e-Payment จัดเป็นคำยอดฮิตที่แหล่งข่าวพาดหัวกันโครมครามมากหลังรัฐบาลประกาศจะผลักดันประเทศไทยให้จับจ่ายใช้สอยแบบไร้ธนบัตร อย่าพึ่งเมินหน้าหนีกันนะครับตอนนี้คนไทยเริ่มคุ้นชินกับการใช้ Mobile Banking ที่สุดสะดวกกันแล้ว การจะผลักดันให้คนจับจ่ายใช้สอยแบบไร้เงินสดจึงมีโอกาสเป็นไปได้ และไหนๆ เราก็หนีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ลองมองหาโอกาสทำเงินจาก e-Payment กันดีกว่า

ระบบจ่ายเงินแบบดั้งเดิม

1. เงินสด

เราชินกับการจ่ายเงินสดเป็นอย่างดี แต่การจ่ายเงินรูปแบบนี้แอบมีข้อเสียไม่ใช่น้อย ต้องพกเงินเยอะ ล่อเสือล่อตะเข้ หรือบางทีเงินไม่พอต้องหา ATM กดเงินกันวุ่นวาย ยิ่งวันเงินเดือนออก คนมารอกดเงินกันมหาศาลจนพาลอารมณ์เสียได้ง่ายๆ

2. บัตรเครดิต

รูดปรื๊ดๆ สบายใจ ร้านค้าชั้นนำส่วนใหญ่มีเครื่องรูดให้ แต่ร้านค้าเล็กๆ ยังไม่ค่อยรับบัตรเครดิตกันสักเท่าไหร่เพราะค่าธรรมเนียมในการรับรูดผ่านบัตรเครดิตโหดไม่ใช่เล่นนะครับ พวกเราคนซื้อไม่ต้องเสีย แต่พ่อค้าแม่ค้าเขาต้องแบกรับต้นทุนส่วนนี้ไป

3. โอนเงิน

โอนต่างธนาคารเสียค่าธรรมเนียมด้วยนะ เช่น ในบางธนาคารปัจจุบันโอนแต่ละครั้งเสียเงินตั้ง 25 บาท ได้ข้าวครึ่งจานแล้วนะนั่น เวลาสั่งซื้อของออนไลน์แล้วผู้ขายสินค้าไม่มีบัญชีธนาคารที่เราใช้ก็อาจทำให้ลังเลเล็กน้อย และเงิน 25 บาทนี้อย่าดูถูกเชียวนะ คิดง่ายๆ ว่าถ้าต้องโอนนู่นนี่นั่นต่างธนาคารสัก 10 ครั้งก็เสียค่าโอนไป 250 บาทแล้ว นี่ไม่นับรวมการโอนเงินข้ามจังหวัดอีกนะ เสียค่าธรรมเนียมกันเยอะมากๆ เลย

4. ช่องทางอื่น เช่น บัตรเงินสด การชำระเงินผ่านทาง App หรือเงินดิจิตอลอื่นๆ

ที่เราเติมเงินใส่บัตรก่อนแล้วรูดรัวๆ ได้ อันนี้ก็สะดวกไปอีกแบบแต่ร้านค้าที่รับชำระยังมีน้อย แถมบางเจ้าบัตรหายแล้วเท่ากับเงินหายไปเลย

ทีนี้รัฐเริ่มเห็นว่าคนไทยเนี่ยนอกจากจะใช้เงินสด ก็ใช้บัตรเครดิต โอนเงินซื้อของ หรือใช้บัตรทางเลือกอื่นๆ การใช้เงินสดเนี่ยมีแนวโน้มจะลดลง ก็เลยอยากผลักดันให้เกิดการจับจ่ายแบบไร้เงินโดยผูกข้อมูลแต่ละคนกับเลขบัตรประชาชน ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า Identification Card ก็เลยเรียกกันสั้นๆ ว่า ID และตั้งชื่อนโยบายนี้ว่า "Any ID" และตั้งชื่อบริการนี้ว่า "พร้อมเพย์ (PromtPay)"

ข้อดีของการเปลี่ยนระบบเป็นการจ่ายเงินแบบไม่ใช้เงินสดคือ เราติดตามได้เลยว่าเงินเดินทางไปยังกระเป๋าของใครบ้าง เงินเข้าเงินออก ตามเลขบัตรประชาชนไหนบ้างทำให้รัฐเก็บภาษีได้เยอะขึ้นและคอรัปชั่นได้ยากขึ้น ส่วนด้านการค้าก็สะดวกรวดเร็ว เพราะแค่มีเลขบัตรประชาชน (ID) และเบอร์โทรศัพท์มือถือก็โอนและรับเงินผ่านระบบออนไลน์ได้แล้ว

การใส่เงินไปในบัญชีออนไลน์คล้ายกับการเติมเงินในเกมครับ เราก็ซื้อของในโลกความเป็นจริงได้แล้ว วิธีการจ่ายเงินก็ง่ายแสนง่ายแค่โอนเงินเข้าเลข ID ของคนอีกฝ่าย เช่น วันนี้จะซื้อรองเท้า แทนที่จะจ่ายเงินสดหรือรูดบัตร ก็เปิดมือถือ แล้วเปิด Application Mobile Banking และกดโอนเงินเข้า ID เจ้าของร้านได้เลย ข้อดีคือไม่เสียค่าธรรมเนียม (ถ้ายอดต่ำกว่า 5,000 บาท) และเจ้าของร้านเช็คได้ด้วยว่าเงินมาจากไหนกัน

โอกาสที่มากับระบบ e-Payment

1. ร้านค้าออนไลน์เตรียมเฮ e-Payment ดันยอดขายพุ่ง

จากงานวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค การรับบัตรเครดิตหรือเดบิตจะเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้ามากขึ้น และร้านค้าที่มีบัญชีธนาคารหลากหลายธนาคารเป็นตัวเลือกจะทำให้ลูกค้าชื่นชอบและตัดสินใจเลือกซื้อได้รวดเร็วกว่า เพราะฉะนั้นระบบ e-Payment เนี่ยจะช่วยให้ลูกค้าควักเงินช๊อปปิ้งได้สะดวกขึ้น แค่คลิ๊กกดผ่านมือถือก็จ่ายเงินได้แล้วไม่ต้องเสียเวลาหา ATM ให้เมื่อย ส่วนพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เคยอดหลับอดนอนเช็คยอดโอน ตอนนี้ถ้ามีระบบ e-Payment จะทำให้จัดการยอดโอนเข้าได้ง่ายขึ้นเพราะมีบันทึกบอกเลยว่าเงินแต่ละยอดโอนมาจากใคร

2. อาชีพใหม่ที่มากับ Fintech

ตอนนี้หลาย Fintech เริ่มขยับตัวกันแล้ว Everex เองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ลองจินตนาการคนขับรถ Uber ยุคแรกๆ ที่รวยกันเป็นล่ำเป็นสัน คนที่เป็น Partner กับ Fintech กลุ่มแรกๆ ก็มีโอกาสรวยไม่ต่างกันครับ ไม่แน่ต่อไปอาจมีอาชีพอย่าง Uber for Foriegn Currency Exchanger หรือคนรับแลกเงินตราต่างประเทศอิสระ เช่น ฝรั่งมาเมืองไทยไม่มีเงินไทยใช้ แต่มีเงินในกระเป๋าเงินออนไลน์ของเขานะ ทีนี้เราก็ทำหน้าที่ให้เขาโอนเงินออนไลน์เขากระเป๋าเงินเราเสีย และเราก็จ่ายเงินสดที่เป็นเงินไทยให้กับฝรั่งไป ทีนี้เราก็ยิ้มร่ากับส่วนต่างค่าธรรมเนียมในการแลกเงิน อาชีพเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคนใช้กระเป๋าเงินออนไลน์เยอะและคนต้องคุ้นเคยกับ e-Payment ระดับหนึ่ง ใครไม่อยากพลาดโอกาสที่มีแค่มือถือก็สร้างรายได้เข้ากระเป๋าแนะนำให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

3. ปล่อยกู้ออนไลน์ดอกเบี้ยงาม

เราเคยเขียนเรื่อง Peer-to-Peer Lending ไปแล้วถ้าใครยังไม่ได้อ่านแนะนำให้เลยอ่านกันดูนะครับ ระบบ e-Payment เนี่ยจะช่วยเสริมให้การปล่อยกู้ออนไลน์เกิดขึ้นได้ เปรียบเสมือนกับรถไฟฟ้าที่จะเคลื่อนที่ได้ต้องมีรางก่อน e-Payment ก็เหมือนกับรางที่ปูระบบพื้นฐานให้การปล่อยกู้ออนไลน์ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น และเงินรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ที่เคยกระจุกอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่งจะได้กระจายสู่คนทั่วไป นับเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ

สิ่งที่หลายคนตั้งคำถามมากที่สุดคือแล้วระบบจะปลอดภัยขนาดไหน ผมมองว่าถ้าใช้ Blockchain เรื่องความปลอดภัยนั้นสบายใจหายห่วงแน่ๆ แต่ถ้ายังใช้ระบบรวบรวมข้อมูลที่ศูนย์กลางก็น่าห่วงเพราะเร็วๆนี้เพิ่งมีข่าวธนาคารใหญ่โดนแฮคอีกแล้วครับ ตรงนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าระบบ e-Payment ในอนาคตจะมีการพัฒนาในเรื่องระบบและการให้บริการอย่างไร

สำหรับใครไม่อยากตกขบวนรถไฟ ลองเปิดกระเป๋าตังค์ออนไลน์ของ Everex ที่ http://goo.gl/uyTIZq มาทดลองใช้กันดูครับ ดาวน์โหลดฟรีแถมเปิดโอกาสธุรกิจด้วยนะคร้าบ