สวัสดีครับผม กลับมาพบกับผม “อัศวินกองทุน” ที่เก่าเวลาเดิมเหมือนเช่นเคย ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์กับทิศทางการลงทุนในปีนี้ นี่ก็สัปดาห์ที่ 3 แล้ว หวังว่าทุกคนคงจะได้กำไรกันไปไม่มากก็น้อยนะครับ ฮ่าๆ

เอาล่ะครับ เรามาดูกันดีกว่าครับว่าทิศทางการลงทุนในสัปดาห์นี้เป็นอย่างไรครับ

ภาพรวมของตลาด

เริ่มกันที่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กันก่อนเลยครับ ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นหลังจากบริษัทจดทะเบียนเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ ซึ่งส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ไว้นั่นเองครับ

ส่วนทางฝั่ง SET ตลาดหุ้นไทย นั้น ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวสูงขึ้น และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทที่ดีขึ้น

ทางฝั่งพี่ใหญ่เอเชียอย่างจีนก็ไม่ยอมน้อยหน้าครับ ตลาดหุ้นจีนทยอยปรับตัวขึ้น จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อและดัชนีราคาผู้ผลิตประจำเดือน ธ.ค. ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ครับ

สุดท้ายมาที่ตลาดหุ้นเกาหลีกันบ้าง นี่ก็ปรับตัวขึ้นเหมือนกันครับ หลังจากความกดดันทางการเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากค่าเงินดอลลาร์ที่ยังคงอ่อนค่า

ส่วนราคาน้ำมันยังปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ครับ

สถานการณ์โดยรวมตอนนี้มาแบบสั้นๆ เน้นๆ ด้วยคำว่าขึ้นกันล้วนๆ อย่างเดียวครับ ตอนนี้เรามาดูกลยุทธ์กันดีกว่าว่า สัปดาห์นี้ควรจะลงทุนอย่างไรดีครับ

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารทุน

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาดี ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการปฏิรูปนโยบายภาษีสหรัฐฯ และแนวโน้มผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนที่จะออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นคำแนะนำในสัปดาห์นี้ของผมยังคงเป็น “ซื้อ” เหมือนที่ผ่านๆ มาอยู่ครับ
  • ตลาดหุ้นเกาหลี เนื่องจากตลาดหุ้นเกาหลีได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของการส่งออก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ในขณะที่ราคาของตลาดหุ้นเกาหลียังถือว่าถูกกว่าตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ดังนั้นยังสามารถสะสมต่อไปได้ แนะนำให้ “ซื้อ” เหมือนกันครับผม
  • ตลาดหุ้นเกิดใหม่ งานนี้ไปต่อได้อยู่ครับ เนื่องจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออก อีกทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนหุ้นในตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ยังไม่มีสัญญาณเร่งตัว ทำให้ FED ไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ ECB และ BOJ ยังจำเป็นต้องคงมาตรการ QE ต่อไป ทำให้ความเสี่ยงเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ยังไม่สูงมากนัก เหตุผลเดิมๆ เหมือนที่ผ่านมา พร้อมกับคำแนะนำว่า “ซื้อ” และสะสมต่อไปครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้

แนะนำให้สะสมเพิ่ม 3 กลุ่ม นั่นคือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ได้รับผลกระทบทางบวกจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปีนี้ครับ

กลยุทธ์ลงทุนในตลาดตราสารหนี้

  • ตราสารหนี้ต่างประเทศ แนะนำให้ลดอายุเฉลี่ยของพอร์ตลงครับ จากแนวโน้มเงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้น เนื่องจากการจ้างงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และนโยบายภาษีเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
  • ตราสารหนี้ไทย แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง จากแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวสูงกว่าคาด และเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น  จากการเร่งตัวของราคาพลังงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตราสารหนี้ระยะยาวครับ ดังนั้นปรับอายุของพอร์ตลงจะเป็นผลบวกมากกว่าครับ

สรุปคำแนะนำการลงทุนในตลาดตราสารหนี้สัปดาห์นี้

ตอนนี้ผมยังแนะนำให้ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ไทยระยะกลาง และตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่มี high yield และ short duration เป็นหลักครับ

กลยุทธ์ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

  • ทองคำ : จากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า เนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นโยบายลดภาษี รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไว้มากแล้ว ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ขาดปัจจัยหนุนให้แข็งค่า ซึ่งอย่างที่บอกครับว่า ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มักปรับตัวขึ้นในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน ดังนั้นยังคงสะสมต่อไปได้ครับ
  • น้ำมัน : จากความต้องการน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก ประกอบกับกำลังการผลิตและปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ความตึงเครียดทางการเมืองตะวันออกกลาง จะช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันให้ไปต่อครับ ดังนั้นทยอยสะสมต่อไปได้ครับผม

ภาพรวมโดยสรุปของสัปดาห์นี้

เข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้ว แต่สถานการณ์โดยรวมยังคงสดใสอยู่นะครับ

แต่สำหรับสัปดาห์นี้ "จะเน้นไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นเกาหลี และตลาดเกิดใหม่เป็นหลักครับ"

ส่วน ตราสารหนี้ หรือ สินทรัพย์ทางเลือกนั้น ยังคงมีโอกาสอยู่เหมือนเดิมครับ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกลงทุนในแบบไหนให้เหมาะกับตัวเองครับ

ขอย้ำกันอีกทีก่อนจากกันว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้นอย่าลืมนำไปปรับใช้พิจารณาในการจัดพอร์ตของตัวเองอย่างเหมาะสมด้วยนะครับ เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับผม

สำหรับสัปดาห์นี้ต้องลากันไปก่อน สวัสดีครับ

หมายเหตุ : *ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 18 มกราคม 2561 ทั้งนี้ เอกสารนี้จัดทำเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับเผยแพร่ทั่วไป ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อชักชวน ชี้นำ หรือ เสนอซื้อ-ขาย หลักทรัพย์ใดๆ  จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็นหรือคำแนะนำในการตัดสินใจการลงทุนทางการเงิน และทางธุรกิจแต่อย่างใดโดยสิ้นเชิง  ผู้ใช้ข้อมูลนี้ต้องใช้ความระมัดระวังด้วยวิจารณญาณของตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยตนเอง