เราเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบริษัทที่เราทำงานอยู่จึงมียอดขายเพิ่มขึ้น
ทำไมเราถึงมีเงินเดือน มีรายได้มากขึ้น
ทำไมถึงมีเงินหมุนเวียนในตลาดหุ้นมากมาย
ทำไมถึงมีเงินมากมายบนโลกจนเรานึกจินตนาการไม่ไหวว่าจะใช้เงินหมดได้ยังไงในชาตินี้
ทำไมเงินถึงเพิ่มขึ้นมาบนโลกนี้
เงินมาจากไหนกันนะ

เงินมีพัฒนาการมายาวนานมากแล้วตั้งแต่เรายังไม่ค่อยรู้ด้วยซ้ำว่าเงินเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง
เงินเคยเป็นตัวแทนใช้แลกเปลี่ยนแทนสิ่งของมีค่าระหว่างกัน
เงินเคยถูกสร้างเป็นตัวแทนทองคำ
ปัจจุบัน เงินถูกสร้างขึ้นมาผ่านกลไกที่แทบเรียกได้ว่า มหัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ!

จะขอเล่าเป็นภาพง่ายๆ ถึงกลไกนั้น

ธนาคารเป็นที่รับฝากเงิน

เมื่อธนาคารรับฝากเงินได้สักก้อนหนึ่งไปสักระยะ สมมุติรับฝากเงินจากลูกค้ามาได้ 1 ล้านบาท
Business Model ของธุรกิจธนาคารคืออะไร

ธนาคารมีกำไรมาจากดอกเบี้ยที่เขาปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้าน คำถามต่อมาถามว่า ทำอย่างไรธนาคารจึงจะมีรายได้มากขึ้น

คำตอบคือ ธนาคารปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้ามาขอยืมเงินไปใช้ก่อนแล้วคิดดอกเบี้ย ดอกเบี้ยคือรายได้ของธนาคาร

ธนาคารเอาเงินจากไหนมาปล่อยกู้

ธนาคารก็เอามาจากเงิน 1 ล้านบาทที่ลูกค้าฝาก

มีกฎเกณฑ์บอกไว้ว่าธนาคารสามารถกันเงินเพียง1ใน10ส่วนของที่มีจริงเก็บสำรองไว้ในธนาคารก็พอแล้ว

ที่เหลืออีก9ใน10ส่วนสามารถเอาออกมาปล่อยให้คนอื่นมากู้ยืมเงินไปใช้ได้

คนกู้เงินไปทำอะไรบ้าง

คนกลุ่มแรกกู้เงินไปทำธุรกิจ ลงทุนเพิ่มให้เกิดผลผลิตเพื่อเอาไปขาย ได้กำไร แล้วก็แบ่งสันปันส่วนกำไรให้ลูกจ้างมาในรูปแบบเงินเดือนค่าจ้าง

คนอีกกลุ่มหนึ่ง กู้ยืมเงินเช่นผ่านระบบบัตรเครดิต สินเชื่อบ้านรถ เอาเงินไปซื้อของที่คนกลุ่มแรกขาย

มีกฎเกณฑ์กล่าวว่า คนทั้งสองกลุ่มนี้ก็ต้องทำงานหาเงินมาใช้ "หนี้สิน" ที่ก่อไว้ให้ครบ ห้ามเบี้ยว

ดังนั้นบางคนอาจจะไปกู้ยืมเงินมาอีกเพื่อลงทุนหารายได้เพิ่มมาจ่ายหนี้ให้ครบ
กู้ ลงทุน มีรายได้ ใช้หนี้ มีเงิน
ปล่อยกู้ ใช้หนี้ มีเงิน
ปล่อยกู้ ใช้หนี้ มีเงิน
ปล่อยกู้ ใช้หนี้ มีเงิน วนแบบนี้ไปเรื่อยๆ
เราคงจะมองเห็นภาพวงจรที่หมุนเป็นวงกลมของการเพิ่มเงินในโลกนี้แล้วบ้าง

ปัจจุบัน เงินไม่ได้มาจากการมีสำรองทองคำ
เงินไม่ได้มาจากสิ่งมีค่าจริงๆ
แต่เงินมาจาก "หนี้"

"หนี้" ก่อให้เกิดเงิน

และกลไกนี้ กำลังจะมีปัญหา...อาจเป็นเพราะเงินนี้เพิ่มขึ้นมาด้วยเหตุจากกิเลสและความโลภมากเกินไป