หลายคนคงเคยได้ยินว่า เราสามารถลดหย่อนภาษีด้วยประกันได้สูงสุด 300,000 บาท ซึ่งที่มาตรงนี้ มาจากเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีที่กฎหมายกำหนด นั่นคือ ประกันชีวิตตามจ่ายจริงสูงสุด 100,000 บาท (รวมประกันสุขภาพสูงสุด 25,000 บาท) และประกันบำนาญตามจ่ายจริงไม่เกิน 15% ของเงินได้สุทธิ สูงสุด 200,000 บาท นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขของประกันบำนาญนั้นครอบคลุมไปถึงเงื่อนไขของประกันชีวิต ดังนั้นใครที่ไม่ใช้สิทธิ์ 100,000บาท ของประกันชีวิต ก็จะสามารถซื้อประกันบำนาญลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท เลยครับ

อ้อ... อีกเงื่อนไขนึงที่ต้องรู้ก็คือ ประกันบำนาญ เมื่อรวมกับกลุ่มเกษียณทั้งหมด ซึ่งได้แก่ กองทุนรวม SSF + กองทุนรวม RMF + กบข./กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ/กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน + กองทุนการออมแห่งชาติ ต้องมีจำนวนไม่เกิน 500,000 บาทด้วยนะครับ

แต่ถ้าหากใครที่กำลังสงสัยว่าประกันชีวิตของตัวเองเป็นแบบไหนกันแน่ ผมแนะนำให้สอบถามบริษัทประกันชีวิตของเราได้เลยครับ หรือจะดูจากใบเสร็จรับเงินค่าประกันที่เราจ่ายไปก็ได้ครับว่าเรามี “เบี้ยประกันชีวิต” ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จำนวนเท่าไหร่ครับ

หรือการซื้อตรงจากทางบริษัทประกันที่ไว้ใจได้เลยก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ อย่างเช่น บนเว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต (งานขายก็มา ฮ่าๆ) เขามีประกันชีวิตออนไลน์ให้เราเลือกซื้อแบบครบวงจร จบในที่เดียว ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท ต่อปี ตามรายละเอียดในตารางด้านล่างนี้ครับ

หมายเหตุ: [1] % ของจำนวนเงินเอาประกันภัย, [2] % ของเบี้ยประกันชีวิตที่ชำระแล้ว, [3] เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

โดยทางกรุงเทพประกันชีวิตมอบสิทธิพิเศษให้คุ้มยิ่งขึ้นไปอีก สำหรับคนที่ซื้อประกันออนไลน์บนเว็บไซต์ รับฟรีบัตรกำนัล Central มูลค่าสูงสุด 12,000 บาท! ตามเงื่อนไขดังนี้ครับ

หมายเหตุ : โปรโมชั่นพิเศษนี้ สำหรับลูกค้าที่ซื้อแบบประกัน บำนาญ 99 (ออนไลน์) หรือ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 หรือ บีแอลเอ แฮปปี้เซฟวิ่ง 126 (ออนไลน์) หรือ  กรุงเทพ 118 (ออนไลน์) ‘โดยนับจากจำนวนเบี้ยประกันภัยรวมของแบบประกันที่ร่วมรายการที่ซื้อภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกัน' เฉพาะการซื้อและชำระเบี้ยประกันภัยปีแรก ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 - 31 ธันวาคม 2564 ผ่านช่องทางเว็บไซต์ประกันออนไลน์ของบริษัทเท่านั้น

โดยปกติแล้ว ประกันชีวิตยอดฮิตส่วนใหญ่ในใจคนลดหย่อนภาษีมักจะเป็น ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันแบบบำนาญ เพราะความคุ้มครองและผลประโยชน์เงินคืน เพื่อที่จะบริหารภาษีหรือต่อยอดแผนการเงินได้ สิ่งสำคัญคือควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา และอย่าลืมประเมินกระแสเงินสดที่ต้องจ่ายตลอดระยะเวลาชำระเบี้ยประกันด้วยนะครับ

ขออนุญาตยกตัวอย่างจากประกันของกรุงเทพประกันชีวิต สำหรับคนที่กระแสเงินสดไหว จัดการการเงินได้ดี และมองหาโอกาสในการรับคืนเงินที่แตกต่างกัน ก็สามารถพิจารณาตามนี้ได้ครับ

คนที่ต้องการประกันชีวิตแบบออมทรัพย์แบบได้เงินคืนไว ก็อาจจะเลือกใช้

บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 เพราะจ่ายเบี้ย 5 ปี แต่ได้รับเงินก้อนคืน 100%* ตั้งแต่ปีที่ 7-9 โดยไม่ต้องรอนานถึง 10 ปีเหมือนกองทุน SSF

คนที่สนใจรับเงินบำนาญยาว ๆ สำหรับการเกษียณไปจนถึงอายุ 99 ปี ก็อาจจะชอบ บีแอลเอ บำนาญ99

ที่รับเงินบำนาญยาวที่สุดในตลาดออนไลน์ตอนนี้เลยครับ

แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมพิจารณาประเด็นอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสิ่งที่เราอยากได้ด้วยนะครับผม เพื่อให้เครื่องมือในการลดหย่อนภาษีของเรานั้นคุ้มค่าที่สุดครับ

ยกตัวอย่างเช่น นาย A อายุ 40 ปี มีงบในการลดหย่อนภาษีจำนวน 150,000 บาท ต้องการเงินก้อนคืนไว ๆ ภายใน 10 ปี และอยากได้ประกันบำนาญมาช่วยในการวางแผนเกษียณก็อาจจะพิจารณาในสัดส่วนที่เน้นน้ำหนักไปที่ประกันออมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 และแบ่งบางส่วนมาใช้ประกันแบบบำนาญ บีแอลเอ บำนาญ 99 ในสัดส่วนที่เรามองว่าเหมาะสม เช่น 60/40 หรือ 70/30 หรือสัดส่วนอื่นๆ ตามความเหมาะสม แต่อย่าลืมดูจำนวนเงินขั้นต่ำในการซื้อประกันด้วยนะครับ สัดส่วนตรงนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป และต้องการเน้นในส่วนไหนเป็นพิเศษครับ

หรืออย่างนาย B อายุ 30 ปี ที่ปีนี้มีเงินได้พิเศษนอกเหนือจากงานประจำและต้องการลดหย่อนภาษี 100,000 บาท อาจจะเลือกซื้อประกันออมทรัพย์ บีแอลเอ สมาร์ทเซฟวิ่ง 10/1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียว คุ้มครอง 10 ปี ได้รับเงินคืนทุกปีและรับเงินก้อนเมื่อครบกำหนดสัญญา เพื่อลดหย่อนส่วนเงินได้พิเศษของปีนี้ และเลือกซื้อ บีแอลเอ สมาร์ทรีเทิร์น 10/5 ในส่วนของเงินได้ประจำ ก็สามารถทำได้เช่นกันครับ

อย่างไรก็ดี ถ้าย้อนมาที่ชีวิตจริงที่ไม่ใช่ตัวอย่าง อย่าลืมด้วยนะครับว่า สิ่งที่เราเลือกมันต้องดูที่ความต้องการ และความเหมาะสมอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน บางคนอาจจะต้องใช้ประกันสุขภาพบางส่วน บางคนอาจจะชอบประกันตลอดชีพเพื่อมอบให้กับลูกหลาน หรือบางคนก็ต้องยอมจ่ายประกันแบบชั่วระยะเวลา เพราะว่าต้องการความคุ้มครองที่มากในช่วงหนึ่ง จึงอยากแนะนำให้ดูตัวที่เหมาะสมกับเราในทุกด้าน เพื่อให้ตอบโจทย์ที่เราต้องการมากที่สุดครับ

ดังนั้นสิ่งที่อยากฝากไว้คือ เลือกให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราต้องการ จำนวนเงินที่จ่ายค่าเบี้ยไหว และความคุ้มค่าที่เรามองเห็น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นแปลว่า เราใช้ประกันได้อย่างถูกวิธี และมีประโยชน์ที่มากกว่าการลดหย่อนภาษีเพียงอย่างเดียว

หากใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามได้ที่นี่เลยครับผม https://tinyurl.com/yumv4hez

บทความนี้เป็น Advertorial