ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ได้เดินหน้าเต็มที่ในการขยายธุรกิจ ทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ และธุรกิจต่างประเทศ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไม หุ้นโออาร์ ถึงเป็นหุ้นที่นักลงทุนเฝ้ารอมากที่สุดตัวหนึ่ง 

โออาร์ เป็นธุรกิจที่แยกออกมาอย่างชัดเจนจาก ปตท. ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะ รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น (Together for Betterment) ให้กับทุกคนผ่านกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ที่ไม่ได้มีเพียงแค่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station หรือ Caf? Amazon ในพอร์ตโฟลิโออย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน แท้จริงแล้ว โออาร์ มีธุรกิจอื่นอีกมากมาย ซึ่งมีการผสมผสานและต่อยอดศักยภาพของแต่ละกลุ่มธุรกิจด้วยแนวคิด Retailing Beyond Fuel เพื่อเติมเต็มประสบการณ์และความต้องการให้ลูกค้าอย่างครบครันและสร้างคุณค่าให้กับชุมชนอย่างมุ่งมั่น โดยแบ่งออกได้ดังนี้

1. กลุ่มธุรกิจน้ำมัน (Oil Business) 

ประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ กลุ่มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมแบบค้าปลีก ที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 1,900 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) และโดดเด่นด้วยแนวคิด Living Community ที่ให้สถานีบริการน้ำมันเป็นศูนย์กลางของชุมชน โดยออกแบบธุรกิจเพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนมาร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนไปพร้อมกัน 

ส่วนอีกกลุ่มในธุรกิจน้ำมัน คือกลุ่มการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์ ให้กับลูกค้าทั้งหมดกว่า 2,600 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) มีทั้งกลุ่มลูกค้าภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคครัวเรือนภายใต้แบรนด์ ก๊าซหุงต้ม ปตท. โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ 

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการให้บริการที่ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ภายใต้แบรนด์  PTT Lubricants  อีกทั้ง โออาร์ยังมีคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมถึงกว่า 70 แห่งทั้งในและต่างประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) เพื่อใช้กระจายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 


2. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil Business)

เป็นธุรกิจที่เกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคนอกเหนือจากการเติมน้ำมันในสถานีบริการ และยังเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มมากขึ้น 

โดย โออาร์ ดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ที่หลากหลาย ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงการบริหารจัดการพื้นที่ซึ่งเป็นการให้เช่าพื้นที่ภายในสถานีบริการและพื้นที่อื่น ๆ เช่น Rest Area โดยมีเครือข่ายร้านค้าที่ตั้งอยู่ทั้งภายในพื้นที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และพื้นที่อื่น ๆ นอกสถานีบริการที่ โออาร์ เห็นว่ามีโอกาสทางธุรกิจ

สำหรับรายได้หลักในส่วนนี้ มาจากร้านกาแฟในแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยมากที่สุด ก็คือ Caf? Amazon ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 3,400 สาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) ทั้งในและนอกสถานีบริการน้ำมัน PTT Station โดย Caf? Amazon ขายเครื่องดื่มในปีล่าสุดได้กว่า 285 ล้านแก้วทั่วโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) และเป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกหากพิจารณาตามจำนวนสาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดย Euromonitor)

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์อื่นที่ โออาร์ ดำเนินการ เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station  ร้านสะดวกซื้อ Jiffy  Texas Chicken ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และอื่น ๆ อีกมากมาย เห็นได้ชัดว่า โออาร์ ไม่ได้เพียงแต่ทำธุรกิจน้ำมันหรือขายกาแฟอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีธุรกิจอื่นอีกมากมาย


3. ธุรกิจต่างประเทศ

เป็นการนำรูปแบบทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศ ทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ ไปต่อยอดและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับผู้บริโภคในแต่ละประเทศเพื่อสร้างความภาคภูมิใจในแบรนด์ไทยถึง 10 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย มีทั้งในรูปแบบที่ โออาร์ ดำเนินการเอง และในรูปแบบที่ให้บริษัทย่อยที่ตั้งอยู่ในประเทศนั้น  ๆ เป็นผู้ดำเนินการ 

โดยปัจจุบันประกอบไปด้วยสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 329 แห่ง, ร้าน Caf? Amazon 272 สาขา, ร้านสะดวกซื้อ Jiffy 86 สาขา, ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto 4 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) และอื่น ๆ ที่พร้อมจะขยายไปอีกมากในอนาคต

จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นว่า โออาร์ มีธุรกิจในเครือมากมายและกำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปีล่าสุด โออาร์ สามารถสร้างรายได้ได้เกือบ 6 แสนล้านบาท พร้อมกับกำไรสุทธิที่สูงกว่า 1 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว


งบการเงิน โออาร์

ปี 2560

รายได้ 543,276 ล้านบาท

ค่าใช้จ่าย 533,507 ล้านบาท

กำไรสุทธิ 9,769 ล้านบาท


ปี 2561

รายได้ 592,073 ล้านบาท

ค่าใช้จ่าย 584,222 ล้านบาท

กำไรสุทธิ 7,851 ล้านบาท


ปี 2562

รายได้ 577,134 ล้านบาท

ค่าใช้จ่าย 566,238 ล้านบาท

กำไรสุทธิ 10,896 ล้านบาท


หมายเหตุ: อ้างอิงข้อมูลทางการเงินรวมเสมือนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 และ 2561 และงบการเงินรวมตรวจสอบตามกฎหมายสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562


โดยจากข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนของ โออาร์ ซึ่งเปิดเผยบนเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ณ ขณะนี้ สำหรับงวดเก้าเดือนปี 2563 ทางบริษัทแจ้งว่า 

EBITDA หรือก็คือกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (ก่อนหักรายการระหว่างกัน) ของ โออาร์ มาจากธุรกิจน้ำมัน 68.7% ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ 25.1% ธุรกิจต่างประเทศ 5.8% และธุรกิจอื่นๆ 0.4% ซึ่งถ้าวัดจากรายได้ของ โออาร์ แม้รายได้จากการขายน้ำมันจะเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าการขายสินค้าทั่วไป

ถ้าพิจารณาจาก EBITDA จะเห็นว่ากว่า 25% ของ EBITDA มาจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องน้ำมัน แสดงว่าธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่ โออาร์ทำทั้งหมดนั้นสร้างกำไรให้กับเครือบริษัทไม่น้อยเลย


สำหรับแผนการในอนาคต ต่อจากนี้ โออาร์ วางแผนจะขยายจำนวนสาขาสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ครอบคลุมกว่า 2,500 สถานีทั่วประเทศเพื่อรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดเอาไว้ รวมถึงขยาย Caf? Amazon ให้มีสาขาครอบคลุมกว่า 5,200 แห่งทั่วประเทศไทยภายในปี 2568 

นอกจากนั้นยังมีแผนเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้าให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย ซึ่งการขยายธุรกิจของ โออาร์ ก็นับว่าเป็นข่าวดีไม่ใช่แค่เฉพาะสำหรับผู้ถือหุ้น แต่เป็นข่าวดีต่อทุกภาคส่วนด้วย เพราะ โออาร์ มุ่งเน้นการทำธุรกิจที่เน้นการมีส่วนร่วมของสังคม (Social Inclusiveness) ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องทั้งที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และ Caf? Amazon อาทิ โครงการไทยเด็ด โครงการ Caf? Amazon for Chance ฯลฯ แม้จะเป็นบริษัทใหญ่ระดับประเทศที่การเติบโตแบบก้าวกระโดดดูจะเป็นไปได้ยาก แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องเติบโต อะไรก็ไม่สามารถฉุดให้ หุ้นโออาร์ หยุดการเติบโตได้ 

สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้น IPO ครั้งใหญ่อันดับต้นๆ ของประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ investor.pttor.com

            ลงทุนศาสตร์


หุ้นโออาร์ หุ้น IPO ที่มาพร้อมโอกาสเติบโตที่ก้าวไกล ในธุรกิจน้ำมันและการค้าปลีก


บทความนี้เป็น Advertorial