จากข่าวเรื่องทายาทกระทิงแดงที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ มีความรู้การเงินที่สำคัญแทรกอยู่ด้วยว่าตัวเราควรทำประกันชีวิตเท่าไหร่ 

ค่าเสียโอกาส

แม้ว่าชีวิตของเราไม่สามารถตีราคาได้ แต่ถ้าวันหนึ่งเราต้องกลายเป็นผู้เสียหายแล้วต้องการได้รับเงินเยียวยา จึงต้องมีแนวคิดว่าควรเรียกค่าเสียหายจากคนที่ทำให้เราบาดเจ็บเท่าไหร่ เช่น เราเกิดอุบัติเหตุนอนป่วยไปทำงานไม่ได้ 1 เดือน เสียเวลาในการหาเงินไปวันละกี่บาท ค่ารักษาพยาบาลจนกว่าจะหายป่วย ค่าเสียขวัญ ฯลฯ

รวมทั้งหมดแล้วเป็นจำนวนเงินที่เราควรจะได้รับ สมมติว่าเป็นเงิน 500,000 บาท เราจะได้รับเงินหรือไม่ขึ้นอยู่กับคู่กรณี

  • ถ้าคนที่ทำให้เราบาดเจ็บเป็นคนมีหนี้สินล้นพ้นตัว มันก็ยากที่เราจะได้รับเงินเยียวยา 500,000 บาท แต่เรามีทางออกแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้ด้วยประกันสังคมและเบิกกับประกันสุขภาพ ทำให้เราได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลและเงินที่ได้รับจากการนอนโรงพยาบาล 30 วัน จ่ายให้ญาติเดินทางให้ญาติที่มาดูแล 
  • ถ้าคนที่ทำให้เราบาดเจ็บเป็นเจ้าของธุรกิจมีฐานะร่ำรวยและมีความรับผิดชอบ เขาก็จะดูแลเราเป็นอย่างดี อาจจะให้เงินค่าเสียเวลามากกว่าที่เราต้องการก็ได้

มันเป็นค่าเสียโอกาสที่เราไม่ได้รับเงินช่วงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่การเสียชีวิตทำให้เราเสียโอกาสสร้างรายได้ไปตลอดชีวิต เราสามารถปกป้องรายได้ในอนาคตส่วนนี้ได้ เริ่มจาก…

1. ตลอดชีวิตเราสร้างรายได้ให้ครอบครัวเท่าไหร่ (คำนวณทุนประกันชีวิต)

จากข่าวนี้เราจะเห็นวิธีการคำนวณเงินเยียวยาที่มาจาก “ความสามารถในการหารายได้”  ซึ่งตรงกับแนวคิดการคำนวณทุนประกันชีวิตที่เรียกว่า Human Life Value Approach ทำให้รู้ว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เราสามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวเท่าไหร่ จึงนำตัวเลขนี้มาเป็นทุนประกันชีวิต เพื่อสร้างความมั่นใจว่าครอบครัวมีรายได้จากเราแน่นอน

ตัวอย่าง ตอนนี้เราเป็นสาวสวยอายุ 30 มีรายได้เดือนละ 35,000 บาท ทำงานไปเรื่อยๆถึงอายุ 60 ควรมีทุนประกันชีวิตเท่าไหร่

  • ตั้งแต่อายุ 30 - 60 มีเวลาทำงานรวม 30 ปีหรือ 360 เดือน
  • สมมติเงินเดือนคงที่ 35,000 บาท เวลา 360 เดือน เรามีรายได้ให้ครอบครัวอย่างน้อย 35,000 x 360 = 12,600,000 บาท (ยังไม่รวมรายได้ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต)
  • ถ้าอายุ 31 เสียชีวิต เงิน 12,600,000 บาทที่ครอบครัวจะได้รับก็หายไปด้วย ดังนั้น เราควรซื้อทุนประกันไว้ที่ 12,600,000 บาท 

2. เลือกประกันชีวิตที่ตอบโจทย์

เป้าหมาย คือ การคุ้มครองความสามารถในการหารายได้ 12,600,000 บาท อีก 30 ปีข้างหน้า เป็นค่าเสียโอกาสที่เราทำงานไม่ได้ตลอดชีวิต ถ้าอายุยืนเราหารายได้มากกว่านี้ แต่ถ้าอายุสั้น เรามีเงินก้อนดูแลครอบครัวแน่นอน ประกันชีวิตที่เหมาะสมควรเน้นทุนประกันสูง คือ

แบบชั่วระยะเวลา

เบี้ยประกันปีละ 30,988 บาท จ่าย 20 ปี คุ้มครอง 20 ปี สิ่งที่เราจะได้รับ

  • การเสียชีวิตภายใน 20 ปี มีเงินก้อนดูแลครอบครัว 12,700,000 บาท 
  • ไม่มีมูลค่าเงินสด ปีที่ 21 เงินมีค่าเท่ากับ 0 บาท

แบบควบการลงทุน

เบี้ยประกันปีละ 50,400 บาท จ่าย 20 ปี คุ้มครองตลอดชีวิตถึง 99 สิ่งที่เราจะได้รับ

  •  กรณีทุพพลภาพ มีเงินดูแลตัวเอง 12,600,000 บาท
  •  การเสียชีวิตได้รับ 12,600,000 + เงินจากการขายกองทุนรวม
  •  ทุพพลภาพหลายปีแล้วเสียชีวิต มีเงินจากส่วนทุพพลภาพมาดูแลตัวเอง 12,600,000 บาท + เสียชีวิต 12,600,000 + เงินจากการขายกองทุนรวม
  •  จำเป็นเรื่องเงินถอนเบี้ยประกันออกมาใช้ได้ (ต้องจ่ายเบี้ยประกันมาแล้ว 10 ปี)

ไม่แนะนำ!!

ประกันแบบสะสมทรัพย์ แบบบำนาญ แบบตลอดชีพ เพราะทุนประกันเท่ากัน แต่เบี้ยประกันจ่ายมากกว่าปีละ 200,000 บาท (เบี้ยประกันจะแตกต่างกันตามอายุ เพศ ทุนประกันนะคะ)

ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น เงินออมทรัพย์ สลากออมสิน หุ้น กองทุน ทองคำ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ฯลฯ มีลักษณะและตอบโจทย์เป้าหมายการเงินที่แตกต่างกัน เหมือนการเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับสถานที่ที่จะไปว่าไปงานศพ งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่นั้นควรแต่งตัวอย่างไร เรื่องนี้เป็นการสร้างความมั่นใจว่าครอบครัวมีรายได้แน่นอน จึงต้องใช้ “ประกันชีวิต” ที่ใช้เงินหลักหมื่น เพื่อสร้างความคุ้มครองหลักล้าน

ยิ่งเรามีความรู้การเงินกว้างเท่าไหร่ 

ก็จะมีทางเลือกให้ตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

————

PR : Workshop และ E-book

=> จองเวลา Workshop วิธีจัดการเงินขั้นเทพ @เชียงใหม่ https://bit.ly/2POuvcv

=> E-book “วิธีจัดการเงินขั้นเทพ ฉบับลงมือทำ” สรุปเคล็ดลับวิธีจัดการเงินแบบไม่ต้องคลำทางเอง อ่านแล้วทำ workshop ครบทุกเรื่อง รับรองว่าจัดการเงินดีขึ้นแน่นอน https://www.facebook.com/miracleofsaving/photos/a.641428715894749/3107277445976518/?type=3&theater

เพจอภินิหารเงินออม