเสียอย่างเป็นระบบ ฯลฯ
  2. เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (Soical) ยกตัวอย่างเช่น เป็นบริษัทที่มีการจ้างงานทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ ผู้สูงอายุตามสัดส่วน ไม่กีดกันคนด้วยความอาวุโส หรือเพศสภาพแต่ดูที่ความสามารถ และให้พนักงานได้ช่วยเหลือสังคมเมื่อมีโอกาส มีการจูงใจให้พนักงานทำความดีต่อสังคม หรือให้คนในสังคมรอบ ๆ โรงงานต่าง ๆ มาช่วยงานในโรงงานนั้น และ ให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนให้อยู่ร่วมกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้สังคม และการทำงานของพนักงานดีขึ้น
  3. เป็นบริษัทที่มีการจัดการ และ ธรรมาภิบาลที่ดี (Governance) เช่น มีการจัดโครงสร้างของบริษัทที่ดีเพื่อลดการขัดผลประโยชน์ หรือ Conflife of interrest ของผู้บริหาร มีคนคอยตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารอย่างถูกต้อง มีกระบวนการตรวจขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ เพื่อลดการคอรัปชั่นของบริษัทลง ฯลฯ 

ซึ่งถ้าหากบริษัทไหนที่เข้าเกณฑ์ใน 3 ข้อนี้ แล้วละก็บริษัทนั้นจะมีโอกาสมีความยั่งยืนในด้านธุรกิจ และเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโต รวมไปถึงได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ธุรกิจนั้น ๆ มีความยั่งยืนนั่นเองครับ

ทั้งนี้ก็เพราะว่า ถ้าบริษัทมีการจัดการเป็นอย่างดี โอกาสที่จะเกิดเรื่องเสื่อมเสีย และ การฟ้องร้องต่าง ๆ ก็จะลดลง ค่าใช้จ่ายค่าปรับต่าง ๆ ก็จะลดลงครับ เพราะว่าถ้ามีเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา และโดนค่าปรับไปหลายพันล้านแบบนี้ บริษทเองก็จะเสียทั้งเงิน เสียชื่อเสียงที่มี และเสียทั้งลูกค้าไปด้วยครับ

เรียกได้ว่า ESG เป็นหัวใจของการทำธุรกิจในยุคสมัยใหม่ เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องของผลตอบแทนนั้น ทาง MorningStar เองก็เคยเก็บสถิติ รวมถึงมีการให้คะแนนหุ้นในกลุ่ม ESG ด้วย และพบว่าการที่กองทุนหุ้นได้ลงทุนกับหุ้นที่มี ESG แล้วละก็ มีโอกาสได้การจัดอันดับของดาวที่สูงกกว่ากองทุนทั่วไป นั่นก็หมายถึงโอกาสที่เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีก็มีมากขึ้นนั่นเองครับ

เราอาจจะเคยได้ยินเพลง “ได้อย่าง…...ก็ต้องเสียอย่าง” ของพี่ป้อม พี่โต๊ะ อัสนี-วสันต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนคนเราก็ต้องเลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้น แต่การลงทุนผ่านกองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ให้ได้ทั้ง คุณภาพ และ คุณธรรม ที่ลงทุนระยะยาวแล้วได้ความสบายใจ พร้อมกับผลอบแทนครับ

นอกจากนี้ทีมงานกองทุนรวมทุกกองทุนของ บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด จะคัดเลือกหุ้นอย่างระมัดระวังโดยอิงจากการวิเคราะห์ของทาง บลจ. เอง ที่เน้นการลงทุนในระยะยาว วิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง โดยมีทีมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในกว่า 40 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก ช่วยบริหารอยู่อีกด้วยครับ

และขั้นตอนที่มีความสำคัญต่อการลงทุนอีกขั้นก็คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับองค์กรที่ทางบลจ. ได้ลงทุนอย่างเข้าใจ โดยทางบลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด จะเข้าหาบริษัทต่างๆ เพื่อที่จะเยี่ยมชมกิจการ และ ทำความเข้าใจกับการพัฒนาธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ที่ลงทุนอยู่ เพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าการลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างพวกเรานั่นเองครับ

ตลาดมักจะมองข้ามความมั่นคงจากผลตอบแทนของบริษัทที่มีคุณภาพไป การลงทุนอย่างมีคุณภาพสามารถลดความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอน และได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องแม้จะเจอสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิดก็ตาม

ซึ่งนักลงทุนที่ดีควรทำความเข้าใจพื้นฐาน และ คุณภาพของหุ้นมากว่าการลงทุนแบบฟังตาม ๆ กันมา เนื่องจากเราไม่ใช่นักเก็งกำไร ดังนั้นถ้าเราจะลงทุนในกองทุนสักกองทุนต่อเนื่องในระยะยาว เราก็ควรที่จะเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เวลาถือกองทุนไปยาว ๆ แล้วจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นกับความผันผวนครับ

ผมเชื่อว่าถ้านักลงทุนเป็นคนที่ชอบสไตล์การลงทุนแบบ ได้หุ้นพื้นฐานดี ระยะยาวมีการเติบโตได้ ไม่ชอบการซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้น ของผู้จัดการกองทุนแต่รักการซื้อแล้วถือยาวแบบนี้แล้ว

กองทุน ABTESSF & ABTESSFX ถือว่าเป็นคำตอบ

ของผู้ที่กำลังจะหากองทุน SSF/SSFX เพื่อลงทุน และได้สิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีอย่างสบายใจในช่วงเวลา 10 ปีจากนี้ไป

และยิ่งในเดือนสุดท้ายของกองทุน SSFX ที่ได้สิทธิพิเศษมาก ๆ คือ นำไปลดหย่อนภาษีได้เต็มที่ 2 แสนบาท โดยที่ไม่ขึ้นกับสัดส่วนของรายได้เหมือนกับกองทุน SSF ปกติ

สำหรับคนที่ยังไม่ได้ซื้อ ผมคิดว่ากองทุนของอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อย่าง ABTESSFX มีความน่าสนใจเพราะว่าการถือกองทุนยาว 10 ปีแบบนี้ การลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี และคุณภาพที่ดีของหุ้นค่อนข้างจะมีความสำคัญมาก ๆ และ ผลตอบแทนย้อนหลังของแนวคิดการลงทุนแบบ อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยครับ

โดยสรุป ลงทุนในยุคที่รายจ่ายทางภาษีเยอะ ๆ แบบนี้ต้องเป็นกองทุนที่ดี “มีคุณภาพ” และ “คุณธรรม” ไปพร้อม ๆ กันจะได้ลดภาษีอย่างยั่งยืน และ สบายใจในการลงทุนครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับกองทุนที่ผม “หมอนัท” ได้หยิบมาพูดถึงกัน ในครั้งหน้าผมจะรีวิวกองทุนไหนอีก ก็สามารถติดตามกันได้ครับ

วันนี้ผมขอลาไปก่อน ขอให้โชคดีกับการลงทุนในกองทุนรวม และลดหย่อนภาษีได้อย่างที่ต้องการ แล้วพบกันครั้งหน้านะครับ สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน

คำเตือน: คำเตือน ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม

บทความนี้เป็น Advertorial